“Paradox Mindset” ตัวแปรที่ทำให้ยอดขายธุรกิจ “ดิ่งเหว”

สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในช่วงเวลานี้อาจไม่สู้ดีนัก ยอดขายของหลายธุรกิจมีแต่ทรงกับทรุด ร้านค้าร้านอาหารหลายแห่งทยอยปิดกิจการอันเป็นผลมาจากยอดขายที่ไม่เป็นไปตามเป้า สวนทางกับต้นทุนทุกอย่างที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ “กำลังซื้อ” ของคนตอนนี้ที่ลดลงมาก ถ้าดูข้อมูลต่างๆจะยิ่งเห็นภาพชัดเจน

  • 50% ของร้านอาหารที่เปิดใหม่ ปิดตัวภายในปีแรก
  • 48% ของผู้บริโภคมีความรู้สึกว่าสถานะทางการเงินของตนเอง “แย่ลง”
  • 84% ของคนไทยมีความต้องการหารายได้เสริมเพิ่มจากงานประจำ

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนถึง งบประมาณที่ตึงตัว มีรายจ่ายมากกว่ารายรับ ก่อให้เกิดความกังวลด้านการจับจ่าย

แต่สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเพียงเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ยอดขายทางธุรกิจไม่เป็นไปตามเป้า ซึ่งถ้าว่ากันตามจริงแล้วในทางจิตวิทยาทุกคนอยากซื้อ อยากจ่าย ต้องการความสุขความสบาย เพียงแต่ “ความไม่พร้อม” คือตัวแปรที่ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก

Paradox Mindset วิธีที่ธุรกิจต้องเอาชนะความคิดผู้บริโภค

Paradox Mindset
ภาพจาก https://app.envato.com

หลายครั้งที่เรารู้สึกว่า “อยากซื้อ” แต่ก็มีเหตุผลในหัวเยอะแยะมากมาย บางทีเหมือนเป็นความคิด 2 ขั้วที่อยู่ในหัวตัวเอง ซึ่งในทางธุรกิจหากเราทำให้ลูกค้ารู้สึกได้ว่า “ทำไมต้องซื้อ” อาจเป็นตัวเพิ่มยอดขายได้ดี และสิ่งนี้ในทางการตลาดเรียกว่า Paradox Mindset โดยมีตัวอย่างของความคิดย้อนแย้งในหลายรูปแบบ ได้แก่

  • อยากซื้อ แต่ ไม่มีเงิน
  • ความต้องการสินค้า กับ ความจำเป็นที่แท้จริง
  • ต้องการสินค้าตามกระแส กับ ประโยชน์ที่แท้จริงของสินค้านั้น

ซึ่งความคิดที่ย้อนแย้งกันนี้อาจเป็นตัวแปรหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจมียอดขายลดลงเพราะสุดท้ายผู้บริโภคตัดสินใจเลือกที่จะไม่ซื้อเพราะมีเหตุผลอื่นที่ขัดแย้งมาเกี่ยวข้อง เป็นหน้าที่ของธุรกิจที่ต้องสร้างความเชื่อมั่น ให้ลูกค้ามั่นใจ กระตุ้นให้ลูกค้ารู้สึกว่าอยากซื้อ เอาชนะเสียงในหัวลูกค้าให้ได้ ก็จะมีโอกาสเพิ่มยอดขายได้มากขึ้นด้วย

ยกตัวอย่างที่เข้าใจง่ายๆ เช่น ร้านอาหารที่อาจจะมีตัวเลือกมากเกินไปทำให้เกิด “decision paralysis” หรืออาการตัดสินใจไม่ได้เนื่องจากกลัวเลือกผิด ส่งผลให้ลูกค้าลังเลหรือเลิกซื้อ ยอดขายมีโอกาสลดลง 20-30% วิธีแก้ปัญหาก็ง่ายๆอย่างเช่น McDonald’s ที่ลดเมนูให้เหมาะสมกับความต้องการทำให้ยอดขายเพิ่มเพราะลูกค้าตัดสินใจเร็วขึ้น

Paradox Mindset
ภาพจาก https://app.envato.com

หรืออีกหนึ่งความคิดย้อนแย้งที่สำคัญของลูกค้าคือ อยากได้เร็ว แต่ก็อยากได้ของดี ถ้าร้านค้าจับเอา Mindset นี้มาใช้ได้มีโอกาสเพิ่มยอดขายได้เช่นกัน เพราะมีข้อมูลที่ระบุว่าการที่ลูกค้าต้องรอคิวนานลดโอกาสในการสร้างยอดขายถึง 60%

ตัวอย่างของธุรกิจที่แก้ปัญหา Mindset นี้ได้อย่างดีเยี่ยมคือ After You ที่หันมาใช้การจองคิวออนไลน์ ทำให้ลดเวลาในการรอคอยของลูกค้าได้มากถึง 40% แถมยังรักษาคุณภาพสินค้าไว้ได้ ส่งผลให้ลูกค้าเอง กล้าตัดสินใจที่จะใช้บริการเพิ่มมากขึ้น

หรือการที่ลูกค้าเองมีความรู้สึกย้อนแย้งว่า อยากซื้อของมากขึ้น แต่ไม่อยากให้ราคารวมออกมาแพงเกินไป ในบางธุรกิจก็แก้ปัญหา Mindset นี้ด้วยการจัด “ชุดคอมโบ” ได้สินค้าเพิ่มขึ้น ในราคาที่ไม่แพง กระตุ้นให้มียอดขายต่อบิลได้สูงกว่า 30% เป็นต้น

อย่างไรก็ดีในมุมของ Paradox Mindset ได้แยกย่อยการใช้จ่ายตาม Gen ต่างๆ ไว้อย่างน่าสนใจได้แก่

  • Baby Boomer เป็นกลุ่มที่ลดการใช้จ่ายมากที่สุด โดยจะใช้จ่ายเฉพาะเรื่องที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น
  • Gen X เริ่มเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน โดยมีแนวโน้มลดการใช้จ่ายมากขึ้น
  • Gen Y มีรูปแบบการใช้จ่ายที่คล้ายกับ Gen Z แต่มีการเพิ่มความสนใจในเรื่องอื่น ๆ เข้ามาด้วย
  • Gen Z เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้ม “อยากจ่ายมากที่สุด” และลดการใช้จ่ายน้อยมาก เนื่องจากยังอยู่ในวัยที่อยากสำรวจและทดลอง คนกลุ่มนี้ยอมจ่ายเพื่อสิ่งที่เป็นส่วนตัว เช่น การดูแลตัวเอง, สัตว์เลี้ยง, ความงาม และการวางแผนทางการเงิน
Paradox Mindset
ภาพจาก https://app.envato.com

การที่แต่ละธุรกิจจะนำเอา Paradox Mindset มาใช้เพิ่มยอดขายก็ต้องศึกษาแนวทางและความต้องการของลูกค้าที่เข้าใจความต้องการได้อย่างแท้จริงโดยมีหลายวิธีการที่นำมาใช้ร่วมกันได้เช่น

  • Personalization การนำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคล
  • Experiential Marketing การมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำ ทั้งในรูปแบบ Physical และ Digital เพื่อกระตุ้นกลุ่มคนสูงอายุที่มีกำลังซื้อให้ตัดสินใจเร็วขึ้น
  • Phygital Approach การผสมผสานโลกจริงและโลกดิจิทัลเข้าด้วยกัน เพื่อส่งมอบประสบการณ์ใหม่ๆ

ดังนั้นหากเข้าใจ Paradox Mindset ได้อย่างลึกซึ้งจะทราบดีว่านี่ไม่ใช่แค่การยอมรับความขัดแย้งในใจของผู้บริโภค แต่เป็นโอกาสในการกระตุ้นยอดขาย

ซึ่งต้องใช้ไอเดียด้านการตลาดเข้ามาประยุกต์เพื่อเชื่อมต่อให้ถึงความรู้สึกลูกค้า เพราะมนุษย์ทุกคนมีความอยากซื้อ อยากได้ อยากเป็นเจ้าของ เพียงแต่มีความคิดขัดแย้งที่มากำหนดให้พฤติกรรมการซื้อต้องถูกจำกัด

หากธุรกิจรู้จักการทลายกำแพงความคิดเหล่านั้นลงได้ แม้ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ก็มีโอกาสสร้างยอดขายได้มากขึ้นเช่นกัน

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด