5 เทรนด์ของคนเมียนมาปี 2017 ที่คนอยากลงทุนต้องรู้ไว้

สิ่งที่สำคัญใน การลงทุน ยังต่างแดนนั้นคือการเข้าใจในพฤติกรรมของคนในประเทศนั้นๆซึ่งมีความสำคัญมากเพราะไม่ว่าสินค้าหรือว่าบริการใดก็ตามที่ขัดแย้งกับวิถีชีวิตของคนในประเทศย่อมไม่อาจสร้างผลกำไรที่ดีรวมถึงยังเป็นความเสี่ยงอย่างมาก

ด้วยเหตุนี้การสำรวจและรู้พฤติกรรมของผู้บริโภคจึงเป็นปัจจัยแรกที่ผู้ลงทุนต้องทุ่มทุนที่จะศึกษาให้ลึกซึ้งแม้ว่าจะเป็นประเทศในแถบบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างอาเซียนก็ตาม

ในกลุ่มประเทศ CLMV มีหลายประเทศที่พร้อมเปิดรับการลงทุนจากคนไทยและต่างชาติโดยประเทศเหล่านี้มีทรัพยากรทางธรรมชาติเป็นจุดขายสำคัญและการที่แต่ละประเทศกำลังพัฒนาทำให้ทิศทางการลงทุนนั้นพร้อมจะเติบโตได้อีกมากโดยเฉพาะในเมียนมา ที่เป็นเป้าหมายทางการตลาดของผู้ประกอบการไทย

ด้วยศักยภาพทางเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกด้วยอัตราเฉลี่ยราว 8% ต่อปี จึงกลายเป็นหนึ่งในประเทศเนื้อหอมที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ แต่การจะกระโดดเข้าไปค้าขาย ลงทุน มองแค่การเติบโตทางเศรษฐกิจอาจจะไม่พอ

เพราะถ้าอยากจะค้าขายได้ต้องรู้ว่า ผู้บริโภคเมียนมา ที่จะมาเป็นลูกค้าในอนาคตของเรานั้น ตอนนี้เขาเป็นอย่างไร ใช้ชีวิตแบบไหน ให้ความสนใจกับเรื่องอะไร ก็เพื่อที่เราจะได้เข้าใจเขาอย่างลึกซึ้งมากขึ้น

และนั่นหมายถึงโอกาสทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นด้วย และด้วยความสำคัญในเรื่องนี้ www.ThaiSMEsCenter.com มีเทรนด์ของชาวเมียนมาฝากเป็นข้อมูลสำคัญในด้านการลงทุนสำหรับคนที่สนใจอยากเข้าไปดำเนินกิจการในเมียนมาได้ทราบไว้ก่อนล่วงหน้า

1.สินค้าที่สร้างความสะดวกสบายให้ชาวเมียนมามีอนาคตสดใส

การลงทุน

ภาพจาก goo.gl/mdsxHw , goo.gl/n23oyX

ด้วยกำลังซื้อของชาวเมียนมาที่เพิ่มขึ้น กลุ่มชนชั้นกลางที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วตามภาวะเศรษฐกิจที่กำลังร้อนแรง ทำให้ผู้บริโภคชาวเมียนมาเริ่มมีความต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันนอกเหนือจากปัจจัย 4 มากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ซึ่งถือเป็นสินค้าที่กำลังมาแรงในกลุ่มผู้บริโภคเมียนมายุคใหม่ โดยนับตั้งแต่เมียนมาเปิดประเทศ มูลค่านำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยและเครื่องใช้อำนวยความสะดวกต่างๆ ของเมียนมาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ และรถยนต์ ซึ่งในปี 2559 มีมูลค่านำเข้ารวมกันราว 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับปี 2552 ในช่วงก่อนเปิดประเทศที่เมียนมานำเข้าสินค้าดังกล่าวรวมกันเพียง 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นอัตราขยายตัวเฉลี่ยราว 50% ต่อปี

2.คนเมียนมานิยมในเรื่องสุขภาพและความงาม

o3

ภาพจาก goo.gl/oExFhi

เทรนด์สุขภาพและความงามถือเป็นหนึ่งในกระแสที่กำลังมาแรงทั่วโลก ในเมียนมาก็เช่นกัน ด้วยคุณภาพชีวิตของชาวเมียนมาที่ยกระดับขึ้นในทุกมิตินับตั้งแต่เปิดประเทศ ไม่ว่าจะเป็นระดับรายได้ที่สูงขึ้น รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและสื่อต่างๆ ที่เปิดกว้าง ส่งผลให้ชาวเมียนมาหันมาใส่ใจในเรื่องสุขภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WTO) ประเมินว่าค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของเมียนมาในปี 2558 มีมูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นมากจากปี 2553 ซึ่งมีมูลค่าเพียง 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยราว 23% ต่อปี เช่นเดียวกับธุรกิจด้านความงาม

ซึ่งเมียนมาถือเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดและกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำของโลก โดยมูลค่านำเข้าเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของเมียนมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 2.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2553 เป็น 92 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2559 หรือคิดเป็นอัตราขยายตัวเฉลี่ยสูงถึงเกือบ 80% ต่อปี

3.ต้องการความสนุกและความบันเทิงในการใช้ชีวิต

o5

ภาพจาก goo.gl/ocHVAs

ในขณะที่เมียนมาดำเนินนโยบายปิดประเทศ ธุรกิจบันเทิงและสันทนาการต่างๆ ถือเป็นธุรกิจที่ถูกควบคุมค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม ภายหลังการเปิดประเทศ ธุรกิจบันเทิงและสันทนาการกลายเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เติบโตมากที่สุด

สอดคล้องกับผลสำรวจของ Deloitte บริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจและการตลาดชื่อดังของโลกที่พบว่า ปัจจุบันชาวเมียนมาที่มีรายได้ระดับกลางถึงสูงจะมีค่าใช้จ่ายด้านบันเทิงและสันทนาการสูงถึงราว 11-15% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด มากเป็นอันดับ 2 รองจากค่าใช้จ่ายด้านอาหาร ทำให้ธุรกิจบันเทิงหลายรูปแบบในเมียนมากำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงภาพยนตร์ที่ปัจจุบันนักธุรกิจในเมียนมามีแผนสร้างโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้นอีกกว่า 100 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2561 จากเดิมที่มีเพียง 40 แห่งในช่วงที่เมียนมาปิดประเทศ นอกจากนี้ ธุรกิจจัดงานอีเวนท์และเทศกาลดนตรีต่างๆ ก็กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในเมียนมา

4.สังคมเริ่มใช้ชีวิตแบบแข่งขันกันมากขึ้น

o6

ภาพจาก goo.gl/7JJzGz

การเข้าสู่สังคมเมืองของเมียนมาส่งผลให้การใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนในเขตเมืองมีความเร่งรีบมากขึ้น ประกอบกับการเปิดรับวัฒนธรรมใหม่ๆ จากต่างประเทศที่เข้ามามากขึ้น ทำให้การรับประทานอาหารจานด่วน (Fast Food) กลายเป็นทางเลือกใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ ขณะเดียวกันกระแสดื่มกาแฟตามร้านกาแฟสมัยใหม่ก็เป็นที่นิยมในเมียนมาเช่นเดียวกับเมืองใหญ่อื่นๆ ทั่วโลก

ทำให้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีแฟรนไชส์ร้านอาหารจานด่วนและร้านกาแฟชื่อดังหลายแห่งจากต่างประเทศเข้ามาเปิดให้บริการในเมียนมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากที่เคยมีเพียงไม่ถึง 5 แฟรนไชส์ในปี 2556 เป็นราว 50 แฟรนไชส์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในเมืองย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ ไม่ว่าจะเป็น Pizza Hut, KFC, Lotteria, Swensens, Gloria Jean’s Coffees, True Coffee เป็นต้น

5.ให้ความสนใจในโลกออนไลน์มากขึ้น

o7

ภาพจาก goo.gl/uW4A3J

จากกระแสเทคโนโลยีในการติดต่อสื่อสารสมัยใหม่ที่เข้ามามีอิทธิพลมากขึ้นในเมียนมา ดังเห็นได้จากจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นจากราว 100,000 คนในปี 2553 เป็นราว 11 ล้านคนในปัจจุบัน เช่นเดียวกับจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเช่นกันจาก 4 ล้านเลขหมายในปี 2557 เป็นราว 50 ล้านเลขหมายในปัจจุบัน

ส่งผลให้ Social Media กำลังกลายเป็นช่องทางสื่อสารที่เข้ามามีอิทธิพลอย่างมากต่อผู้บริโภคชาวเมียนมา โดยเฉพาะ Facebook ซึ่งถือเป็น Social Media ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเมียนมา หรือคิดเป็น 99% ของ Social Media ทั้งหมด ทั้งนี้ จำนวนผู้ใช้ Facebook ในเมียนมาเพิ่มขึ้นจาก 1 ล้านบัญชีในปี 2556 เป็นราว 10 ล้านบัญชีในปัจจุบัน ทำให้ Facebook กลายเป็นหนึ่งในช่องทางการตลาดที่ได้รับความนิยมสูงช่องทางหนึ่งในเมียนมา

ด้วย พฤติกรรมการบริโภคของชาวเมียนมาที่เปลี่ยนไปส่งผลให้เกิดโอกาสทางธุรกิจที่หลากหลาย โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าและบริการที่สอดคล้องไปกับวิถีการใช้ชีวิตในสังคมเมืองและกำลังซื้อที่สูงขึ้นของชาวเมียนมา

อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์และสินค้าประดับยนต์ เครื่องสำอาง ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพและความงาม ธุรกิจบันเทิง ร้านอาหารสมัยใหม่ เป็นต้น ขณะที่ช่องทางในการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคในตลาดเมียนมาก็เปิดกว้างและทำได้ง่ายขึ้น

โดยเฉพาะช่องทาง Social Media และสื่อออนไลน์ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบันดังนั้นในฐานะของผู้ลงทุนเองควรวิเคราะห์ภาพรวมเหล่านี้ให้ชัดเพื่อดำเนินการทำธุรกิจในเมียนมาให้ถูกต้องถูกทางเพื่อประโยชน์ในด้านการลงทุนอย่างสูงสุด

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด