แอดไม่ยิงก็ยอดขายพุ่ง! เผยสูตรลับที่ SME ใช้แล้วได้ผลจริง

บนโลกออนไลน์ ใครจะเชื่อว่ามี SME หลายรายสามารถสร้างยอดขายได้แบบถล่มทลายโดย ไม่ต้องยิงแอดแม้แต่บาทเดียว! ซึ่งเคล็ดลับอยู่ที่การเข้าใจพฤติกรรมลูกค้า ผสมผสานกลยุทธ์การตลาดแบบประหยัดต้นทุน โดยการใช้ เว็บปั๊มไลค์ เพื่อเพิ่มการมองเห็น และเพิ่มความน่าเชื่อถือของโพสต์ก่อน เริ่มต้นสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เมื่อรวมเข้ากับเทคนิคอีกหลายข้อ

จึงกลายมาเป็นสูตรสำเร็จที่ SME หลายรายสามารถใช้ได้จริง และเห็นผลจริง และใครจะไปเชื่อว่าในยุคที่มีการแข่งขันด้านการตลาดออนไลน์ที่มีความรุนแรงขึ้นทุกวัน SME รายเล็กๆ ที่ไม่มีงบยิงแอดหลักหมื่น กลับสามารถทำยอดขายทะลุเป้าได้ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ โดยใช้วิธีที่ใครหลายคนมองข้ามไป นั่นคือการสร้าง “ภาพลักษณ์น่าเชื่อถือ” และ “กระตุ้นการมีส่วนร่วม” ตั้งแต่โพสต์แรกที่ปล่อยสู่สาธารณะในโลกออนไลน์

1.คอนเทนต์คุณภาพยังชนะทุกยุค

โพสต์ให้ตรงใจ ไม่ต้องขายทุกครั้ง แต่ให้ใช้การเล่าเรื่อง หรือ เรื่องราว ที่ดึงดูดผู้ชมโดยไม่ต้องเปลืองงบ ซึ่งในโลกยุคออนไลน์ที่ทุกแพลตฟอร์มเต็มไปด้วยเสียงโฆษณา การโพสต์ขายของตรงๆ อาจไม่ใช่สิ่งที่ดึงดูดใจลูกค้าอีกต่อไป แต่สิ่งที่ยังทรงพลัง และ “ชนะใจคนได้ทุกยุค” คือ คอนเทนต์คุณภาพ ที่สามารถสื่อสารอย่างตรงใจและจริงใจต่อลูกค้า

โพสต์ให้ตรงใจ ไม่ใช่ต้องขายเก่งเสมอไป

ลูกค้าในปัจจุบันไม่ชอบถูกขายของ แต่ ชอบแบรนด์ที่ “เข้าใจลูกค้า” และ “เป็นประโยชน์กับลูกค้า” นั่นหมายความว่า ถ้าคุณอยากให้ลูกค้าซื้อสินค้าของแบรนด์คุณ คุณต้อง “ไม่ขายของทุกโพสต์” แต่ต้อง “มีคุณค่าทุกโพสต์”

  • วิธีโพสต์ให้ตรงใจลูกค้า
  • ให้ความรู้เกี่ยวกับแบรนด์ของคุณ อาทิเช่น ถ้าคุณขายอาหารเสริม คุณต้องโพสต์เรื่องโภชนาการเบื้องต้น หรือพฤติกรรมสุขภาพที่ควรรู้
  • แชร์ไลฟ์สไตล์ของแบรนด์ แทนการพูดถึงสินค้าโดยตรง ให้ลองแชร์ภาพชีวิตของคนที่ใช้สินค้าของคุณ แล้วเปรยเบาๆ ว่า “คุณเองก็สามารถทำได้นะ”
  • ใส่ความเป็นมนุษย์ โพสต์ที่เล่าความรู้สึกคนทำแบรนด์ ความผิดพลาด หรือเบื้องหลัง มักได้ Engagement ดีกว่าโพสต์โปรโมชั่นได้หลายเท่า

Storytelling เล่าเรื่องให้คนอิน โดยไม่ต้องเปลืองงบ

Storytelling หรือ การเล่าเรื่อง คือหัวใจของการตลาดยุคใหม่ในโลกออนไลน์ เพราะผู้คนจะจดจำ “เรื่องราว” ได้ดีกว่า “ข้อมูล” เสมอ ซึ่งการบอกเล่าที่มาของแบรนด์ หรือ ประสบการณ์ของลูกค้า ถือเป็นคอนเทนต์ที่ทำให้คนรู้สึกว่าแบรนด์ของคุณนั้น “มีตัวตน” ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ร้านค้าทั่วไป การเล่าเรื่องราวให้ผู้ชมอินตามแบรนด์ของคุณ จึงถือเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ไม่ต้องเปลืองงบใน SME และยังสามารถใช้สูตร เว็บปั๊มไลค์ โดยผ่านการบอกเล่าเรื่องราวให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงได้ง่ายอีกด้วยค่ะ

2. การสร้างคอมมูนิตี้ก่อนค่อยขายของ

เว็บปั๊มไลค์

หลายแบรนด์ต่างมุ่งแต่จะ “ขายให้ได้เร็วที่สุด” โดยลืมไปว่าความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า นั้นคือ สิ่งที่จะทำให้เกิดยอดขายอย่างต่อเนื่องและมีความยั่งยืน การสร้างคอมมูนิตี้ หรือ กลุ่มคนที่รักในสิ่งเดียวกัน จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ SME ไม่ต้องไล่ล่าลูกค้าใหม่ทุกวัน แต่กลายเป็นแบรนด์ที่มี “ฐานแฟนคลับ หรือ ฐานลูกค้า” ที่พร้อมจะสนับสนุนแบรนด์ของคุณอย่างต่อเนื่อง

วิธีปั้นกลุ่มลูกค้าประจำให้กลายเป็นแฟนคลับ

การมี “ลูกค้าประจำ” ว่าเป็นเรื่องดีแล้ว แต่การเปลี่ยนลูกค้าเหล่านั้นให้กลายเป็น “แฟนคลับ” หรือ คนที่รักและพร้อมเชียร์แบรนด์คุณอย่างจริงจัง คือ กุญแจสู่การเติบโตแบบยั่งยืน เพราะฐานของแฟนคลับไม่ใช่แค่ซื้อซ้ำ แต่ยังบอกต่อ แชร์ต่อ และปกป้องแบรนด์ของคุณด้วยหัวใจจริง ซึ่งวิธีปั้นกลุ่มลูกค้าประจำให้กลายเป็นแฟนคลับ มีวิธีดังนี้

  1. รู้จักลูกค้าให้ลึกกว่าเดิม คุณอย่ามองลูกค้าแค่ตัวเลขยอดขาย แต่ให้คุณเข้าใจพฤติกรรม ความชอบ และปัญหาของพวกเขาให้มากขึ้น อาทิเช่น ลูกค้าชอบซื้อสินค้าช่วงไหน ชอบสินค้าประเภทใด หรือสนใจโปรโมชั่นรูปแบบไหน ยิ่งคุณเข้าใจมากเท่าไร การสื่อสาร และการบริการก็ยิ่งโดนใจกลุ่มลูกค้าของคุณ
  2. สร้างประสบการณ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง การบริการที่ดีไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ต้องสม่ำเสมอ ตั้งแต่การตอบแชท การจัดส่ง รวมไปจนถึงการติดตามการบริการหลังการขาย เมื่อประสบการณ์ดี ความเชื่อใจก็จะตามมา และความเชื่อใจนี่แหละ คือพื้นฐานของความเป็นแฟนคลับ
  3. ใช้โซเชียลมีเดียให้เป็น คุณอย่าใช้โซเซียลแค่โพสต์ขายของ แต่คุณควรแบ่งปันเนื้อหาที่มีคุณค่า อาทิเช่น เคล็ดลับการใช้งาน การรีวิวสินค้าจากลูกค้าจริง หรือเบื้องหลังการทำงาน ซึ่งจะแสดงถึงความจริงใจของแบรนด์ผ่านคอนเทนต์ จึงจะทำให้ลูกค้ายิ่งรู้สึกผูกพันกับแบรนด์ของคุณ
  4. ให้ความพิเศษเฉพาะกลุ่มลูกค้าประจำ ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดเฉพาะสมาชิก สิทธิ์การทดลองสินค้าก่อนใคร หรือของขวัญวันเกิด ซึ่งสิ่งเล็กๆ เหล่านี้ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเขามีคุณค่ากับแบรนด์จริงๆ ในระยะยาว
  5. เปิดพื้นที่ให้แฟนคลับได้มีส่วนร่วม เชิญชวนให้ลูกค้าร่วมแสดงความคิดเห็น แชร์รีวิว หรือร่วมกิจกรรมกับแบรนด์ ยิ่งพวกเขารู้สึกว่าเสียงของเขามีความหมาย ลูกค้าก็ยิ่งผูกพันกับแบรนด์มากขึ้นกว่าเดิม

การใช้ Facebook Group / LINE OpenChat อย่างมีประสิทธิภาพ

ในยุคที่ลูกค้าต้องการความใกล้ชิด และการสื่อสารแบบทันใจ การสร้าง “ชุมชนออนไลน์” จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่แบรนด์ไม่ควรมองข้ามผ่าน โดยเฉพาะการใช้ Facebook Group หรือ LINE OpenChat ที่ช่วยให้คุณสร้างกลุ่มคนที่สนใจในสิ่งเดียวกัน มาพูดคุย ตอบคำถาม แชร์ประสบการณ์ และเปลี่ยนลูกค้าทั่วไปให้กลายเป็นแฟนคลับได้ง่ายขึ้น

การใช้ Facebook Group และ LINE OpenChat อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ได้อยู่ที่จำนวนสมาชิกเท่านั้น แต่อยู่ที่ความ “มีชีวิต” ของกลุ่ม ซึ่งการสร้างบทสนทนา ความรู้สึกใกล้ชิด และความไว้ใจ หากคุณทำได้ดี แบรนด์ของคุณจะไม่แค่ขายของได้ แต่ยังสร้างชุมชนที่สนับสนุนกันไปไกลในระยะยาวอีกด้วยค่ะ ซึ่งคุณสามารถทำได้ดังนี้

  1. ตั้งเป้าหมายกลุ่มให้ชัดเจน อย่าสร้างกลุ่มแค่ไว้ขายของ ควรตั้งให้ชัดว่าเป็นกลุ่มรีวิว แชร์ไอเดีย หรือให้ความรู้ เพราะกลุ่มที่มีจุดยืนชัดเจนจะดึงดูดคนได้ดีกว่า
  2. สื่อสารแบบเป็นกันเอง การใช้ภาษาธรรมดา ตอบเร็ว ทักทายสมาชิกใหม่บ่อยๆ เพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น เป็นมิตร และต้องกล้าแสดงออกภายในกลุ่ม
  3. กระตุ้นให้มีส่วนร่วม การตั้งคำถาม ชวนรีวิว หรือจัดกิจกรรมง่ายๆ จะช่วยให้สมาชิกมีส่วนร่วมมากขึ้น และกลุ่มไม่เงียบเหงามากจนเกินไป
  4. ใช้กลุ่มแจ้งข่าวพิเศษ การแจ้งโปรโมชั่นก่อนใคร หรือปล่อยสินค้าตัวพิเศษในกลุ่ม จะทำให้ลูกค้ารู้สึกใกล้ชิด และอยากอยู่ภายในกลุ่มต่อไปในระยะยาว
  5. ดันความน่าเชื่อถือช่วงเริ่มต้น หากเพิ่งสร้างกลุ่มใหม่ การใช้ เว็บปั๊มไลค์ หรือบริการเพิ่มสมาชิกเบื้องต้นจะช่วยให้กลุ่มของคุณดูน่าสนใจมากขึ้น แต่ต้องมีเนื้อหาดีควบคู่กัน เพื่อให้กลุ่มเติบโตแบบมีคุณภาพ

3.ใช้พลังรีวิวจากลูกค้าจริงให้เป็น

รีวิวจากลูกค้าจริงถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในยุคออนไลน์นี้ เพราะก่อนตัดสินใจซื้อของ ลูกค้าใหม่มักมองหา “เสียงจากผู้เคยใช้” มากกว่าโฆษณา การรีวิวจึงไม่ใช่แค่คำชม แต่เป็นตัวช่วยเพิ่มยอดขาย และการสร้างความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจของคุณได้อย่างแบบยั่งยืน

เทคนิคขอรีวิวแบบไม่ดูน่าเกลียด

ในยุคที่ “รีวิว” คือพลัง การมีเสียงจากลูกค้ามาเสริมความน่าเชื่อถือช่วยให้แบรนด์ของคุณขายง่ายขึ้นหลายเท่า แต่การ “ขอรีวิว” ตรงๆ อาจจะทำให้บางคนรู้สึกอึดอัด หรือดูไม่เป็นมืออาชีพ แล้วจะขออย่างไรให้ดูนุ่มนวล และลูกค้าเต็มใจเขียนให้รีวิวให้ล่ะ

  • ขอในจังหวะที่ใช่ หลังจากลูกค้าได้รับสินค้า และมีความพึงพอใจ อย่ารอช้า ส่งข้อความขอบคุณพร้อมแนบคำขอรีวิวสั้นๆ อาทิเช่น “ขอบคุณที่อุดหนุนสินค้านะคะ ถ้าชอบสินค้า ฝากรีวิวสั้นๆ ให้ทางร้านหน่อยได้ไหมคะ จะเป็นกำลังใจให้กับแบรนด์ของเรามากยิ่งขึ้นเลยค่ะ”
  • ทำให้การรีวิวง่าย ลูกค้าบางคนอยากเขียนรีวิวแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ลองแนบตัวอย่างหรือคำถามชี้นำ หรือเตรียมลิงก์รีวิวไว้ให้คลิกง่ายๆ บนเพจ Facebook, LINE, Shopee หรือแพลตฟอร์มที่ลูกค้าเลือกซื้อ
  • ให้บางสิ่งตอบแทนแบบนุ่มนวล คุณไม่จำเป็นต้องแจกของใหญ่โต แค่บอกว่า “รีวิวครบ 3 ท่านแรก รับคูปองส่วนลด 50 บาททันที” หรือ “ขอบคุณสำหรับรีวิวทุกข้อความนะคะ ทางร้านมีของขวัญเล็กๆ ตอบแทนให้ค่ะ” ก็จะยิ่งทำให้คนอยากเขียนรีวิวสินค้าของคุณมากยิ่งขึ้นเยอะ
  • อย่าขอแบบกดดัน ควรหลีกเลี่ยงข้อความที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกจำใจ อาทิเช่น “ช่วยรีวิวให้หน่อย จะได้ไม่เสียเครดิตร้าน” ควรที่จะใช้ข้อความว่า “หากคุณชอบบริการของเรา การรีวิวจะช่วยให้เราพัฒนาได้ดียิ่งขึ้นค่ะ”

วิธีนำรีวิวไปต่อยอดทั้งในเพจและเว็บไซต์

การรีวิวจากลูกค้าถือเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลัง หากคุณรู้จักนำมาใช้ให้ดี จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือต่อแบรนด์ และยอดขายของคุณได้ในระยะยาว

  1. ใช้รีวิวในเพจ การโพสต์รีวิวลูกค้าบนเพจโซเชียลมีเดีย เป็นวิธีที่ดีในการแสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือของสินค้าหรือการบริการของคุณ
  2. เพิ่มรีวิวในเว็บไซต์ การแสดงรีวิวบนเว็บไซต์ของคุณเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจในการตัดสินใจซื้อสินค้าของคุณ
  3. ใช้รีวิวในโฆษณา การนำรีวิวมาใช้ในโฆษณาจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี

4. พลังของ SEO บนโซเชียลมีเดีย

ในยุคที่โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสาร และยังเป็นสื่อการตลาด การใช้ SEO (Search Engine Optimization) ในโซเชียลมีเดียจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะ SEO ไม่ได้จำกัดแค่ในเว็บไซต์เท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เพื่อเพิ่มการมองเห็น และการมีส่วนร่วมบนแพลตฟอร์มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter หรือ YouTube ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เขียนโพสต์ให้ติดคำค้น (Keyword) โดยไม่ดู Hard Sell

การเขียนโพสต์ที่ติดคำค้น (Keyword) เป็นวิธีที่ช่วยให้คนเห็นโพสต์ของคุณมากขึ้นบนโลกอินเทอร์เน็ต แต่การใช้คำค้นนั้นต้องทำให้โพสต์ดูธรรมชาติ และไม่เหมือนการขายสินค้าตรงๆ หรือ Hard Sell ซึ่งอาจทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจได้ โดยมีวิธีการโพสต์ดังนี้

  • ใช้คำค้นในประโยคที่ดูเป็นธรรมชาติ การใช้คำค้นในโพสต์ควรใส่เข้าไปในประโยคที่อ่านแล้วรู้สึกธรรมชาติ”
  • โพสต์แบบเน้นประโยชน์ การโพสต์ที่เน้นประโยชน์ และมีคุณค่าจะทำให้คนรู้สึกว่าคุณกำลังแบ่งปันสิ่งดีๆ
  • สร้างการสนทนา แทนที่จะบอกให้คนมาซื้อสินค้าของคุณ ลองชวนคนให้แสดงความคิดเห็น หรือแชร์ประสบการณ์ แทน ซึ่งการชวนให้คนตอบคำถามแบบนี้จะทำให้คำค้นปรากฏขึ้นโดยไม่ต้องขายของเลย
  • ใช้คำค้นในหัวข้อหรือคำบรรยายที่น่าสนใจ การใช้คำค้นในหัวข้อโพสต์ หรือคำบรรยายรูปภาพจะช่วยให้ผู้คนสนใจโพสต์ของคุณ

การตั้งชื่อภาพ วิดีโอ และแคปชันให้มีพลังค้นเจอ

ในยุคที่ข้อมูลท่วมท้นมากมาย การตั้งชื่อภาพ วิดีโอ และแคปชั่นให้มีพลังการค้นเจอถือเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะในการทำการตลาดออนไลน์ และการสร้างแบรนด์ เพราะการตั้งชื่อที่ดีจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้คนค้นพบเนื้อหาของคุณผ่านการค้นหาของ Google หรือแพลตฟอร์มต่างๆ ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มการเข้าถึง และการมีส่วนร่วมได้เป็นอย่างดี

ซึ่งการตั้งชื่อภาพ วิดีโอ และแคปชั่นที่ดีเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เนื้อหาของคุณโดดเด่น และสามารถค้นหาเจอได้ง่ายในโลกออนไลน์ คำหลักที่เกี่ยวข้อง ชื่อที่กระชับ และแคปชั่นที่น่าสนใจล้วนเป็นปัจจัยที่จะช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึง และการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ได้อย่างโดยตรง การตั้งชื่ออย่างมีพลังไม่เพียงแต่ช่วยให้คนค้นพบเนื้อหาของคุณ แต่ยังช่วยสร้างการจดจำแบรนด์ของคุณให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นอีกด้วยค่ะ

5. จับกระแสไว สร้างโอกาสขายทันที

ในยุคโซเชียลที่กำลังมาแรง นาทีนี้ใคร “ไว” กว่า ถือว่าได้เปรียบกว่า ไม่ว่าคุณจะขายสินค้าอะไร ถ้ารู้จัก การจับกระแส แล้วใช้ให้เป็น โอกาสทางการขาย ก็สามารถเพิ่มยอดได้แบบทันตาเห็นเลยค่ะ

วิธีดูเทรนด์ในแต่ละวัน

ในโลกดิจิทัลทุกวันนี้ การรู้ว่า “วันนี้คนพูดถึงเรื่องอะไร” หรือ “กระแสไหนกำลังมาแรง” ถือเป็นหนึ่งในทักษะสำคัญของคนทำธุรกิจ ครีเอเตอร์ นักการตลาด หรือแม้แต่คนทั่วไปที่อยากมีตัวตนบนโลกออนไลน์ เพราะถ้าคุณจะจับเทรนด์ได้ก่อนคนอื่น และคุณก็จะสามารถสร้างเนื้อหาที่โดนใจ ตรงความสนใจ และมีโอกาสไวรัลได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

เครื่องมือดูเทรนด์ในแต่ละวัน

  • Google Trends เป็นเครื่องมือฟรีที่ให้คุณดูคำค้นหายอดนิยมทั่วโลกหรือเฉพาะในประเทศไทยก็ได้
  • เทรนด์บน Twitter หรือ X เป็นแหล่งข่าว และกระแสจะมาเร็วมาก โดยเฉพาะเรื่องบันเทิง การเมือง และแฮชแท็กไวรัล
  • TikTok Trends เป็นแพลตฟอร์มที่มีพลังของ “เสียง เพลง และชาเลนจ์” เทรนด์เกิดไว และมีโอกาสดังชั่วข้ามคืน
  • YouTube Trending จะมีหมวด “มาแรง” เทรนด์ที่รวบรวมวิดีโอที่กำลังได้รับความนิยมในประเทศของคุณ

ตัวอย่าง SME ที่ปังจากการเกาะกระแสแบบมืออาชีพ

การเกาะกระแสไม่ใช่แค่ตามเทรนด์ให้ไว แต่ต้องรู้จัก “จับให้ถูกจังหวะ และใช้ให้ถูกวิธี” ซึ่งหลายธุรกิจ SME ไทยทำได้อย่างมืออาชีพ จนทำให้แบรนด์ของเขาพุ่งแรงแบบฉุดไม่อยู่ มาดูตัวอย่างกันว่าใครทำได้ดี และเขาทำอย่างไรบ้าง

  • ศรีจันทร์ – พลิกแบรนด์เก่าให้สดใหม่ผ่านโซเชียล ศรีจันทร์ถือเป็นแบรนด์เครื่องสำอางไทยที่มีมาอย่างยาวนาน แต่กลับมาฮิตอีกครั้งในกลุ่มวัยรุ่น ด้วยการ “เกาะกระแส TikTok” และใช้อินฟลูเอนเซอร์สร้างรีวิวที่ดูเข้าถึงง่าย เช่น รีวิวแบบฮาๆ หรือ “ลองใช้จริงแบบไม่มีสคริปต์” ทำให้ลูกค้ารู้สึกใกล้ชิดและมีความน่าเชื่อถือ

ไม่ยิงแอดก็ขายดีได้ ถ้ารู้จักใช้คอนเทนต์และกลยุทธ์ที่ถูกจุด

ไม่ต้องพึ่งโฆษณาก็ขายดีได้จริง ถ้าหากคุณรู้จัก “การเล่าเรื่องให้เป็น” และ “การเข้าใจลูกค้า” ผ่านคอนเทนต์ แทนที่จะเสียเงินยิงแอด ลองเปลี่ยนมาสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าด้วยการโพสต์เนื้อหาที่มีคุณค่า อาทิเช่น การให้ความรู้ การรีวิวจากลูกค้าจริง การบอกเล่าเรื่องราวเบื้องหลังสินค้า เป็นต้น

ซึ่งคอนเทนต์เหล่านี้จะช่วยให้คนรู้จักแบรนด์ของคุณมากยิ่งขึ้น เชื่อใจมากขึ้น และ “เลือกซื้อสินค้าของคุณ” ด้วยความสมัครใจ ไม่ใช่แค่เพราะเห็นโฆษณา เพียงแค่คุณรู้จักวางแผนคอนเทนต์ให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย และโพสต์อย่างสม่ำเสมอ คุณก็เปลี่ยนเพจธรรมดาให้กลายเป็นแหล่งสร้างยอดขายได้… โดยไม่ต้องเสียสักบาทกับการยิงแอด

กองบรรณาธิการเว็บไซต์

ยินดีสนับสนุน SMEs ไทยทุกแบรนด์ ที่ต้องการสร้างความเข้มแข็ง อยากเรียนรู้ พัฒนาธุรกิจ ส่งเสริมความเข้าใจในการตลาด มีความคิดสร้างสรรค์ แบ่งปันเพื่อสังคม ต่อยอดธุรกิจ ให้ประสบความสำเร็จในอนาคต