ลูกค้าใหม่ใกล้ฉัน หาลูกค้าบน Google ทำธุรกิจแบบไม่ต้องเหนื่อย!

ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปการทำธุรกิจก็ต้องอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาช่วย จากเดิมที่เราแค่เปิดร้านแปะป้ายโฆษณาหรือว่าแจกใบปลิว มาตอนนี้เท่านั้นคงไม่พอ สิ่งที่จะกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจได้คือการหาข้อมูลในอินเทอร์เนตไม่ว่าจะเป็น Google หรือจากโซเชี่ยลแพลตฟอร์มต่างๆ

ถ้าพิจารณาสัดส่วนของโซเชี่ยลที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการพบว่า

  • LINE มียอดผู้ใช้งานมากที่สุดถึง 56 ล้านราย
  • Facebook มียอดผู้ใช้งาน 51 ล้านราย
  • YouTube มียอดผู้ใช้งาน 47.6 ล้านราย
  • TikTok มียอดผู้ใช้งาน 34 ล้านราย

แต่ถ้าวัดผลกันที่ความพอใจในการใช้งาน TikTok เป็นที่ชื่นชอบมากถึง 32.7% ตามมาด้วย LINE , Facebook และ Instagram

อย่างไรก็ดีอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจและดูจะได้ผลมากคือการใช้ Google เพิ่มลูกค้าให้กับธุรกิจ ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าเวลาเราจะหาข้อมูลใดๆ สักอย่าง Google คือตัวเลือกแรกที่เราใช้เสิร์ช แน่นอนว่าถ้าพิมพ์ข้อมูลที่ต้องการลงไปแล้วปรากฏว่า ร้านค้าของเราเด้งขึ้นมาอยู่ต้นๆ ย่อมมีความน่าเชื่อถือและจะเป็นโอกาสให้ลูกค้ามาหาเราได้มากขึ้นด้วย ด้วยเหตุนี้คนทำธุรกิจจึงต้องรู้จักการใช้ Google My Business ให้เป็นประโยชน์

ลูกค้าใหม่ใกล้ฉัน
ภาพจาก https://bit.ly/4jZSGkF

Google My Business (GMB) คือ เครื่องมือฟรีจาก Google ที่ช่วยให้ธุรกิจของเราปรากฏบน Google Search และ Google Maps สามารถนำทางและดึงดูดลูกค้าใหม่ให้เข้ามาเยี่ยมชมหน้าร้านหรือเว็บไซต์ได้มากขึ้น เหมาะสำหรับธุรกิจหลากหลายประเภท เช่น

  • ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของชำ หรือร้านเสริมสวย
  • ธุรกิจที่ให้บริการในพื้นที่ เช่น ช่างซ่อมไฟฟ้า ช่างประปา หรือผู้ให้บริการขนส่ง
  • ธุรกิจที่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือ เช่น คลินิกความงาม โรงแรม หรือบริษัทอสังหาริมทรัพย์

วิธีการติดตั้งก็ทำไม่ยาก หลังจากติดตั้ง Google My Business แล้ว ก็ให้ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีของเราเอง จากนั้นกรอกข้อมูลต่างๆ ของธุรกิจให้ครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นประเภทธุรกิจ ชื่อร้าน เบอร์โทร โลเคชัน เว็บไซต์ของร้าน รูปภาพที่ต้องการนำเสนอ เป็นต้น เมื่อเรียบร้อยแล้วก็กดยืนยันการสร้างหน้าร้านออนไลน์ หลังจากนั้นเราสามารถปรับแต่งหน้า Google My Business ได้ตามต้องการหรือเพิ่ม Q&A Section ได้ด้วย

ลูกค้าใหม่ใกล้ฉัน
ภาพจาก https://bit.ly/4jZSGkF

อีกเคล็ดลับที่น่าสนใจคือหลังจากสมัคร Google My Business แล้วควรตั้งค่าให้ SEO รองรับ เพราะจะช่วยให้ Google เข้าใจธุรกิจของเรามากขึ้น ดึงดูดลูกค้าที่ค้นหาคำหลักที่เกี่ยวข้องมาเจอกับหน้าร้านได้ง่ายขึ้นด้วย ทั้งนี้ประโยชน์จากการใช้ Google My Business นั้นมีหลายอย่างเช่น

  • ประหยัดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาได้มากขึ้น
  • เพิ่มโอกาสในการค้นหาเจอได้ง่ายขึ้น
  • เพิ่มความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจ
  • ดึงดูดลูกค้าในพื้นที่และจากนอกพื้นที่ได้
  • สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าจากข้อมูลสถิติของ Google My Business
  • เป็นอีกช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้า ตอบคำถามลูกค้า โพสต์อัปเดต และส่งข้อความผ่าน Google My Business
  • เข้าถึงลูกค้าใหม่ เพิ่มโอกาสในการขาย และยังช่วยเพิ่มโอกาสเติบโตให้ธุรกิจได้

นับเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำตลาดยุคปัจจุบัน ซึ่ง Google เองก็เข้าใจในจุดนี้และพยายามพัฒนารูปแบบให้ดีขึ้นต่อเนื่อง ถ้าดูจากตัวเลขพบว่า Google มีรายได้จาก Google Search มากถึง 6.5 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 56.6% สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมของคนทำธุรกิจและผู้ใช้งานที่มีจำนวนมาก

ลูกค้าใหม่ใกล้ฉัน
ภาพจาก https://bit.ly/4jZSGkF

อย่างไรก็ดีการศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละธุรกิจเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม รวมถึงการนำเครื่องมืออื่นๆ และการตลาดในรูปแบบอื่นมาผนวกใช้ด้วยกันจะยิ่งทำให้ธุรกิจมีโอกาสเติบโตได้มากขึ้น

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


8 ขั้นตอน การพัฒนาระบบแฟรนไชส์

1. การวางแผนธุรกิจ ก่อนทำแฟรนไชส์

  • กำหนดรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้มีความชัดเจน โดนใจลูกค้า
  • ชื่อกิจการ (Brand)
  • การสร้างผลการดำเนินธุรกิจที่ดี ได้ผลกำไร มีความมั่นคง (Good ROI)
  • การสร้างแบรนด์ ตราสินค้า ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักผู้บริโภค
  • การพัฒนาสินค้าบริการ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐาน
  • การพัฒนาระบบบริการจัดการ จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • วางโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ทีมงาน สนับสนุนระบบแฟรนไชส์
  • การวางแผน และกำหนดเป้าหมายการขยายธุรกิจ การขยายสาขา ทั้งในและต่างประเทศ
  • การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ทำเลที่ตั้ง และรูปแบบของร้านค้า
  • การเลือกใช้สื่อต่างๆ ช่องทางต่างๆ ในการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างแบรนด์แฟรนไชส์

2. การรวบรวมข้อมูลธุรกิจ

  • ระบบการปฏิบัติงาน วิธีการบริหารจัดการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
  • ระบบการเงิน การบัญชี
  • งบประมาณในการลงทุนธุรกิจ การขยายสาขา
  • รูปแบบของร้านค้า รูปแบบของตราสินค้า ที่เป็นเอกลักษณ์
  • ระบบการสต็อกสินค้า จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • แผนงานการตลาด การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • กระบวนการพัฒนาบุคลากร ทีมงานด้านต่างๆ

3. การวิเคราะห์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • ธุรกิจเปิดมานานหลายปี จำนวนไม่น้อยกว่า 1สาขา
  • แบรนด์มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง
  • สินค้าและบริการ มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด
  • เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีผลกำไร ต่อเนื่อง เป็นที่น่าพอใจ
  • มีระบบการทำงาน การปฏิบัติงาน แผนการทำงานที่ชัดเจน สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้
  • มีระบบการพัฒนาบุคลากร และสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง เป็นมาตรฐาน
  • ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • แผนกลยุทธ์การขยายสาขา และเติบโตต่อเนื่อง เป็นรายเดือน หรือ รายปี

4. การวางโครงสร้างของระบบแฟรนไชส์

  • กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค
  • การสร้างองค์ความรู้ ระบบปฏิบัติงานต่างๆ ที่พร้อมถ่ายทอดให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • วางระบบการปฏิบัติงานของแต่ละขั้นตอนธุรกิจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่าย
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย แต่ละแผนกให้ชัดเจน รวมถึงขั้นตอนการอบรม ระบบตรวจสอบ เพื่อสร้างมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์
  • สร้างระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซี หรือผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • การกำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ ในการขยายสาขาแฟรนไชส์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า (ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์)
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ช่วงเริ่มต้นได้
  • เงื่อนไขการเปิดสาขาในด้านต่างๆ

5. การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายแฟรนไชส์
  • ระบบการเงิน
  • ค่าธรรมเนียมต่างๆ
  • ข้อเสนอแฟรนไชส์ซี
  • การจดทะเบียนแฟรนไชส์
  • เรื่องกฎหมาย อายุสัญญาแฟรนไชส์
  • ระบบปฏิบัติงาน รูปแบบการให้สิทธิ
  • การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์
  • แพ็คเกจต่างๆ ระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
  • การจัดทำคู่มือแฟรนไชส์ หรือโปรแกรมแฟรนไชส์
  • การจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ รวมถึงเครื่องหมายการค้า

6. การวางแผนเพื่อขยายสาขาธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ เจ้าของแฟรนไชส์จะบริหารจัดการเองทุกอย่าง เพื่อสร้างความโดดเด่น สร้างความเด่นชัดให้แก่นักลงทุน ได้เห็นภาพของร้านที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนเปิดสาขาแฟรนไชส์ในภายหลัง
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟนไชส์ คือ เมื่อสาขาแรกมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มีผลกำไรต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ แล้ว ก็ทดลองขยายสาขาเพิ่มอีก เพื่อทดสอบสาขาที่ 2 เป็นอย่างไร โดยนำเอาระบบการปฏิบัติงานทุกอย่างของร้านสาขาแรกมาปฏิบัติ ถ้าประสบความสำเร็จ ก็ค่อยขยายสาขาตัวเองเพิ่มอีก 2-3 สาขา ถ้าประสบความสำเร็จเหมือนสาขาแรก ก็ค่อยคิดขายแฟรนไชส์ให้กับคนอื่น

7. กระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น (ระบบการบริหารจัดการในร้าน ขั้นตอนการปฏิบัติงาน)วิเคราะห์ระบบการเงิน การลงทุน ในแต่ละสาขาที่เปิดทดลอง
  • พิจารณาปรับปรุงระบบงาน ระบบการทำงานต่างๆ ให้เหมาะสม
  • ระบบการพัฒนาทีมงานรองรับการขยายงาน ขยายสาขา
  • การวางแผนงานขยายสาขาแฟรนไชส์
  • เก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ กลุ่มลูกค้า ผลประกอบการ การดำเนินงาน ของสาขาแรก หรือสาขาต้นแบบ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก่อนเปิดสาขาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และขายแฟรนไชส์
  • จัดวางงบประมาณ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์

8. แผนการตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์

  • การจัดทำคู่มือต่างๆ เพื่อแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์
  • กระบวนการขายแฟรนไชส์ การคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • กระบวนการติดตามลูกค้าเป้าหมาย
  • การนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • การจัดงาน สัมมนาการขายธุรกิจ แฟรนไชส์
  • การเปิดเยี่ยมชมธุรกิจ ร้านต้นแบบแฟรนไชส์
  • กระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม ตามหลักมาตรฐานแฟรนไชส์สากล
  • กระบวนการถ่ายทอดความรู้ การอบรม และให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี

สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด