รวมเทคนิค “เปิดร้าน ผัดกระเพรา” ขายเมนูเดียว ก็รวยได้
อยากเปิดร้านขายอาหาร แต่ไม่รู้จะทำอาหารอะไร เป็นคนทำอาหารไม่เก่ง เมนูไหนๆ ก็ทำไม่เป็น ทำเป็นแต่ “ผัดกระเพรา” ซึ่ง www.ThaiSMEsCenter.com มองว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
แค่เรามั่นใจว่า “ผัดกระเพรา” ของเราอร่อย ขอแนะนำให้ไปหาทำเลเปิดร้านไม่ต้องคิดอะไรมาก อุปกรณ์ก็ไม่เยอะ สำคัญคือ “กลยุทธ์การตลาด” บางคนทำเลไม่มีอาศัยทำ “Delivery” ยังสร้างรายได้เดือนละหลายหมื่นบาท
ทำไม “ผัดกระเพรา” ถึงขายดี
ภาพจาก bit.ly/3kDxraM
เสน่ห์ของผัดกระเพราหลายคนบอกว่าเป็นอาหารสิ้นคิด คือคิดอะไรไม่ออกก็ ผัดกระเพราหมู-ไก่-ไข่ดาว แต่ไม่ว่าเมนูนี้จะโดนเหยียดยามแค่ไหน ก็ยังขึ้นแท่นเป็นเมนูตามสั่งยอดฮิตที่สุดของคนไทย แม้แต่ชาวต่างชาติก็นิยมผัดกระเพรา เพราะกลิ่นของกระเพราที่หอมฟุ้ง จนบางทีถกเถียงกันว่า “ผัดกระเพราแท้มีอยู่จริงบ้างไหม” บางร้านบอกว่าผัดกระเพรา แต่ทำไมใส่พริกหยวก ใส่ถั่วฝักยาว เป็นต้น
เรื่องแบบนี้ไม่มีผิดถูกแต่มันคือสีสันที่สุดท้ายแล้ว “ผัดกระเพรา” ก็ยังขายง่าย ขายดี ยิ่งในยุคที่คนรายได้น้อยแบบนี้ การลงทุนเปิดร้านขายผัดกระเพรา ถือว่าน่าสนใจ งบลงทุนไม่แพง แต่สินค้าเป็นที่ต้องการ ราคาขายเฉลี่ย 25-30 บาท หรือถ้าทำแพคเกจดีๆ ส่งขายแบบข้าวกล่องDelivery อาจเพิ่มมูลค่าสินค้าได้ถึงกล่องละ 40-50 บาท
ต้นทุนต่อจาน “ผัดกระเพรา” จากกรมการค้าภายใน
ภาพจาก bit.ly/2MBod1U
มีกรณีที่หลายคนร้องเรียนเรื่อง ผัดกระเพราราคาแพงเกินจริง แม่ค้าบางคนก็อ้างว่าต้นทุนวัตถุดิบมาแพง หรือใช้วัตถุดิบที่มีราคาสูง อันนี้ก็แล้วแต่เหตุผลแต่ละคน แต่ในมุมของกรมการค้าภายในได้แจกแจงต้นทุนของผัดกระเพราต่อหนึ่งจานไว้ดังนี้
ต้นทุนวัตถุดิบ ได้แก่ ข้าวขาว/เนื้อหมู/น้ำมันพืช/และวัตถุดิบอื่นๆ รวม 11.33 บาท , ค่าแรงงาน 6.20 บาท (ค่าแรงวันละ 310 บาท/คน) ,ค่าแก๊ส 1.17 บาท (ค่าแก๊สถังละ 353 บาท) ,ค่าเช่าที่ 2 บาท (คิดจากค่าเช่าที่ 6,000 บาท/เดือน หากค่าเช่าที่แพงกว่านี้ต้นทุนก็จะเพิ่มขึ้น) ,ค่าไฟ 0.89 บาท , อื่นๆ (ค่าน้ำประปา/ค่าขนส่ง) 0.82 บาท , ค่าความเสี่ยง (ร้อยละ 10 ของต้นทุนวัตถุดิบ) 1.13 บาท
เบ็ดเสร็จแล้วต้นทุนผัดกระเพราหนึ่งจานที่กรมการค้าภายในประเมินมาควรอยู่ที่ จานละ 23.55 บาท ถ้าขายในราคาจานละ 35 บาท จะมีกำไร 11.45 บาท ต่อจาน แต่ตัวเลขนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมของแต่ละร้านค้า ไม่ได้ฟันธงว่าต้องมีต้นทุนตามนี้เท่านั้น
รวม 5 เทคนิคเปิดร้าน “ผัดกระเพรา” อย่างเดียวก็รวยได้
การคิดขาย “ผัดกระเพรา” เราต้องกำหนดวิธีการขายว่าเราจะขายอย่างไร เลือกวิธีเปิดหน้าร้านแล้วขายผัดกระเพราอย่างเดียว , หรือจะเลือกแบบรถเข็นเร่ขายไปตามที่ต่างๆ , หรือจะเปิดร้านตามตลาดนัดเป็นข้าวกระเพราห่อละ 20-25 , หรือจะเลือกไม่มีหน้าร้านแต่ใช้วิธีการส่งแบบ Delivery ไม่ว่าจะเลือกวิธีการขายกระเพราแบบไหน ก็มี 5 เทคนิคที่ควรจำไว้
ภาพจาก bit.ly/2MBmSbo
1.เมนูต้องมีความหลากหลาย
คำว่าผัดกระเพราไม่ได้หมายความจะมีแต่หมูผัดกระเพรา หรือหมูสับผัดกระเพรา ควรมี “ผัดกระเพรา” หลากหลายเมนูให้ลูกค้าเลือก เช่น ผัดกระเพราไก่ , ผัดกระเพรารวมมิตร , ผัดกระเพราเครื่องใน , ผัดกระเพราหน่อไม้ , ผัดกระเพรากุ้ง เป็นต้น ซึ่งแต่ละเมนูอาจตั้งราคาแตกต่างกันตามวัตถุดิบที่ใช้ได้
2.รสชาติต้องมีมาตรฐาน
ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ผัดกระเพราของเราต้องมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ลูกค้าจำได้ว่านี่คือซิกเนเจอร์ของร้านเรา รสชาติจึงต้องเหมือนกัน ไม่ใช่วันนี้เผ็ดมาก พรุ่งนี้ไม่เผ็ด ทั้งที่เป็นเมนูเดียวกัน บางคนที่ทำมานานอาจมีน้ำซอสสูตรสำเร็จของตัวเองมาช่วยให้รสชาติผัดกระเพราดีเหมือนกันทุกจาน
3.ทำตามออร์เดอร์ลูกค้าได้
สำหรับคนที่รับออร์เดอร์จัดส่งแบบเดลิเวอรี่ หรือคนที่มีหน้าร้าน เราต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าที่มีหลากหลาย เช่นบางคนอยากกินผัดกระเพราแต่ไม่ใส่กระเพรา บางคนกินเผ็ดมาก บางคนเผ็ดน้อย บางคนของแบบเน้นวัตถุดิบพิเศษ เป็นต้น การเอาใจลูกค้าก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ช่วยให้ขายดีขึ้นได้
ภาพจาก bit.ly/303JTXH
4.ข้าวต้องไม่แฉะเกินไป
หลายคนมองข้ามเรื่อง “ข้าว” บางร้านที่เราเคยเห็นข้าวแฉะ เกินไปเวลาราดผัดกระเพราลงไปกลายเป็นข้าวแฉะมากขึ้น หรือบางร้านก็ข้าวแข็งเกินไป ทานคู่กับผัดกระเพราก็ไม่อร่อย ดังนั้นจึงควรหุงข้าวให้นิ่มพอดีๆ จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้ผัดกระเพราของเรามากขึ้น
5.ปริมาณจุใจสมกับราคา
เป็นสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังกับปริมาณของสินค้า ถ้าราคา 25-30 แต่ลูกค้ารู้สึกเหมือนได้กินข้าวผัดกระเพรามากขึ้น หรือผัดกระเพราใส่ห่อที่ขายตามตลาดนัดห่อละ 20 บาท (ไม่มีไข่ดาว) ก็ควรให้มีปริมาณที่กินแล้วอิ่ม กินแล้วรู้สึกว่าคุ้มค่า ลูกค้าก็จะกลับมาใช้บริการเราอีก
ตัวอย่างความสำเร็จ “รวยด้วยผัดกระเพรา”
ภาพจาก www.facebook.com/Kaprow25/
ปัจจุบันผัดกระเพราหลายคนเปิดขายแฟรนไชส์ เช่นกระเพราซาวห้า ที่จุดเริ่มต้นคือคนที่ออกจากงานกลับบ้านไปอยู่ขอนแก่นแล้วไม่รู้จะทำอะไรจนมาเปิดร้านขายผัดกระเพรา เริ่มจากร้านเล็กๆ ตั้งโต๊ะขายหน้าบ้าน ขายวันแรกได้ 5 ห่อ จากนั้นเริ่มมีลูกค้ามากขึ้นและขยายสาขามากขึ้นจนกลายเป็นแฟรนไชส์ที่ตอนนี้มีสาขากว่า 50 แห่ง รายได้จากการขายกระเพราต่อวันของแต่ละสาขาเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าวันละ 1,000 บาท
หรืออีกตัวอย่างที่น่าสนใจคนนี้ไม่มีทำเลเปิดร้าน มีเงินทุนอยู่แค่ 20,000 บาท แต่วิธีการที่ใช้น่าสนใจ เพราะเขาเช่าอพาร์ทเม้น เป็นครัว และใช้การแจกเบอร์โทร นามบัตรให้กับนักเรียน นักศึกษา คนงาน ด้วยวิธีคิดของเขาที่มองว่า หลายคนหิว ต้องการอาหาร แต่ไม่อยากออกมาตากแดดร้อนๆ ไม่อยากตากฝน บางคนขี้เกียจออกจากห้อง ผัดกระเพราเดลิเวอรี่จึงตอบโจทย์
ภาพจาก www.facebook.com/Kaprow25/
ด้วยการออกแบบเพคเกจจิ้งให้ดูดี มีเบอร์โทรติดที่กล่อง จากวันแรกที่คนไม่รู้จัก จนกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น จากคนที่มีเงินทุนหลักหมื่น สู่ยอดขายต่อเดือนเกือบหลักแสน จากที่ต้องเช่าอพาร์ทเม้นเล็กๆ ก็ขยายไปเช่าอาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ขึ้น และมีรายได้มากขึ้น ลูกค้ามากขึ้น ทุกอย่างเกิดจากการขายผัดกระเพราอย่างเดียวล้วนๆ
สิ่งสำคัญคือเราต้องจับจุดการขาย รู้จักใช้เทคนิคการตลาด ในช่วงแรกอาจไม่มีลูกค้าก็อย่าเพิ่งท้อ อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ ลองเดินหน้าต่อไปและอดทน เพราะปัจจุบันมีคู่แข่งเยอะมาก จึงควรหาจุดเด่นของร้านค้า ตั้งแต่ชื่อร้าน รสชาติของผัดกระเพรา และที่สำคัญควรมีโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นยอดขายในบางโอกาสด้วย
ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3jjdzZQ , https://bit.ly/2Li0UK1 , https://bit.ly/3pJUi5h , https://bit.ly/37GKF0S , https://bit.ly/3bzux2o
อ้างอิงจาก https://bit.ly/3bYVGMy
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
8 ขั้นตอน การพัฒนาระบบแฟรนไชส์
1. การวางแผนธุรกิจ ก่อนทำแฟรนไชส์
- กำหนดรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้มีความชัดเจน โดนใจลูกค้า
- ชื่อกิจการ (Brand)
- การสร้างผลการดำเนินธุรกิจที่ดี ได้ผลกำไร มีความมั่นคง (Good ROI)
- การสร้างแบรนด์ ตราสินค้า ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักผู้บริโภค
- การพัฒนาสินค้าบริการ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐาน
- การพัฒนาระบบบริการจัดการ จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
- วางโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ทีมงาน สนับสนุนระบบแฟรนไชส์
- การวางแผน และกำหนดเป้าหมายการขยายธุรกิจ การขยายสาขา ทั้งในและต่างประเทศ
- การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ทำเลที่ตั้ง และรูปแบบของร้านค้า
- การเลือกใช้สื่อต่างๆ ช่องทางต่างๆ ในการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างแบรนด์แฟรนไชส์
2. การรวบรวมข้อมูลธุรกิจ
- ระบบการปฏิบัติงาน วิธีการบริหารจัดการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
- ระบบการเงิน การบัญชี
- งบประมาณในการลงทุนธุรกิจ การขยายสาขา
- รูปแบบของร้านค้า รูปแบบของตราสินค้า ที่เป็นเอกลักษณ์
- ระบบการสต็อกสินค้า จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
- แผนงานการตลาด การส่งเสริมการขายต่างๆ
- กระบวนการพัฒนาบุคลากร ทีมงานด้านต่างๆ
3. การวิเคราะห์ธุรกิจแฟรนไชส์
- ธุรกิจเปิดมานานหลายปี จำนวนไม่น้อยกว่า 1สาขา
- แบรนด์มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง
- สินค้าและบริการ มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด
- เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีผลกำไร ต่อเนื่อง เป็นที่น่าพอใจ
- มีระบบการทำงาน การปฏิบัติงาน แผนการทำงานที่ชัดเจน สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้
- มีระบบการพัฒนาบุคลากร และสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง เป็นมาตรฐาน
- ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การส่งเสริมการขายต่างๆ
- แผนกลยุทธ์การขยายสาขา และเติบโตต่อเนื่อง เป็นรายเดือน หรือ รายปี
4. การวางโครงสร้างของระบบแฟรนไชส์
- กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค
- การสร้างองค์ความรู้ ระบบปฏิบัติงานต่างๆ ที่พร้อมถ่ายทอดให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- วางระบบการปฏิบัติงานของแต่ละขั้นตอนธุรกิจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่าย
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย แต่ละแผนกให้ชัดเจน รวมถึงขั้นตอนการอบรม ระบบตรวจสอบ เพื่อสร้างมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์
- สร้างระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซี หรือผู้ซื้อแฟรนไชส์
- การกำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ ในการขยายสาขาแฟรนไชส์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า (ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์)
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ช่วงเริ่มต้นได้
- เงื่อนไขการเปิดสาขาในด้านต่างๆ
5. การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจแฟรนไชส์
- แผนการขยายแฟรนไชส์
- ระบบการเงิน
- ค่าธรรมเนียมต่างๆ
- ข้อเสนอแฟรนไชส์ซี
- การจดทะเบียนแฟรนไชส์
- เรื่องกฎหมาย อายุสัญญาแฟรนไชส์
- ระบบปฏิบัติงาน รูปแบบการให้สิทธิ
- การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์
- แพ็คเกจต่างๆ ระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
- การจัดทำคู่มือแฟรนไชส์ หรือโปรแกรมแฟรนไชส์
- การจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ รวมถึงเครื่องหมายการค้า
6. การวางแผนเพื่อขยายสาขาธุรกิจแฟรนไชส์
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ เจ้าของแฟรนไชส์จะบริหารจัดการเองทุกอย่าง เพื่อสร้างความโดดเด่น สร้างความเด่นชัดให้แก่นักลงทุน ได้เห็นภาพของร้านที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนเปิดสาขาแฟรนไชส์ในภายหลัง
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟนไชส์ คือ เมื่อสาขาแรกมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มีผลกำไรต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ แล้ว ก็ทดลองขยายสาขาเพิ่มอีก เพื่อทดสอบสาขาที่ 2 เป็นอย่างไร โดยนำเอาระบบการปฏิบัติงานทุกอย่างของร้านสาขาแรกมาปฏิบัติ ถ้าประสบความสำเร็จ ก็ค่อยขยายสาขาตัวเองเพิ่มอีก 2-3 สาขา ถ้าประสบความสำเร็จเหมือนสาขาแรก ก็ค่อยคิดขายแฟรนไชส์ให้กับคนอื่น
7. กระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น (ระบบการบริหารจัดการในร้าน ขั้นตอนการปฏิบัติงาน)วิเคราะห์ระบบการเงิน การลงทุน ในแต่ละสาขาที่เปิดทดลอง
- พิจารณาปรับปรุงระบบงาน ระบบการทำงานต่างๆ ให้เหมาะสม
- ระบบการพัฒนาทีมงานรองรับการขยายงาน ขยายสาขา
- การวางแผนงานขยายสาขาแฟรนไชส์
- เก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ กลุ่มลูกค้า ผลประกอบการ การดำเนินงาน ของสาขาแรก หรือสาขาต้นแบบ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก่อนเปิดสาขาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และขายแฟรนไชส์
- จัดวางงบประมาณ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์
8. แผนการตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์
- การจัดทำคู่มือต่างๆ เพื่อแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์
- กระบวนการขายแฟรนไชส์ การคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์
- กระบวนการติดตามลูกค้าเป้าหมาย
- การนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- การจัดงาน สัมมนาการขายธุรกิจ แฟรนไชส์
- การเปิดเยี่ยมชมธุรกิจ ร้านต้นแบบแฟรนไชส์
- กระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม ตามหลักมาตรฐานแฟรนไชส์สากล
- กระบวนการถ่ายทอดความรู้ การอบรม และให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)