8 เทคโนโลยีอนาคต จะเขย่าวงการธุรกิจทั่วโลก

ปัจจุบันเทรนด์เทคโนโลยีต่างๆ และการใช้ นวัตกรรมดิจิตอล ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และอาจส่งผลให้การจ้างงานมนุษย์ลดลง

จำเป็นที่ผู้บริหารธุรกิจต้องปรับตัว เร่งศึกษาทำความเข้าใจตลาด และติดตามเทคโนโลยีให้ทัน เพื่อนำมาปรับใช้กับกลยุทธ์ รวมทั้งเพิ่มความสามารถในการแข่งขันเหนือคู่แข่ง

วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com จะนำคุณไปรู้จักกับ 8 เทคโนโลยีที่สำคัญของโลกในอนาคต ที่จะเข้ามามีบทบาทต่อการดำเนินธุรกิจทั่วโลก

โดยบริษัท PwC Consulting (ประเทศไทย) ได้ประเมินจากผลกระทบต่อธุรกิจและศักยภาพในเชิงพาณิชย์ในอีก 5-7 ปีข้างหน้าสำหรับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา และ 3-5 ปีสำหรับกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว มาดูกันว่าเทคโนโลยีสำคัญ 8 ประเภท ที่จะเข้ามาเขย่าวงการธุรกิจทั่วโลก มีอะไรบ้าง

1.ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence: AI)

นวัตกรรมดิจิตอล

ภาพจาก goo.gl/qjxX70

ซอฟต์แวร์ที่มีความฉลาด หรือศักยภาพในการทำงานเทียบเท่ากับมนุษย์ เช่น การรับรู้ภาพ-เสียง โดย AI ถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิดในการรวบรวมฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลายเข้าด้วย

เช่น การเรียนรู้ของเครื่องจักรซึ่งเป็นลักษณะหนึ่งของ AI ที่มุ่งเน้นการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง มีความเข้าใจ สามารถวางแผน และปรับเปลี่ยนตัวเองให้สอดคล้องกับข้อมูลใหม่ๆได้ อีกทั้งมีความสามารถในการเรียนรู้ถึงเหตุและผล มีความสามารถในการใช้ภาษา และมีความสามารถในการมีความคิดสร้างสรรค์

2.ความเป็นจริงเสริม (Augmented reality: AR)

j18

ภาพจาก goo.gl/lJMEaS

เป็นเทคโนโลยีที่ผสมผสานระหว่างความเป็นจริง (Real world)เข้ากับโลกเสมือนที่สร้างขึ้น (Virtual world)โดยใช้วิธีซ้อนภาพ เสียง วิดีโอ ในโลกเสมือนบนภาพที่เห็นในโลกความเป็นจริงผ่านอุปกรณ์ต่างๆ

ยกตัวอย่าง เช่น แว่นตา AR ซึ่งช่วยให้ผู้ที่ทำงานคลังสินค้าสามารถจัดระเบียบสินค้าได้อย่างถูกต้องแม่นยำ หรือช่วยผู้ผลิตในการประกอบเครื่องบิน และช่วยในงานซ่อมแซมไฟฟ้า ปัจจุบันยังมีการนำ AR มาใช้พัฒนาเกมในรูปแบบต่างๆ มากขึ้น

3.บล็อกเชน (Block chain)

j12

ภาพจาก goo.gl/68Hwpl

เทคโนโลยีที่ใช้บันทึกข้อมูลและบัญชีธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์แบบ Distributed Ledger (รายการเดินบัญชี) ที่ใช้ซอฟต์แวร์ในการบันทึกและยืนยันการทำธุรกรรมที่ปลอดภัย น่าเชื่อถือ ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว และไม่ต้องอาศัยคนกลาง

โดยระบบจะบันทึกธุรกรรมทุกรายการตั้งแต่เริ่มเปิดบัญชี และข้อมูลสามารถแชร์ไปยังทุกๆ คนได้ อย่างไรก็ดี เมื่อข้อมูลถูกบันทึกในบล็อกเชนจะไม่สามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงได้

4.โดรน (Drones)

j13

ภาพจาก goo.gl/zqveUq

พาหนะหรืออุปกรณ์ที่ใช้ทางอากาศหรือในน้ำ เช่น อากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicles: UAVs) โดยใช้เทคโนโลยีบังคับเครื่องบินแทนมนุษย์

ซึ่งบริษัทต่างๆ สามารถใช้โดรนเข้ามาช่วยในการทำงานได้หลากหลายรูปแบบ เช่น การถ่ายภาพเคลื่อนไหว การสำรวจ การเฝ้าระวัง และ การจัดส่งสินค้า เป็นต้น

5.เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตเชื่อมต่ออุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ (The Internet of Things: IoT)

j14

ภาพจาก goo.gl/uIXH5E

อุปกรณ์หรือยานพาหนะที่สามารถเชื่อมต่อหรือสื่อสารระหว่างกันผ่านเซ็นเซอร์ ซอฟต์แวร์ หรือระบบเชื่อมต่อเครือข่าย เพื่อให้สามารถจัดเก็บ รวบรวม แม้กระทั่งแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยไม่ต้องผ่านมนุษย์

ทั้งนี้ การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเข้ากับอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต (The Industrial IoT : IIoT) ยังถือเป็นส่วนหนึ่งของ IoT ที่ถูกนำมาใช้งานกับหน่วยการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อช่วยวิเคราะห์ข้อมูล ประหยัดต้นทุน และควบคุมความปลอดภัย ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถบรรลุเป้าหมายขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

6.หุ่นยนต์ (Robots)

j15

ภาพจาก goo.gl/tyOmvF

เครื่องจักรกลที่มีระบบเซ็นเซอร์ควบคุมผ่านระบบอัจฉริยะ เพื่อเข้ามาช่วยการทำงานของมนุษย์ ปัจจุบันหุ่นยนต์มีโปรแกรมการทำงานที่หลากหลาย โดยถูกนำมาใช้ทั้งในและนอกอุตสาหกรรมการผลิต ส่งผลให้การจ้างงานมนุษย์ในอนาคตอาจลดลง

หุ่นยนต์สมัยใหม่ยังมีความสามารถในเรียนรู้ มีความจำและทำตามระบบหรือคำสั่งที่วางเอาไว้ รวมไปถึงการทำงานที่ซ้ำๆ ได้ นอกจากนี้ยังสามารถเคลื่อนไหวได้คล้ายกับมนุษย์

7.ความเป็นจริงเสมือน (Virtual reality: VR)

j16

ภาพจาก goo.gl/iRJL6H

เทคโนโลยีการจำลองภาพสามมิติ หรือสภาพแวดล้อมที่เสมือนจริงผ่านระบบคอมพิวเตอร์ โดยต้องใช้งานผ่านอุปกรณ์ต่างๆ เช่น หูฟัง

เพื่อให้ได้ยินเสียงรอบทิศทางภายในพื้นที่ที่กำหนด ซึ่งต่างจาก AR ที่เป็นเทคโนโลยีซ้อนภาพที่เห็นในจอให้กลายเป็นวัตถุ 3 มิติอยู่บนพื้นผิวจริง

8.เทคโนโลยีการพิมพ์แบบ 3 มิติ (3D printing)

j20

ภาพจาก goo.gl/zm8ObX

เป็นเทคนิคการสร้างชิ้นงานด้วยการเติมวัสดุเพื่อสร้างภาพดิจิตอล 3 มิติโดยการพิมพ์วัสดุทีละชั้นอย่างต่อเนื่อง โดยการพิมพ์แบบ 3 มิติสามารถทำได้กับหลากหลายวัสดุไม่ว่าจะเป็นพลาสติก โลหะ ไม้ หรือแก้ว

หากคุณลองจินตนาการแล้วจะพบว่า เทคโนโลยีทั้ง 8 ประเภทนี้ จะสร้างทั้งคุณประโยชน์ พร้อมกับเป็นเหมือนความท้าทายให้กับวงการธุรกิจทั่วโลก ผู้บริหารธุรกิจจะต้องประเมินว่า จะนำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปต่อยอด และสร้างคุณค่าให้แก่ผู้บริโภคอย่างไร โดยเทคโนโลยีแต่ละประเภทมีจุดด้อย-จุดแข็ง ที่แตกต่างกันออกไป

รวมถึงระยะเวลาของการนำมาประยุกต์ก็แตกต่างกันด้วย ทิศทางของนวัตกรรมกับโลกธุรกิจจากนี้ไป จะยิ่งเข้ามามีอิทธิพลต่อการกำหนดกลยุทธ์ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า รวมถึงการจ้างงาน และการกำหนดกฎเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติในอุตสาหกรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช