รวมภาษีที่คนทำแฟรนไชส์ต้องจ่าย!

เป็นธรรมดาของการทำธุรกิจที่จำเป็นต้องมี การจ่ายภาษี ไม่เว้นแม้แต่คนทำธุรกิจแฟรนไชส์ ซึ่งบางคนลงทุนซื้อแฟรนไชส์มาก็เข้าใจว่าเราไม่จำเป็นต้องจ่ายภาษี แต่ในความเป็นจริง หากเข้ากฎเกณฑ์เงื่อนไข ไม่ว่าเราจะเป็นเจ้าของแฟรนไชส์หรือซื้อแฟรนไชส์มาอีกทีก็ต้องจ่ายภาษีไม่มีข้อยกเว้น

www.ThaiSMEsCenter.com ได้รวบรวมภาษีที่คนทำแฟรนไชส์ต้องรู้จัก และต้องจ่าย มานำเสนอให้ศึกษา และจะได้เตรียมตัวถูกต้องว่าเราต้องจ่ายภาษีแบบไหน อย่างไรกันบ้าง จะได้ไม่ต้องมาถูกปรับในภายหลัง

1.ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

รวมภาษีที่คนทำแฟรนไชส์ต้องจ่าย!

ภาพจาก www.freepik.com/

ในกรณีที่สาขาแฟรนไชส์เป็นร้านขนาดเล็ก ไม่ได้จดทะเบียนธุรกิจ ภาษีที่ต้องจ่ายให้สรรพากรคือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยมีการหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาในอัตราร้อยละ 60 ของรายได้ ในส่วนที่เหลือร้อยละ 40 จะต้องนำมาคำนวณเสียภาษีในอัตราก้าวหน้า ร้อยละ 5-35 โดยจะมีการยื่นขอเสียภาษีเงินได้ปีละ 2 ครั้ง คือ ครึ่งปีแรกยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 สำหรับเงินได้ที่เกิดในเดือนกรกฏาคม – มิถุนายน จะต้องยื่นแบบภายในเดือนกันยายน และครึ่งปีหลังต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 ภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป โดยคำนวณภาษีเงินได้ตลอดทั้งปี หักด้วยยอดภาษีที่จ่ายครึ่งปีแรก จะได้มูลค่าภาษีที่จะต้องจ่ายในครึ่งปีหลัง

2.ภาษีเงินได้นิติบุคคล

4

ภาพจาก www.freepik.com/

ในกรณีที่แฟรนไชส์ดำเนินธุรกิจในลักษณะบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน จะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลให้กับสรรพากรในอัตราร้อยละ 20 ทุกปี โดยฐานภาษีคำนวณจากกำไรสุทธิ ซึ่งจะมีการยื่นปีละ 2 ครั้ง คือรอบครึ่งบัญชีแรก ยื่นแบบ ภ.ง.ด.51 สำหรับเงินได้ในช่วง 6 เดือนแรก โดยจะต้องยื่นแบบภายใน 2 เดือนนับจากวันที่ครบรอบ 6 เดือน ในส่วนครึ่งปีหลัง ยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 สำหรับเงินได้ในช่วง 6 เดือนหลัง หรือตั้งแต่เดือนที่ 7-12 จะต้องยื่นแบบภายใน 120 วันหลังจากปิดบัญชี โดยคำนวณภาษีเงินได้ตลอดทั้งปี หักด้วยยอดภาษีที่จ่ายในครึ่งปีบัญชีแรกจะได้มูลค่าภาษีที่จะต้องจ่ายในครึ่งปีหลัง

3.ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

3

ภาพจาก www.freepik.com/

หากมีรายได้ต่อปีตั้งแต่ 1,800,000 บาทขึ้นไป จะต้องมีการจดทำเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยจะต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละ 7 ซึ่งภาษีที่จะต้องนำส่งกรมสรรพากร คือมูลค่าส่วนต่างของภาษีซื้อและภาษีขาย หากภาษีขายมากกว่าภาษีซื้อ ร้านค้าจะต้องนำส่งเงินส่วนต่างค่าภาษีให้กับกรมสรรพากร แต่ถ้าภาษีซื้อมากกว่าภาษีขาย เราสามารถจะเลือกได้ว่าจะขอคืนหรือเก็บไว้หักยอดภาษีในครั้งหน้า โดยต้องยื่นแบบ ภพ.30 ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปเพื่อรายงานมูลค่าภาษีซื้อ – ภาษีขายในแต่ละเดือน หากยื่นหลังวันที่ 15 ของเดือน จะต้องจ่ายค่าเบี้ยปรับเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือน

4.ภาษีป้าย

2

ภาพจาก www.freepik.com/

หากร้านแฟรนไชส์ของเราเป็นอาคารพาณิชย์หรือมีการทำป้ายชื่อร้าน โดยมีการแสดงชื่อ ยี่ห้อ โลโก้ เครื่องหมายการค้าในเชิงพาณิชย์ เราจะต้องชำระค่าภาษีป้ายให้กับสำนักงานเขตในพื้นที่นั้นๆ หรือเทศบาลทุกปี โดยค่าภาษีจะคิดจากภาษาที่ใช้และขนาดของป้าย ยกเว้นป้ายที่มีล้อเลื่อน หรือป้ายที่จัดทำขึ้นเป็นครั้งคราว โดยจะต้องยื่นแบบ ภ.ป.10 ตั้งแต่เดือนมกราคม – มีนาคมของทุกปี หากฝ่าฝืนมีโทษปรับ 5,000 – 50,000 บาท

5.ภาษีศุลกากร

1

ภาพจาก www.freepik.com/

หากมีการนำวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือในการประกอบธุรกิจเข้ามาจากต่างประเทศ เจ้าของแฟรนไชส์มีหน้าที่ ต้องยื่นใบขนสินค้าขาเข้า โดยการลงทะเบียนเป็นผู้ผ่านพิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์ แบบไร้เอกสาร (Paperless) โดยลงทะเบียนเฉพาะครั้งแรกเท่านั้น และควรศึกษาเรื่องพิกัดอัตราภาษีศุลกากรเพิ่มเติม ตามแต่ละประเภทของสินค้าที่นำเข้า

เอกสารในการจ่ายภาษีเป็นสิ่งที่ต้องเก็บไว้ให้ดีเพื่อยืนยันว่าเราได้มีการชำระภาษีมูลค่าเพิ่มเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ผู้ประกอบการควรรอบคอบในการตรวจสอบข้อมูลใบกำกับภาษี ทั้งชื่อผู้ขาย ผู้ซื้อ ที่อยู่ หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี และอีกเรื่องที่ต้องใส่ใจคือเอกสารทางบัญชีในการจ่ายภาษีต้องเก็บไว้อย่างน้อย 10 ปี จากเดิมที่กฏหมายกำหนดให้ต้องเก็บเอกสารทางบัญชีไว้อย่างน้อย 5 ปี จึงจะสามารถทำลายได้ แต่ปัจจุบันได้เพิ่มเป็น 10 ปี เผื่อมีการเรียกตรวจสอบย้อนหลังจากกรมสรรพากร จะต้องมีเอกสารและข้อมูลต่างๆ พร้อมชี้แจง

ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3dH6xgo , https://bit.ly/3ku03mN

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3c4k1QW

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise


8 ขั้นตอน การพัฒนาระบบแฟรนไชส์

1. การวางแผนธุรกิจ ก่อนทำแฟรนไชส์

  • กำหนดรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้มีความชัดเจน โดนใจลูกค้า
  • ชื่อกิจการ (Brand)
  • การสร้างผลการดำเนินธุรกิจที่ดี ได้ผลกำไร มีความมั่นคง (Good ROI)
  • การสร้างแบรนด์ ตราสินค้า ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักผู้บริโภค
  • การพัฒนาสินค้าบริการ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐาน
  • การพัฒนาระบบบริการจัดการ จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • วางโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ทีมงาน สนับสนุนระบบแฟรนไชส์
  • การวางแผน และกำหนดเป้าหมายการขยายธุรกิจ การขยายสาขา ทั้งในและต่างประเทศ
  • การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ทำเลที่ตั้ง และรูปแบบของร้านค้า
  • การเลือกใช้สื่อต่างๆ ช่องทางต่างๆ ในการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างแบรนด์แฟรนไชส์

2. การรวบรวมข้อมูลธุรกิจ

  • ระบบการปฏิบัติงาน วิธีการบริหารจัดการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
  • ระบบการเงิน การบัญชี
  • งบประมาณในการลงทุนธุรกิจ การขยายสาขา
  • รูปแบบของร้านค้า รูปแบบของตราสินค้า ที่เป็นเอกลักษณ์
  • ระบบการสต็อกสินค้า จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • แผนงานการตลาด การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • กระบวนการพัฒนาบุคลากร ทีมงานด้านต่างๆ

3. การวิเคราะห์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • ธุรกิจเปิดมานานหลายปี จำนวนไม่น้อยกว่า 1สาขา
  • แบรนด์มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง
  • สินค้าและบริการ มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด
  • เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีผลกำไร ต่อเนื่อง เป็นที่น่าพอใจ
  • มีระบบการทำงาน การปฏิบัติงาน แผนการทำงานที่ชัดเจน สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้
  • มีระบบการพัฒนาบุคลากร และสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง เป็นมาตรฐาน
  • ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • แผนกลยุทธ์การขยายสาขา และเติบโตต่อเนื่อง เป็นรายเดือน หรือ รายปี

4. การวางโครงสร้างของระบบแฟรนไชส์

  • กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค
  • การสร้างองค์ความรู้ ระบบปฏิบัติงานต่างๆ ที่พร้อมถ่ายทอดให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • วางระบบการปฏิบัติงานของแต่ละขั้นตอนธุรกิจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่าย
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย แต่ละแผนกให้ชัดเจน รวมถึงขั้นตอนการอบรม ระบบตรวจสอบ เพื่อสร้างมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์
  • สร้างระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซี หรือผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • การกำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ ในการขยายสาขาแฟรนไชส์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า (ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์)
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ช่วงเริ่มต้นได้
  • เงื่อนไขการเปิดสาขาในด้านต่างๆ

5. การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายแฟรนไชส์
  • ระบบการเงิน
  • ค่าธรรมเนียมต่างๆ
  • ข้อเสนอแฟรนไชส์ซี
  • การจดทะเบียนแฟรนไชส์
  • เรื่องกฎหมาย อายุสัญญาแฟรนไชส์
  • ระบบปฏิบัติงาน รูปแบบการให้สิทธิ
  • การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์
  • แพ็คเกจต่างๆ ระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
  • การจัดทำคู่มือแฟรนไชส์ หรือโปรแกรมแฟรนไชส์
  • การจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ รวมถึงเครื่องหมายการค้า

6. การวางแผนเพื่อขยายสาขาธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ เจ้าของแฟรนไชส์จะบริหารจัดการเองทุกอย่าง เพื่อสร้างความโดดเด่น สร้างความเด่นชัดให้แก่นักลงทุน ได้เห็นภาพของร้านที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนเปิดสาขาแฟรนไชส์ในภายหลัง
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟนไชส์ คือ เมื่อสาขาแรกมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มีผลกำไรต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ แล้ว ก็ทดลองขยายสาขาเพิ่มอีก เพื่อทดสอบสาขาที่ 2 เป็นอย่างไร โดยนำเอาระบบการปฏิบัติงานทุกอย่างของร้านสาขาแรกมาปฏิบัติ ถ้าประสบความสำเร็จ ก็ค่อยขยายสาขาตัวเองเพิ่มอีก 2-3 สาขา ถ้าประสบความสำเร็จเหมือนสาขาแรก ก็ค่อยคิดขายแฟรนไชส์ให้กับคนอื่น

7. กระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น (ระบบการบริหารจัดการในร้าน ขั้นตอนการปฏิบัติงาน)วิเคราะห์ระบบการเงิน การลงทุน ในแต่ละสาขาที่เปิดทดลอง
  • พิจารณาปรับปรุงระบบงาน ระบบการทำงานต่างๆ ให้เหมาะสม
  • ระบบการพัฒนาทีมงานรองรับการขยายงาน ขยายสาขา
  • การวางแผนงานขยายสาขาแฟรนไชส์
  • เก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ กลุ่มลูกค้า ผลประกอบการ การดำเนินงาน ของสาขาแรก หรือสาขาต้นแบบ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก่อนเปิดสาขาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และขายแฟรนไชส์
  • จัดวางงบประมาณ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์

8. แผนการตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์

  • การจัดทำคู่มือต่างๆ เพื่อแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์
  • กระบวนการขายแฟรนไชส์ การคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • กระบวนการติดตามลูกค้าเป้าหมาย
  • การนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • การจัดงาน สัมมนาการขายธุรกิจ แฟรนไชส์
  • การเปิดเยี่ยมชมธุรกิจ ร้านต้นแบบแฟรนไชส์
  • กระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม ตามหลักมาตรฐานแฟรนไชส์สากล
  • กระบวนการถ่ายทอดความรู้ การอบรม และให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี

สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด