ไอเดีย “สร้างธุรกิจจากความเครียด” รวยเงินล้าน

คนไทยจำนวนมากเผชิญกับภาวะเครียดสะสมทั้งจากเศรษฐกิจชะลอตัว งานที่ไม่มั่นคง และชีวิตเมืองที่เร่งรีบ รายงานจากกรมสุขภาพจิต ระบุว่าคนไทยกว่า 32% มีความเครียดระดับปานกลางถึงสูง

จากข้อมูลการสำรวจประชากร (กลุ่มตัวอย่างจำนวน 6 ล้านราย) ของกรมสุขภาพจิตระหว่างปี 2020 – 2025 พบว่า

  • ผู้มีระดับความเครียดสูง 15.48 % คิดเป็นประชากรประมาณ 10 ล้านคน
  • ผู้มีภาวะเสี่ยงซึมเศร้า 9.14 % คิดเป็นประชากรประมาณ 560,000 คน
  • กลุ่มวัย 45-59 ปี เป็นกลุ่มที่มีระดับความสุขต่ำที่สุดประมาณ 13.4 ล้านคน

และคนไทยมีแนวโน้มความเครียดพุ่งสูงขึ้น 80.1% จากปีก่อนๆ โดยความเครียดเป็นปัจจัยหลักที่เชื่อมโยงกับปัญหาอื่น เช่น ภาวะซึมเศร้าและความเสี่ยงฆ่าตัวตาย ปัญหานี้เพิ่มขึ้นหลังโควิด-19 จากแรงกดดันทางเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และการทำงาน โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน และผู้สูงอายุ

คนไทยเครียดกับเรื่องอะไรมากที่สุด?

ภาพจาก https://elements.envato.com
  • หนี้ครัวเรือน โดย 47 % ของคนวัยทำงาน (20-59 ปี) เป็นกลุ่มที่มีความเครียดเรื่องนี้มากที่สุด
  • รายได้ไม่เพียงพอ โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท ซึ่งคิดเป็น 30% ของประชากร
  • ประชากรกว่า 60% รู้สึกไม่มั่นคงทางการเงิน มีความเครียดจากค่าใช้จ่ายพื้นฐานเช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ รายจ่ายในชีวิตประจำวัน
  • ความเครียดเรื่องการว่างงานและความไม่แน่นอนในการทำงาน โดย 40% ของคนวัยทำงานรู้สึกกังวลเรื่องอนาคตอาชีพ
  • 70% ของคนวัยทำงานกังวลและมีความเครียดเรื่อง “เงินเดือนไม่พอใช้”

นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้ความเครียดคนไทยพุ่งสูง เช่นเรื่องครอบครัวคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 25-30% และเรื่องการศึกษาประมาณ 15-20% ซึ่งยังมีรายงานอีกว่าไทยมีระดับความเครียดจากเศรษฐกิจสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก โดย 30% ของประชากรโลกเครียดจากเงิน ขณะที่ไทยสูงถึง 40-50%

เปลี่ยน “ความเครียด” เป็นไอเดียสร้างรายได้

เมื่อเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเครียดที่ต้องเจอ ถ้าเลิกไม่ได้ก็ต้องหาทางให้ “ระบาย” เพื่อลดความเครียดให้เหลือน้อยที่สุด มองในอีกมุมหนึ่งก็คือโอกาสทางธุรกิจที่หากจับการตลาดได้อย่างถูกจุดสามารถเปลี่ยนความเครียดให้เป็นรายได้ที่น่าสนใจ ซึ่งก็มีหลายธุรกิจที่ยกตัวอย่างได้ เช่น

1.ตู้ชกมวย

ภาพจาก https://citly.me/Z4y0J

คือเครื่องเล่นที่ให้คนต่อยวัดพลังหมัด คลายเครียด และอวดเพื่อนได้สนุกๆ ราคาตู้ชกมวย 1 ตู้ประมาณ 70,000 – 120,000 บาท (ขึ้นอยู่กับคุณภาพ) เบ็ดเสร็จเมื่อรวมค่าขนส่ง+ติดตั้ง+บำรุงรักษา งบลงทุนประมาณ 100,000 – 130,000 บาท ค่าบริการต่อย 1 ครั้ง = 20 บาท

สมมุติว่าตู้ชกมวยตั้งในห้าง คนเล่น 70 ครั้ง/วัน

  • รายได้: 70 × 20 × 30 วัน = 42,000 บาท/เดือน
  • หักค่าเช่าพื้นที่ 15,000 + ซ่อมบำรุง 2,000 = 17,000 บาท/เดือน
  • กำไรสุทธิ = 25,000 บาท/เดือน คืนทุนภายใน 4–6 เดือน

2.เครื่องนวดอัตโนมัติ (Massage Chair Machine)

ภาพจาก https://elements.envato.com

เก้าอี้นวดที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและลดความเครียด ผู้ใช้จ่ายเงิน 10-50 บาทต่อการนวดประมาณ 5-15 นาที โดยราคาเก้าอี้นวดประมาณ 30,000-100,000 บาทต่อตัว ขึ้นอยู่กับรุ่นและคุณภาพ มีข้อดีคือใช้ระบบรับเหรียญหรือชำระผ่าน QR Code ไม่ต้องมีพนักงานดูแล เป็น Passiveincome ได้อย่างดี สำคัญสุดคือการหาทำเลในการให้บริการ จุดที่สร้างรายได้ดีเช่นในห้างสรรพสินค้า , สนามบิน , สถานีรถไฟ เป็นต้น

3.เครื่อง VR ระบายความเครียด (VR Stress Relief Games)

ภาพจาก https://elements.envato.com

เป็นการใช้เทคโนโลยียุคใหม่มาสร้างรายได้ จุดเด่นของ VR ทำให้ผู้ใช้บริการสัมผัสประสบการณ์เสมือนจริง เช่น ต่อสู้ ผจญภัย หรือจำลองสถานที่ผ่อนคลาย เช่น เดินในป่า ลงทุนประมาณ50,000-200,000 บาทต่อชุด สามารถตั้งค่าให้ผู้ใช้จ่ายเงินผ่าน QR Code หรือแลกเหรียญเพื่อเล่น แต่ก็ต้องคำนึงถึงทำเลในการหาจุดติดตั้ง ทำเลที่ดีเช่นในห้างสรรพสินค้าหรือตามย่านวัยรุ่นต่างๆ

นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายไอเดียที่จะเปลี่ยนความเครียดให้เป็นรายได้ โดยที่ผ่านมาเราเห็นสินค้าหลายชนิดที่เจาะกลุ่มคนที่มีความเครียดเช่น ตุ๊กตาฮีลใจซึ่งเป็นเทรนด์ในกลุ่มคนวัยทำงาน ของประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ที่ได้นำตุ๊กตาตัวใหญ่มาให้ผู้ซื้อใช้นอนกอด ช่วยบำบัดความเหงา คลายเครียด วิตกกังวล และยังช่วยส่งเสริมการนอนหลับให้ดีขึ้น

หรือในญี่ปุ่นก็ได้ผลิตหมอนชื่อว่า Fufuly หมอนที่มีลักษณะรูปร่างคล้ายก้อนเมฆ และมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มฟูทำจากผ้ากำมะหยี่ตัวหมอนจะมีมอเตอร์ที่เต้นเป็นจังหวะอยู่ข้างใน เมื่อกอดหมอน จะทำให้รู้สึกคลายเครียด และลดความวิตกกังวลได้

รวมถึงธุรกิจอย่างสปาอโรมา /การนวดผ่อนคลาย , คาเฟ่สัตว์เลี้ยง , บริการรับฟังปัญหาสุขภาพจิต , ตู้คาราโอเกะ ฯลฯ สินค้าและบริการเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีความเครียด ถ้าถามว่ารายได้ดีแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพในการให้บริการรวมถึงกลยุทธ์ด้านการตลาดและวิธีบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับใครที่อยากมีธุรกิจหรืออยากมีรายได้เพิ่มบางทีความเครียดที่เราพบเจอที่เราเคยมองว่าเป็นปัญหา และเราเคยคิดว่าเป็นโรคระบาดทางใจ ถ้าเราเปลี่ยน Pain point ดึงคนที่มีความทุกข์ให้มีความสุขเพิ่มขึ้นได้ อาจหมายถึงตัวเราเองที่จะมีกำไรจากธุรกิจได้ด้วย

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด