Lobo สินค้าราคาหลักสิบ แต่เป็นธุรกิจรายได้กว่า 1,000 ล้านบาท

อาหารไทยคือเอกลักษณ์ที่สร้างชื่อเสียงและสร้างรายได้ให้กับประเทศจำนวนมาก แต่ละปีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องต่างมียอดการส่งออกซอสและผงปรุงรสรวมเป็นมูลค่ามหาศาล ส่วนตลาดในประเทศมีมูลค่าสูงกว่า มูลค่า 47,000 ล้านบาท

และข้อมูลยังระบุอีกว่าคนไทยบริโภคซอสและเครื่องปรุงรสเฉลี่ย 5.8 กิโลกรัม/คน/ปี และดูเหมือนว่าอุตสาหกรรมนี้จะมีแต่โตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง www.ThaiSMEsCenter.com เชื่อว่าคนไทยเองถ้าพูดถึงแบรนด์เหล่านี้ต้องนึกถึง “Lobo” ซึ่งเป็นผงปรุงรสอาหารรสชาติต่างๆ ที่ใช้กันแพร่หลายทั้งในครัวเรือนและร้านอาหารทั่วประเทศ

Lobo ธุรกิจที่ก่อตั้งมานานกว่า 45 ปี สินค้าคู่ครัวไทย!

LOBO1

ภาพจาก https://bit.ly/3PYcGVT

จุดเริ่มต้นของ Lobo มาจากหนุ่มนักเรียนนอกที่ชื่อว่า คุณอาคม พลานุเวช ที่ครั้งหนึ่งไปเรียนปริญญาโทที่อเมริกาแล้วเกิดความคิดถึงอาหารไทย และเป็นไอเดียจุดประกายว่าควรสร้างธุรกิจที่ทำให้คนไทยในต่างแดนได้สามารถลิ้มรสอาหารไทยได้เหมือนทำกินเอง และยังทำให้ชาวต่างชาติมีโอกาสได้ลองรสชาติอาหารไทยได้ง่ายขึ้นด้วย ด้วยแนวคิดนี้ในปี 2520 จึงได้มีแบรนด์ “Lobo” เกิดขึ้น โดยเป็นสินค้าภายใต้บริษัท โกลโบ ฟู้ดส์ จำกัด ซึ่งในยุคแรกได้ผลิตผงปรุงรสออกมาเพียง 3 รสชาติก่อนที่จะพัฒนาต่อเนื่องซึ่งปัจจุบันมีผงปรุงรสรวมกว่า 70 แบบ

และหลายคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องใช้ชื่อว่า “Lobo” ก็คาดว่าน่าจะเป็นการตัดตัวอักษร ก.ไก่ จากชื่อบริษัท “โกลโบ” เลยกลายเป็น “โลโบ” แต่ Lobo ไม่ใช่สินค้าตัวเดียวของบริษัทเพราะบริษัท โกลโบ ฟู้ดส์ จำกัด เนื่องจากลูกค้าหลักคือบรรดาธุรกิจอาหารรายใหญ่ อย่าง ร้านฟาสต์ฟูด โรงงานแปรรูปอาหารทะเลและสัตว์ปีก ไปจนถึงโรงงานขนมขบเคี้ยว

คิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 55% ของบริษัทส่วน Lobo เป็นแบรนด์ลูกที่แตกออกมาเน้นตีตลาดของคนส่วนใหญ่เพื่อเข้าถึงทุกครัวเรือนที่ปัจจุบันมีมูลค่าการตลาดสูงมาก

ทำไม “Lobo” ถึงฮิต! คนรู้จักทั่วประเทศ
1.สินค้ามีความหลากหลาย

lobo2

ภาพจาก https://bit.ly/3zTgWAl

Lobo ทำการตลาดที่เน้นความหลากหลาย ทั้งเครื่องปรุงรสอาหารคาว อาหารหวาน เช่น ผงปรุงข้าวผัด ผัดไทย ผงพะโล้ ,ผงทำกิมจิ โคชูจัง (ซอสพริกเกาหลี), น้ำซุปบักกุ๊ดเต๋ ,ผงทำน้ำเกรวี ,ผงวุ้นกลิ่นต่าง ๆ อย่างเต้าฮวย สังขยา เป็นต้น รองรับเกือบทุกเมนูอาหารไทย และสามารถเก็บได้นาน

2.ทำการตลาดผ่านบุคคลมีชื่อเสียงในวงการอาหาร

กลยุทธ์การตลาดที่น่าสนใจคือใช้คนที่มีชื่อเสียงในวงการอาหารช่วยทำการตลาด โดยเน้นที่ความง่ายในการประกอบอาหาร เพื่อเชิญชวนผู้ที่อยากทำอาหาร ทำให้คนสนใจมากขึ้น

3.ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้ง่าย

lobo3

ภาพจาก https://bit.ly/3zTgWAl

เมื่อมีคนสนใจสินค้า การกระจายสินค้าให้เข้าถึงได้ง่ายก็สำคัญมาก Lobo จึงกระจายสินค้าครอบคลุมในทุกพื้นที่ เพื่อให้ผู้บริโภคหาซื้อง่าย และใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเลือกวางสินค้าในแต่ละพื้นที่ให้สอดคล้องกับความต้องการ รวมถึงทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ตอบโจทย์คนยุคใหม่ด้วย

4.สินค้าเทรนด์สะดวกที่คนยุคนี้ต้องการ

Lobo เป็นสินค้าตอบโจทย์เทรนด์สะดวกให้คนทำอาหารรับประทานได้ง่าย รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาจ่ายตลาดนาน ไม่ต้องหาซื้อวัตถุดิบมาก ไม่ต้องมีฝีมือด้านการทำอาหาร ก็ทำเมนูอร่อยได้ เพราะวิธีการของ Lobo แค่ฉีกซอง แล้วปรุงตามขั้นตอน ใส่วัตถุดิบเล็กน้อย ก็อร่อยได้ทันที เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองและคนในยุคเร่งรีบอย่างมาก

“Lobo” ผงปรุงรส สร้ายได้เกินกว่า 1,000 ล้านบาท

lobo4

ภาพจาก https://bit.ly/3oVREew

หากมองในเรื่องตัวเลขรายได้ถือว่าเติบโตชัดเจน ในปี 2561 มีรายได้ 1,560 ล้านบาท และในปี 2562 มีรายได้ 1,670 ล้านบาท เรียกว่าเติบโตสูงมาก และในสถานการณ์โควิด 19 ที่ผ่านมา คนต้องอยู่กับบ้าน กักตัวอยู่บ้าง และเว้นจากการรับประทานอาหารนอกบ้าน ทำให้ยอดการซื้อสินค้า Lobo ในภาคครัวเรือนสูงมากขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ Lobo ยังทำการตลาดในต่างประเทศ เน้นให้คนไทยในต่างแดนและชาวต่างชาติได้มีโอกาสลิ้มรสอาหารไทยได้ไม่ยาก รวมถึง Lobo ยังทำการตลาดกระจายสินค้าไปตามร้านของฝากต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น

จะเห็นได้ว่ากลยุทธ์การตลาดของ Lobo นั้นชัดเจนและมีเอกลักษณ์ในตัวเองมาก สามารถสร้างจุดขายที่ทำให้คนจำได้อย่างดี จุดแข็งของ Lobo คือการใช้ภาพความเป็นไทยในการทำให้คนสนใจ และใช้ความสะดวกและง่ายเพื่อตีตลาดในประเทศซึ่งถือว่ามีไอเดียการตลาดที่น่าสนใจอย่างมาก


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน

ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/335phDi

รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3IWDymp , https://bit.ly/3oF6VAF , https://bit.ly/3zjrbg7

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3SB1Oz9

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด