5 อาชีพเสริม ลงทุนน้อย กำไรมาก!

อาชีพเสริม คือการหารายได้เพิ่มเติม ซึ่งการทำอาชีพเสริมเคล็ดลับคือต้องพยายามลดต้นทุนตัวเองให้มากที่สุด บางงานอาจจะต้องใช้แรงมากขึ้น เหนื่อยมากขึ้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกอาชีพเสริมแบบไหน หลายคนที่มีหัวการค้า มีไอเดียดีๆ ก็อาจจจะพลิกแพลงสร้างอาชีพเสริมที่แปลกและแตกต่าง จนอาจกลายเป็นอาชีพหลักได้ในสักวันหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม www.ThaiSMEsCenter.com มองว่ายุคนี้มีอาชีพเสริมหลายอย่างที่ให้เราเริ่มต้นได้ แบบใช้ต้นทุนน้อย แต่มีโอกาสได้กำไรมาก ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความขยัน และตั้งใจทำจริงของเราเองด้วย

1.ขายอาหาร/ เครื่องดื่ม ตามตลาดนัด

7

คิดอะไรไม่ออกไม่รู้จะเริ่มอาชีพเสริมอย่างไร ส่วนใหญ่ก็เลือกเป็นพ่อค้าแม่ค้า โดยเลือกเอาสินค้ายอดฮิตพวกอาหารและเครื่องดื่มที่เราตอ้งกินกันทุกวัน แต่ปัญหาก็คือ สินค้าแนวนี้มีเยอะมากในทุกตลาด อย่างเช่นการขายข้าวกระเพรา ในตลาดเดียวกันอาจมี 2-3 ร้าน หรือเลือกขายลูกชิ้นปิ้ง หมูปิ้ง ก็อาจจมีสินค้าแบบเดียวกันไม่น้อยกว่า 2-3 ร้านเช่นกัน ถามว่าขายได้ไหม คำตอบคือขายได้ แต่จะขายได้ ขายดีแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อม คุณภาพในการบริการ คุณภาพของสินค้า กลยุทธ์การตลาดเป็นสำคัญ เคล็ดลับน่าสนใจเพื่อลงทุนขายอาหาร และเครื่องดื่มให้ขายดี

6

ยุคนี้เรามีแฟรนไชส์ให้เลือกลงทุนมากมาย และมีหลายแพคเกจให้เลือกได้ตามต้องการ โดยแต่ละแฟรนไชส์ก็มีชื่อเสียง เป็นสินค้าที่มีคุณภาพเช่น อู้ฟู่ ลูกชิ้นปลาเยาวราช , นาเนีย สเต็ก , กุ้งอบวุ้นเส้นเศรษฐี (เห็ดหอม) , ไจแอ้นลูกชิ้นปลาระเบิดเทิดเถิง , โชกุน สเต็ก , ซูโม่ ลูกชิ้นปลาระเบิด 1 บาท , ธงไชย ผัดไทย , กล้วยทอดติดดาว , ซูโม่ชา ชานมไข่มุก , ชอบชา , มารุชา , ชานมไข่มุก บาบูแบร์ เป็นต้น โดยแฟรนไชส์เหล่านี้ล้วนแต่เป็นเมนูกินง่าย ทานง่าย ราคไม่แพง ทำให้เป็นที่ต้องการของลูกค้า รายได้ของเมนูอาหารเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความขยันและทำเลในการขายเบื้องต้นมีกำไรไม่ต่ำกว่าวันละ 500 -1,000 บาท

2.เปิดท้ายขายของ

5

ในบ้านเรานั้นมีตลาดนัดอยู่มากมายแต่การทำงานประจำแล้วก็ทำให้ไม่มีเวลาไปเช่าล็อคขายของที่ต้องเสียรายเดือน ส่วนใหญ่ก็เลือกใช้การเปิดท้ายขายของตามตลาดนัดที่เสียค่าพื้นที่เป็นรายวัน แต่คำถามก็คือว่าจะขายอะไร ยุคนี้คงไม่มีอะไรดีกว่าของกิน พวกน้ำ ขนม อาหาร น่าจะขายดีที่สุดเพราะไม่ว่าเศรษฐกิจเป็นอย่างไรคนเราก็ยังต้องหาของกินให้มีแรงทำงานกันเหมือนเดิม

หรือถ้าหาสินค้าอะไรไม่ได้จะลองเอาเสื้อผ้าเก่าๆ สภาพดี ของใช้ในบ้านที่สภาพดี ออกมาวางจำหน่ายแบบเปิดท้าย ก็เท่ากับเป็นการมีสินค้าขายแบบไม่ต้องลงทุน หรือจะติดต่อนำรองเท้ามือ 2 มาจำหน่ายก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย บางคนที่มีทำเลดีสินค้าดี แค่ขายของเสาร์อาทิตย์ก็มีรายได้กว่า 3,000-4,000 เลยทีเดียว

3.ขายลอตเตอรี่

4

ภาพจาก bit.ly/35Fcjv3

บางคนบอกว่าการขายลอตเตอรี่ไม่ใช่จะทำกันได้ง่ายๆ เดี๋ยวนี้มีพวกยี่ปั๋ว หรือพ่อค้าคนกลางที่เข้ามาตัดราคารับเอาลอตเตอรี่จากกองฉลากมาปล่อยขายอีกทอด เราเคยสอบถามคนที่เดินขายลอตเตอรี่ว่าถ้าเขาขายหมดแผงที่เอามานี่ (แผงเล็กแบบเดินขาย) เขาบอกว่าจะได้กำไรประมาณ 500-1,000 บาท และถึงแม้การขายลอตเตอรี่อาจจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่คนทั่วไปอาจเข้าถึงยาก แต่เชื่อว่าถ้าคิดจะทำจริงเราต้องทำได้

วิธีเบื้องต้นคือขอรับโควตาจากกองฉลากโดยตรงราคาจะอยู่ที่ประมาณคู่ละ 68 บาทต่อลอตเตอรี่ 1 ใบ ซึ่งกำไรต่อลอตเตอรี่ 1 ใบ จะอยู่ที่ประมาณ 12 บาท แต่ถ้าเรารับมาจากผู้ค้าส่งหรือยี่ปั๊วอีกที ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 70 – 73 บาท สำหรับเงินลงทุนหากมีไม่มากก็อาจจะรับมาขายประมาณ 3 – 5 เล่ม ก็ได้ ซึ่งลอตเตอรี่ 1 เล่ม มี 100 ใบ ถ้าลอตเตอรี่ 5 เล่ม เท่ากับ 500 ใบ ดังนั้น หากขายได้หมดกำไรจะอยู่ที่ประมาณ 3,500 – 5,000 บาทต่องวด ซึ่งใน 1 เดือนเราสามารถขายลอตเตอรี่ได้ 2 งวด และถ้าขายหมดทุกงวด กำไรทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 7,000 – 10,000 บาท

4.เก็บของเก่าขาย

3

ภาพจาก bit.ly/3kzfzN1

การเก็บของเก่าขายอาจดูเป็นงานที่เหนื่อย และหนัก และต้องทำงานกลางแจ้ง แถมหลายคนยังอายที่ต้องมาเก็บขยะริมทาง ตามถังขยะ เพื่อเอาไปขาย แต่หากเรามองข้ามเรื่องเหล่านี้ และตั้งใจทำจริงคิดว่าอาชีพนี้เราแทบไม่ต้องลงทุนอะไรนอกจากลงแรง และเสียค่าน้ำมันรถในการตระเวนหาของเก่า หลายคนที่ยึดอาชีพนี้เป็นประจำก็สร้างรายได้ดีเลี้ยงครอบครัวได้เลยทีเดียว ราคาของเก่าก็น่าสนใจ

อย่างหนังสือพิมพ์เก่ากิโลกรัมละ 10 บาท ขวดเบียร์กิโลกรัมละ 10-14 บาท กระป๋องโค้กกิโลกรัมละ 38 บาท พลาสติก(ขวดน้ำ) กิโลกรัมละ 15 บาท เป็นต้น ยิ่งถ้าใครมีรถกระบะเก่าๆ สักคันหรือซาเล้ง ไว้วิ่งตามซอยต่าง ๆ ลองเก็บของเก่าขายรายได้ต่อวันไม่น้อยกว่า 300-500 บาท และในอนาคตหากมีประสบการณ์มากขึ้น มีทุนมากขึ้นอาจผันตัวเองจากคนเก็บของเก่าขาย กลายมาเป็นคนรับซื้อของเก่า สร้างรายได้เพิ่มขึ้นแต่เหนื่อนน้อยลงได้ด้วย

5.พนักงานพาร์ทไทม์

2

ภาพจาก bit.ly/2E5DeVv

เป็นอาชีพเสริมที่เหมาะกับนักเรียนนักศึกษาเป็นหลัก การเป็นพนักงานพาร์ทไทน์แทบไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แต่อาจต้องแบ่งเวลาระหว่างเรียนกับทำงานให้สมดุลกันเพื่อประโยชน์ทั้ง 2 ทาง โดยเวลาในการทำงานพาร์ทไทน์ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ วันละ 3 – 8 ชั่วโมงส่วนค่าจ้างจะเฉลี่ยอยู่ที่ชั่วโมงละ 40 บาทขึ้นไป

สำหรับร้านอาหารที่รับพนักงานพาร์ทไทม์ หรือนักเรียนนักศึกษาที่สนใจหารายได้เสริม เช่น ร้านอาหาร Fuji จ้างชั่วโมงละ 45 บาท หากเสาร์ – อาทิตย์ ชั่วโมงละ 60 บาท ร้านอาหาร MK จ้างชั่วโมงละ 44 บาท หากเสาร์ – อาทิตย์ ชั่วโมงละ 52 บาท ร้านอาหาร Black Canyon จ้างชั่วโมงละ 50 บาท หากเสาร์ – อาทิตย์ ชั่วโมงละ 70 บาท ร้านขนมปัง Yamazaki จ้างชั่วโมงละ 50 บาท เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอีกหลายธุรกิจที่พร้อมจ้างพนักงานพาร์ทไทน์ เช่นบรรดาร้านกาแฟ ร้านอาหาร ต่างๆ ซึ่งเราก็ควรเลือกงานที่เหมาะกับเรามากที่สุด

นอกจากอาชีพเสริมที่น่าสนใจที่เราได้นำเสนอไปก็มีอีกหลายอาชีพเสริมที่มีในสังคมไทยและมีรายได้ดีเช่นการขายหมูสะเต๊ะที่ลงทุนหลักๆ คือเตาปิ้งย่างตัวละประมาณ 300-400 บาท เนื้อหมู กิโลกรัมละประมาณ 150 บาท กะทิ ผงกระหรี่ แตงกวา พริก ถั่วลิสง รวมต้นทุนและอุปกรณ์เบื้องต้นประมาณ 1,000 บาทอาจเกินบ้างเล็กน้อย ราคาขายของหมูสะเต๊ะมักขายเป็นชุดชุดละ 30-35 บาท กำไรโดยเฉลี่ยประมาณ 50% จากยอดขาย ขึ้นอยู่กับทำเลและความอร่อยเป็นสำคัญ


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3kqkKi9 , https://bit.ly/32AwpEV

 

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3cbeTdG

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด