รวมเทคนิค “เปิดร้าน ผัดกระเพรา” ขายเมนูเดียว ก็รวยได้

อยากเปิดร้านขายอาหาร แต่ไม่รู้จะทำอาหารอะไร เป็นคนทำอาหารไม่เก่ง เมนูไหนๆ ก็ทำไม่เป็น ทำเป็นแต่ “ผัดกระเพรา” ซึ่ง www.ThaiSMEsCenter.com มองว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

แค่เรามั่นใจว่า “ผัดกระเพรา” ของเราอร่อย ขอแนะนำให้ไปหาทำเลเปิดร้านไม่ต้องคิดอะไรมาก อุปกรณ์ก็ไม่เยอะ สำคัญคือ “กลยุทธ์การตลาด” บางคนทำเลไม่มีอาศัยทำ “Delivery” ยังสร้างรายได้เดือนละหลายหมื่นบาท

ทำไม “ผัดกระเพรา” ถึงขายดี

ขายเมนูเดียว

ภาพจาก bit.ly/3kDxraM

เสน่ห์ของผัดกระเพราหลายคนบอกว่าเป็นอาหารสิ้นคิด คือคิดอะไรไม่ออกก็ ผัดกระเพราหมู-ไก่-ไข่ดาว แต่ไม่ว่าเมนูนี้จะโดนเหยียดยามแค่ไหน ก็ยังขึ้นแท่นเป็นเมนูตามสั่งยอดฮิตที่สุดของคนไทย แม้แต่ชาวต่างชาติก็นิยมผัดกระเพรา เพราะกลิ่นของกระเพราที่หอมฟุ้ง จนบางทีถกเถียงกันว่า “ผัดกระเพราแท้มีอยู่จริงบ้างไหม” บางร้านบอกว่าผัดกระเพรา แต่ทำไมใส่พริกหยวก ใส่ถั่วฝักยาว เป็นต้น

เรื่องแบบนี้ไม่มีผิดถูกแต่มันคือสีสันที่สุดท้ายแล้ว “ผัดกระเพรา” ก็ยังขายง่าย ขายดี ยิ่งในยุคที่คนรายได้น้อยแบบนี้ การลงทุนเปิดร้านขายผัดกระเพรา ถือว่าน่าสนใจ งบลงทุนไม่แพง แต่สินค้าเป็นที่ต้องการ ราคาขายเฉลี่ย 25-30 บาท หรือถ้าทำแพคเกจดีๆ ส่งขายแบบข้าวกล่องDelivery อาจเพิ่มมูลค่าสินค้าได้ถึงกล่องละ 40-50 บาท

ต้นทุนต่อจาน “ผัดกระเพรา” จากกรมการค้าภายใน

15

ภาพจาก bit.ly/2MBod1U

มีกรณีที่หลายคนร้องเรียนเรื่อง ผัดกระเพราราคาแพงเกินจริง แม่ค้าบางคนก็อ้างว่าต้นทุนวัตถุดิบมาแพง หรือใช้วัตถุดิบที่มีราคาสูง อันนี้ก็แล้วแต่เหตุผลแต่ละคน แต่ในมุมของกรมการค้าภายในได้แจกแจงต้นทุนของผัดกระเพราต่อหนึ่งจานไว้ดังนี้

ต้นทุนวัตถุดิบ ได้แก่ ข้าวขาว/เนื้อหมู/น้ำมันพืช/และวัตถุดิบอื่นๆ รวม 11.33 บาท , ค่าแรงงาน 6.20 บาท (ค่าแรงวันละ 310 บาท/คน) ,ค่าแก๊ส 1.17 บาท (ค่าแก๊สถังละ 353 บาท) ,ค่าเช่าที่ 2 บาท (คิดจากค่าเช่าที่ 6,000 บาท/เดือน หากค่าเช่าที่แพงกว่านี้ต้นทุนก็จะเพิ่มขึ้น) ,ค่าไฟ 0.89 บาท , อื่นๆ (ค่าน้ำประปา/ค่าขนส่ง) 0.82 บาท , ค่าความเสี่ยง (ร้อยละ 10 ของต้นทุนวัตถุดิบ) 1.13 บาท

เบ็ดเสร็จแล้วต้นทุนผัดกระเพราหนึ่งจานที่กรมการค้าภายในประเมินมาควรอยู่ที่ จานละ 23.55 บาท ถ้าขายในราคาจานละ 35 บาท จะมีกำไร 11.45 บาท ต่อจาน แต่ตัวเลขนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมของแต่ละร้านค้า ไม่ได้ฟันธงว่าต้องมีต้นทุนตามนี้เท่านั้น

รวม 5 เทคนิคเปิดร้าน “ผัดกระเพรา” อย่างเดียวก็รวยได้

การคิดขาย “ผัดกระเพรา” เราต้องกำหนดวิธีการขายว่าเราจะขายอย่างไร เลือกวิธีเปิดหน้าร้านแล้วขายผัดกระเพราอย่างเดียว , หรือจะเลือกแบบรถเข็นเร่ขายไปตามที่ต่างๆ , หรือจะเปิดร้านตามตลาดนัดเป็นข้าวกระเพราห่อละ 20-25 , หรือจะเลือกไม่มีหน้าร้านแต่ใช้วิธีการส่งแบบ Delivery ไม่ว่าจะเลือกวิธีการขายกระเพราแบบไหน ก็มี 5 เทคนิคที่ควรจำไว้

14

ภาพจาก bit.ly/2MBmSbo

1.เมนูต้องมีความหลากหลาย

คำว่าผัดกระเพราไม่ได้หมายความจะมีแต่หมูผัดกระเพรา หรือหมูสับผัดกระเพรา ควรมี “ผัดกระเพรา” หลากหลายเมนูให้ลูกค้าเลือก เช่น ผัดกระเพราไก่ , ผัดกระเพรารวมมิตร , ผัดกระเพราเครื่องใน , ผัดกระเพราหน่อไม้ , ผัดกระเพรากุ้ง เป็นต้น ซึ่งแต่ละเมนูอาจตั้งราคาแตกต่างกันตามวัตถุดิบที่ใช้ได้

2.รสชาติต้องมีมาตรฐาน

ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ผัดกระเพราของเราต้องมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ลูกค้าจำได้ว่านี่คือซิกเนเจอร์ของร้านเรา รสชาติจึงต้องเหมือนกัน ไม่ใช่วันนี้เผ็ดมาก พรุ่งนี้ไม่เผ็ด ทั้งที่เป็นเมนูเดียวกัน บางคนที่ทำมานานอาจมีน้ำซอสสูตรสำเร็จของตัวเองมาช่วยให้รสชาติผัดกระเพราดีเหมือนกันทุกจาน

3.ทำตามออร์เดอร์ลูกค้าได้

สำหรับคนที่รับออร์เดอร์จัดส่งแบบเดลิเวอรี่ หรือคนที่มีหน้าร้าน เราต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าที่มีหลากหลาย เช่นบางคนอยากกินผัดกระเพราแต่ไม่ใส่กระเพรา บางคนกินเผ็ดมาก บางคนเผ็ดน้อย บางคนของแบบเน้นวัตถุดิบพิเศษ เป็นต้น การเอาใจลูกค้าก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ช่วยให้ขายดีขึ้นได้

13

ภาพจาก bit.ly/303JTXH

4.ข้าวต้องไม่แฉะเกินไป

หลายคนมองข้ามเรื่อง “ข้าว” บางร้านที่เราเคยเห็นข้าวแฉะ เกินไปเวลาราดผัดกระเพราลงไปกลายเป็นข้าวแฉะมากขึ้น หรือบางร้านก็ข้าวแข็งเกินไป ทานคู่กับผัดกระเพราก็ไม่อร่อย ดังนั้นจึงควรหุงข้าวให้นิ่มพอดีๆ จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้ผัดกระเพราของเรามากขึ้น

5.ปริมาณจุใจสมกับราคา

เป็นสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังกับปริมาณของสินค้า ถ้าราคา 25-30 แต่ลูกค้ารู้สึกเหมือนได้กินข้าวผัดกระเพรามากขึ้น หรือผัดกระเพราใส่ห่อที่ขายตามตลาดนัดห่อละ 20 บาท (ไม่มีไข่ดาว) ก็ควรให้มีปริมาณที่กินแล้วอิ่ม กินแล้วรู้สึกว่าคุ้มค่า ลูกค้าก็จะกลับมาใช้บริการเราอีก

ตัวอย่างความสำเร็จ “รวยด้วยผัดกระเพรา”

12

ภาพจาก www.facebook.com/Kaprow25/

ปัจจุบันผัดกระเพราหลายคนเปิดขายแฟรนไชส์ เช่นกระเพราซาวห้า ที่จุดเริ่มต้นคือคนที่ออกจากงานกลับบ้านไปอยู่ขอนแก่นแล้วไม่รู้จะทำอะไรจนมาเปิดร้านขายผัดกระเพรา เริ่มจากร้านเล็กๆ ตั้งโต๊ะขายหน้าบ้าน ขายวันแรกได้ 5 ห่อ จากนั้นเริ่มมีลูกค้ามากขึ้นและขยายสาขามากขึ้นจนกลายเป็นแฟรนไชส์ที่ตอนนี้มีสาขากว่า 50 แห่ง รายได้จากการขายกระเพราต่อวันของแต่ละสาขาเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าวันละ 1,000 บาท

หรืออีกตัวอย่างที่น่าสนใจคนนี้ไม่มีทำเลเปิดร้าน มีเงินทุนอยู่แค่ 20,000 บาท แต่วิธีการที่ใช้น่าสนใจ เพราะเขาเช่าอพาร์ทเม้น เป็นครัว และใช้การแจกเบอร์โทร นามบัตรให้กับนักเรียน นักศึกษา คนงาน ด้วยวิธีคิดของเขาที่มองว่า หลายคนหิว ต้องการอาหาร แต่ไม่อยากออกมาตากแดดร้อนๆ ไม่อยากตากฝน บางคนขี้เกียจออกจากห้อง ผัดกระเพราเดลิเวอรี่จึงตอบโจทย์

11

ภาพจาก www.facebook.com/Kaprow25/

ด้วยการออกแบบเพคเกจจิ้งให้ดูดี มีเบอร์โทรติดที่กล่อง จากวันแรกที่คนไม่รู้จัก จนกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น จากคนที่มีเงินทุนหลักหมื่น สู่ยอดขายต่อเดือนเกือบหลักแสน จากที่ต้องเช่าอพาร์ทเม้นเล็กๆ ก็ขยายไปเช่าอาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ขึ้น และมีรายได้มากขึ้น ลูกค้ามากขึ้น ทุกอย่างเกิดจากการขายผัดกระเพราอย่างเดียวล้วนๆ

สิ่งสำคัญคือเราต้องจับจุดการขาย รู้จักใช้เทคนิคการตลาด ในช่วงแรกอาจไม่มีลูกค้าก็อย่าเพิ่งท้อ อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ ลองเดินหน้าต่อไปและอดทน เพราะปัจจุบันมีคู่แข่งเยอะมาก จึงควรหาจุดเด่นของร้านค้า ตั้งแต่ชื่อร้าน รสชาติของผัดกระเพรา และที่สำคัญควรมีโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นยอดขายในบางโอกาสด้วย

ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3jjdzZQ , https://bit.ly/2Li0UK1https://bit.ly/3pJUi5h , https://bit.ly/37GKF0S , https://bit.ly/3bzux2o

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3bYVGMy

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise


8 ขั้นตอน การพัฒนาระบบแฟรนไชส์

1. การวางแผนธุรกิจ ก่อนทำแฟรนไชส์

  • กำหนดรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้มีความชัดเจน โดนใจลูกค้า
  • ชื่อกิจการ (Brand)
  • การสร้างผลการดำเนินธุรกิจที่ดี ได้ผลกำไร มีความมั่นคง (Good ROI)
  • การสร้างแบรนด์ ตราสินค้า ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักผู้บริโภค
  • การพัฒนาสินค้าบริการ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐาน
  • การพัฒนาระบบบริการจัดการ จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • วางโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ทีมงาน สนับสนุนระบบแฟรนไชส์
  • การวางแผน และกำหนดเป้าหมายการขยายธุรกิจ การขยายสาขา ทั้งในและต่างประเทศ
  • การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ทำเลที่ตั้ง และรูปแบบของร้านค้า
  • การเลือกใช้สื่อต่างๆ ช่องทางต่างๆ ในการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างแบรนด์แฟรนไชส์

2. การรวบรวมข้อมูลธุรกิจ

  • ระบบการปฏิบัติงาน วิธีการบริหารจัดการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
  • ระบบการเงิน การบัญชี
  • งบประมาณในการลงทุนธุรกิจ การขยายสาขา
  • รูปแบบของร้านค้า รูปแบบของตราสินค้า ที่เป็นเอกลักษณ์
  • ระบบการสต็อกสินค้า จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • แผนงานการตลาด การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • กระบวนการพัฒนาบุคลากร ทีมงานด้านต่างๆ

3. การวิเคราะห์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • ธุรกิจเปิดมานานหลายปี จำนวนไม่น้อยกว่า 1สาขา
  • แบรนด์มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง
  • สินค้าและบริการ มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด
  • เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีผลกำไร ต่อเนื่อง เป็นที่น่าพอใจ
  • มีระบบการทำงาน การปฏิบัติงาน แผนการทำงานที่ชัดเจน สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้
  • มีระบบการพัฒนาบุคลากร และสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง เป็นมาตรฐาน
  • ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • แผนกลยุทธ์การขยายสาขา และเติบโตต่อเนื่อง เป็นรายเดือน หรือ รายปี

4. การวางโครงสร้างของระบบแฟรนไชส์

  • กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค
  • การสร้างองค์ความรู้ ระบบปฏิบัติงานต่างๆ ที่พร้อมถ่ายทอดให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • วางระบบการปฏิบัติงานของแต่ละขั้นตอนธุรกิจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่าย
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย แต่ละแผนกให้ชัดเจน รวมถึงขั้นตอนการอบรม ระบบตรวจสอบ เพื่อสร้างมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์
  • สร้างระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซี หรือผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • การกำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ ในการขยายสาขาแฟรนไชส์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า (ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์)
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ช่วงเริ่มต้นได้
  • เงื่อนไขการเปิดสาขาในด้านต่างๆ

5. การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายแฟรนไชส์
  • ระบบการเงิน
  • ค่าธรรมเนียมต่างๆ
  • ข้อเสนอแฟรนไชส์ซี
  • การจดทะเบียนแฟรนไชส์
  • เรื่องกฎหมาย อายุสัญญาแฟรนไชส์
  • ระบบปฏิบัติงาน รูปแบบการให้สิทธิ
  • การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์
  • แพ็คเกจต่างๆ ระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
  • การจัดทำคู่มือแฟรนไชส์ หรือโปรแกรมแฟรนไชส์
  • การจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ รวมถึงเครื่องหมายการค้า

6. การวางแผนเพื่อขยายสาขาธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ เจ้าของแฟรนไชส์จะบริหารจัดการเองทุกอย่าง เพื่อสร้างความโดดเด่น สร้างความเด่นชัดให้แก่นักลงทุน ได้เห็นภาพของร้านที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนเปิดสาขาแฟรนไชส์ในภายหลัง
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟนไชส์ คือ เมื่อสาขาแรกมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มีผลกำไรต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ แล้ว ก็ทดลองขยายสาขาเพิ่มอีก เพื่อทดสอบสาขาที่ 2 เป็นอย่างไร โดยนำเอาระบบการปฏิบัติงานทุกอย่างของร้านสาขาแรกมาปฏิบัติ ถ้าประสบความสำเร็จ ก็ค่อยขยายสาขาตัวเองเพิ่มอีก 2-3 สาขา ถ้าประสบความสำเร็จเหมือนสาขาแรก ก็ค่อยคิดขายแฟรนไชส์ให้กับคนอื่น

7. กระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น (ระบบการบริหารจัดการในร้าน ขั้นตอนการปฏิบัติงาน)วิเคราะห์ระบบการเงิน การลงทุน ในแต่ละสาขาที่เปิดทดลอง
  • พิจารณาปรับปรุงระบบงาน ระบบการทำงานต่างๆ ให้เหมาะสม
  • ระบบการพัฒนาทีมงานรองรับการขยายงาน ขยายสาขา
  • การวางแผนงานขยายสาขาแฟรนไชส์
  • เก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ กลุ่มลูกค้า ผลประกอบการ การดำเนินงาน ของสาขาแรก หรือสาขาต้นแบบ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก่อนเปิดสาขาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และขายแฟรนไชส์
  • จัดวางงบประมาณ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์

8. แผนการตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์

  • การจัดทำคู่มือต่างๆ เพื่อแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์
  • กระบวนการขายแฟรนไชส์ การคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • กระบวนการติดตามลูกค้าเป้าหมาย
  • การนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • การจัดงาน สัมมนาการขายธุรกิจ แฟรนไชส์
  • การเปิดเยี่ยมชมธุรกิจ ร้านต้นแบบแฟรนไชส์
  • กระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม ตามหลักมาตรฐานแฟรนไชส์สากล
  • กระบวนการถ่ายทอดความรู้ การอบรม และให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี

สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด