ทำไม Simple Kaffa ร้านกาแฟไต้หวัน ถึงครองใจคอกาแฟทั่วโลก

เชื่อหรือไม่ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “ไต้หวัน” กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีวัฒนธรรมการดื่มกาแฟที่มีการเติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย แม้ว่าไต้หวันจะโดดเด่นในเรื่อง “ชานมไข่มุก” แต่จริงๆ แล้ว กาแฟก็ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งในมุมของความสะดวกสบาย ไลฟ์สไตล์ และประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม

จากรายงานของ United Daily News Network เว็บไซต์ข่าวออนไลน์ของประเทศไต้หวัน ปี 2024 มูลค่ารวมของอุตสาหกรรมบริการกาแฟในไต้หวัน รวมทั้งร้านกาแฟ, ขายส่ง, ค้าปลีก มีมูลค่าตลาดพุ่งทะลุ 400 พันล้านเหรียญไต้หวัน หรือประมาณราวๆ 450,000 ล้านบาท นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่า “กาแฟ” ไม่ใช่แค่เครื่องดื่มของคนทำงานในเมืองเท่านั้น แต่ได้กลายเป็นเครื่องดื่มของผู้บริโภคไต้หวันทุกเพศทุกวัย รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางไปยังไต้หวันอีกด้วย

ส่วนจำนวนร้านกาแฟ ข้อมูล ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2024 จากกรมสรรพากรไต้หวัน พบว่า มีร้านกาแฟเปิดให้บริการอยู่ถึง 4,824 แห่งทั่วประเทศ นับว่าเป็นจำนวนร้านเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี มีอัตราเติบโตเฉลี่ย 5-8% ต่อปี โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างไทเป, เกาสง, ไถจง ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้น และการเติบโตของคาเฟ่ทั้งในรูปแบบตลาดแมส และร้านอิสระสไตล์พรีเมียม

แต่ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดกาแฟไต้หวัน กลับมีร้านกาแฟแบรนด์หนึ่งอย่าง Simple Kaffa ร้านกาแฟไต้หวัน (ซิมเพิล คาฟา) สามารถก้าวขึ้นมาเป็นร้านกาแฟสัญชาติไต้หวันที่สร้างชื่อเสียงในระดับโลกได้อย่างน่าทึ่ง ไม่เพียงแต่เป็นที่ยอมรับในประเทศเท่านั้น

แต่ยังได้รับความสนใจจากคอกาแฟในต่างประเทศ ด้วยการที่ผู้ก่อตั้งคว้าแชมป์ชงกาแฟระดับโลก การออกแบบร้านที่มีเอกลักษณ์ และสร้างประสบการณ์การดื่มกาแฟที่แตกต่างจากร้านอื่นๆ

แล้วอะไรคือ “หัวใจ” ของความสำเร็จ ที่ทำให้ร้านกาแฟ Simple Kaffa โดดเด่นในตลาดกาแฟที่มีการแข่งขันสูงทั่วโลก

จุดเริ่มต้นจากรถเข็น…สู่เวทีโลก

Simple Kaffa ร้านกาแฟไต้หวัน
ภาพจาก www.facebook.com/simplekaffaflagship

Simple Kaffa คือหนึ่งในร้านกาแฟที่ได้รับการยอมรับระดับโลก ก่อตั้งโดย Berg Wu บาริสต้าฝีมือเยี่ยมชาวไต้หวัน ผู้ที่มีความหลงใหลในกาแฟเป็นอย่างมาก จุดเริ่มต้นของเขาไม่ได้หรูหรา แต่เรียบง่ายและเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น

Berg เริ่มต้นธุรกิจกาแฟจากร้านรถเข็นสามล้อเล็กๆ ใกล้มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน (National Taiwan University) ด้วยความตั้งใจของเขาเพียงอย่างเดียว ที่อยากชงกาแฟที่ดีที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้

ตลอดหลายปี Berg ทุ่มเทเวลาให้กับการฝึกฝน สมัครลงแข่งขันในรายการต่างๆ ทั้งระดับประเทศและระดับนานาชาติ ประสบการณ์เหล่านั้นไม่เพียงขัดเกลาฝีมือ แต่ยังช่วยหล่อหลอมแนวคิดและปรัชญาในการทำกาแฟของเขา

จนในปี 2016 ความพยายามก็มาประสบความสำเร็จ Berg Wu คว้าแชมป์โลกจากเวที World Barista Championship (WBC) มาครองได้สำเร็จ กลายเป็นชาวไต้หวันคนแรกที่คว้ารางวัลนี้ และเป็นหนึ่งในไม่กี่คนจากเอเชียที่ทำได้

ชัยชนะครั้งนั้นไม่เพียงเปลี่ยนชีวิตของเขา แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนของแบรนด์กาแฟ Simple Kaffa ให้กลายเป็นชื่อที่รู้จักในวงการกาแฟระดับโลก และจุดประกายเป็นแรงบันดาลใจให้กับบาริสต้าทั่วเอเชีย

ความพิเศษของร้าน

Simple Kaffa ร้านกาแฟไต้หวัน
ภาพจาก www.facebook.com/simplekaffaflagship

ร้านกาแฟ Simple Kaffa ในรูปแบบ Flagship Store เดิมเคยเปิดอยู่ในโรงแรม Hotel V ก่อนจะย้ายมาเปิดสาขาใหม่ขนาดใหญ่กว่าเดิม ตัวร้านเป็นตึกแถวเก่า แต่ถูกรีโนเวตโดยทุบเพดานชั้นสองออก เพื่อให้โปร่งโล่ง

และเห็นบาร์กาแฟตรงกลางได้ชัดเจน ทุกจุดในร้านถูกออกแบบจากแนวความคิด เช่น ผนังไม้จริงที่สื่อถึง “ป่ากาแฟ” (Kaffa – ต้นกำเนิดกาแฟจากเอธิโอเปีย) แสงธรรมชาติที่ส่องผ่านงานศิลปะตามมุมต่างๆ เพื่อสื่อถึงสีสันของกาแฟและความสำเร็จ

กาแฟที่ไม่ใช่แค่เครื่องดื่ม

Simple Kaffa ร้านกาแฟไต้หวัน
ภาพจาก www.facebook.com/simplekaffaflagship

กาแฟของ Simple Kaffa มีให้เลือกหลายสายพันธุ์ รสชาติโดดเด่นแตกต่างกันไป มีทั้งกลิ่นดอกไม้ ผลไม้ หรือช็อกโกแลต ซึ่งบาริสต้าสามารถดึงเอกลักษณ์ของแต่ละเมล็ดกาแฟออกมาได้อย่างชัดเจน

ทุกแก้วที่เสิร์ฟลูกค้า คือ กาแฟคุณภาพระดับการส่งเข้าประกวด เพราะ Berg Wu ผู้ก่อตั้งเชื่อว่าการชงกาแฟคือ “ศิลปะ” ไม่ใช่แค่การต้มกาแฟ เขาแข่งขันชงกาแฟก็เพื่อหาสุดยอดกาแฟมาเสิร์ฟให้กับลูกค้า ไม่ใช่แค่ต้องการถ้วยรางวัล

บรรยากาศน่านั่ง

Simple Kaffa ร้านกาแฟไต้หวัน
ภาพจาก www.facebook.com/simplekaffaflagship

ร้านกว้างขวาง โปร่งสบาย มุมหน้าต่างชั้นสองคือจุดยอดฮิตที่ลูกค้านิยม เหมาะกับการนั่งชิลๆ อ่านหนังสือ จิบกาแฟ แต่ต้องมาเช้าๆ เพราะคนต่อคิวจำนวนมากตั้งแต่เปิดร้าน

นอกจากกาแฟที่โดดเด่นแล้ว Simple Kaffa ยังขึ้นชื่อเรื่องขนมอบที่ทำสดใหม่ทุกวัน โดยมีเมนูซิกเนเจอร์ที่หลายคนติดใจ เช่น เค้กโรลมัทฉะ หอมนุ่มละมุน, ครัวซองต์เนยสด หอมกรอบจากเนยคุณภาพ และ ทีรามิสุ ที่รสชาติเข้มข้นลงตัว

ปัจจุบัน Simple Kaffa มีจำนวนทั้งหมด 7 สาขาในไต้หวัน

  1. Huashan Flagship Store (ร้านหลัก) ตั้งอยู่ในย่านศิลปะ Huashan 1914 Creative Park กรุงไทเป
  2. Super Kiosk – Rongjin ตั้งอยู่ในโครงการ Rongjin Gorgeous Time
  3. The Coffee One ร้านกาแฟคอนเซ็ปต์ใหม่โดยทีม Simple Kaffa อยู่ใกล้สวน Da’an
  4. Shin Kong Mitsukoshi – Zhongxiao Branch สาขาในห้างสรรพสินค้า Shin Kong Mitsukoshi สาขา Zhongxiao กรุงไทเป
  5. Sky Simple Kaffa (ที่ Taipei 101) ร้านกาแฟที่ตั้งอยู่บน ชั้น 88 ของตึก Taipei 101 เรียกว่า “Sky Simple Kaffa”
  6. Super Kiosk – Taoyuan HSR Station สาขาที่ตั้งอยู่ใน สถานีรถไฟความเร็วสูงเถาหยวน (HSR Taoyuan) ในรูปแบบ Kiosk
  7. Super Kiosk – Taoyuan Airport Terminal 2 (Departure Area) สาขาใน สนามบินนานาชาติเถาหยวน เทอร์มินอล 2 โซนขาออก

กลยุทธ์ทางการตลาด Simple Kaffa

Simple Kaffa ร้านกาแฟไต้หวัน
ภาพจาก www.facebook.com/simplekaffaflagship

จากรถเข็นกาแฟข้างถนนในไทเป สู่ร้านกาแฟระดับโลกที่นักดื่มกาแฟต้องรู้จัก ซึ่ง Simple Kaffa ไม่เพียงแค่ขายกาแฟ แต่ยังสร้างประสบการณ์และวัฒนธรรมกาแฟที่มีเอกลักษณ์ ผ่านกลยุทธ์ทางการตลาดที่น่าสนใจ เช่น

1.วางตำแหน่งแบรนด์กาแฟระดับมืออาชีพ

Simple Kaffa ไม่ขายตัวเองว่าเป็นแค่ร้านกาแฟทั่วไป แต่ชูจุดเด่นว่าเป็น “กาแฟพิเศษ (Specialty Coffee)” ที่รังสรรค์โดยแชมป์โลก ผู้ก่อตั้งอย่าง Berg Wu คือผู้ชนะการแข่งขัน World Barista Championship ปี 2016 ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ และดึงดูดคอกาแฟตัวจริงจากทั่วโลก

Simple Kaffa ร้านกาแฟไต้หวัน
ภาพจาก www.facebook.com/simplekaffaflagship

2. สร้างประสบการณ์ที่มากกว่าแค่กาแฟ

ทุกสาขาของ Simple Kaffa ถูกออกแบบให้มี “บรรยากาศ” และ “รายละเอียด” ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกได้ถึงความพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งภายในที่ผสมผสานความเป็นธรรมชาติเข้ากับความทันสมัย เมนูมีการคิดออกแบบมาอย่างดี หรือการเสิร์ฟที่ใส่ใจ ลูกค้าที่มาดื่มกาแฟที่ร้าน จึงไม่ได้แค่ดื่ม แต่ได้ “สัมผัส”

3. ขยายสาขาหลายรูปแบบ เข้าถึงลูกค้าหลายกลุ่ม

Simple Kaffa มีการพัฒนารูปแบบร้านให้หลากหลาย ไม่ใช่มีแค่ Flagship Store ใหญ่ๆ เท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายสไตล์ เช่น

  • Flagship Store (ร้านหลัก) ให้ประสบการณ์ลูกค้าครบ ทั้งกาแฟ บรรยากาศ และการให้บริการ
  • The Coffee One คาเฟ่แนวลึกที่ลูกค้าได้สัมผัสกระบวนการชงแบบใกล้ชิด
  • Super Kiosk ร้านกาแฟแบบ take-away ที่ตั้งอยู่ในสถานีรถไฟ สนามบิน และจุดเดินทางสำคัญๆ ในไต้หวัน

กลยุทธ์นี้ช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงทั้งกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมและกลุ่มลูกค้าทั่วไป

Simple Kaffa ร้านกาแฟไต้หวัน
ภาพจาก www.facebook.com/simplekaffaflagship

4. ดีไซน์เมนูอย่างสร้างสรรค์ เข้าใจง่าย

แม้จะเป็นร้านกาแฟระดับแชมป์โลก แต่เมนูของ Simple Kaffa กลับเข้าใจง่าย และน่าสนใจ เช่น กาแฟที่ผสมกลิ่นชาไต้หวัน หรือเมนูที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นของเอเชีย สื่อออกมาในชื่อที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ ไม่ต้องเป็นคอกาแฟมืออาชีพ ก็สนุกกับการดื่มได้ ราคากาแฟ Simple Kaffa เริ่มต้นแก้วละประมาณ 170‑180 เหรียญไต้หวัน หรือราวๆ 150‑200 บาท

ภาพจาก www.facebook.com/simplekaffaflagship

5. ควบคุมคุณภาพตั้งแต่เมล็ดกาแฟจนถึงมือบาริสต้า

Simple Kaffa พิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดกาแฟจากแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือ การคั่วและทดลองปรับรสชาติ ไปจนถึงการฝึกอบรมบาริสต้า ที่สำคัญบาริสต้าทุกคนของร้านต้องผ่านการเทรนด้านกลิ่น รส และการสื่อสารอย่างเข้มงวด เพื่อให้กาแฟทุกแก้วมีรสชาติคุณภาพสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะสั่งจากสาขาไหนก็ตาม

ภาพจาก www.facebook.com/simplekaffaflagship

6. เลือกทำเลที่มี Impact สูง

การตั้งร้านแต่ละแห่งของ Simple Kaffa ไม่ได้เลือกเพราะค่าเช่าถูก แต่เลือกทำเลที่มีโอกาสสร้างแบรนด์ได้สูง เช่น

  • ทำเล Taipei 101 ชั้น 88
  • ทำเล สนามบินเถาหยวน (โซนขาออก)
  • ทำเล สถานีรถไฟความเร็วสูง
  • ทำเล ย่านท่องเที่ยวและศูนย์วัฒนธรรม

ลูกค้าที่มาร้านเหล่านี้มักถ่ายรูป แชร์ต่อ และช่วยโปรโมตแบรนด์โดยธรรมชาติ

ภาพจาก www.facebook.com/simplekaffaflagship

7. ใช้รางวัล และ PR สร้างความน่าเชื่อถือ

การคว้าแชมป์โลกของ Berg Wu ผู้ก่อตั้ง ไม่ใช่แค่ถ้วยรางวัล แต่กลายเป็นจุดขายของแบรนด์ นอกจากนั้น Simple Kaffa ยังได้รับความสนใจจากสื่อต่างประเทศ เช่น GQ, Typica, La Vie และอีกมากมาย ทำให้แบรนด์กาแฟ Simple Kaffa กลายเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวสายคาเฟ่ที่เดินทางไปยังไต้หวัน

8. สร้างทีมที่แข็งแรงจากการฝึกอบรมภายใน

เบื้องหลังความสำเร็จของ Simple Kaffa คือทีมงานที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างจริงจัง บาริสต้าทุกคนต้องผ่านโปรแกรมฝึกขั้นต่ำ 3 เดือน มีการเทรนคำศัพท์กาแฟ (taste vocabulary) เพื่อให้พูดภาษาเดียวกัน และส่งต่อคุณภาพได้แบบไหลลื่น

ร้านกาแฟคู่แข่งของ Simple Kaffa ในไต้หวัน

ในตลาดร้านแนว Specialty ในไต้หวัน ที่มีการแข่งขันกันด้วยคุณภาพ ประสบการณ์ และตัวตนของแบรนด์ ชื่อของร้านกาแฟ Simple Kaffa อาจมีความโดดเด่นที่สุดในไต้หวัน แต่ก็ยังมีคู่แข่งอีกหลายรายที่น่าสนใจและมีจุดแข็งเฉพาะตัวเช่นกัน

นี่คือร้านกาแฟชื่อดังที่ถือว่าเป็นคู่แข่งโดยตรง หรืออยู่ในตลาดใกล้เคียงกับ Simple Kaffa

1. VWI by CHADWANG

ภาพจาก https://citly.me/C689k

ผู้ก่อตั้ง Chad Wang แชมป์โลกจากเวที World Brewers Cup เน้นชงกาแฟแบบ “Hand Brew” หรือ “Manual Brewing”

จุดเด่น เน้นการชงแบบมืออาชีพสุด ๆ โดยเฉพาะกาแฟแบบ Hand Brew / Pour Over และประสบการณ์การดื่มอย่างลึกซึ้ง

บรรยากาศเรียบง่าย สไตล์มินิมัล เหมาะกับคอกาแฟตัวจริง

เทียบกับ Simple Kaffa เหมือนกันตรงที่มี “แชมป์โลก” เป็นหัวใจของแบรนด์ แต่ VWI จะนิชมากกว่า ไม่มีสาขาเยอะ และไม่ได้เน้นบรรยากาศร้านเหมือน Simple Kaffa

2. Fika Fika Café

ภาพจาก www.fikafikacafe.com
  • สไตล์คาเฟ่สไตล์สแกนดิเนเวียน (เน้นความเรียบง่าย สบายตา)
  • จุดเด่น เมล็ดคุณภาพดี เบลนด์รสชาติเบา ดื่มง่าย บรรยากาศร้านดีต่อใจ
  • ลูกค้าหลัก นักท่องเที่ยวและคนทำงานที่ชอบร้านกาแฟมีสไตล์
  • เทียบกับ Simple Kaffa ร้านกาแฟ Fika Fika เข้าถึงง่ายกว่า แต่ไม่ได้เน้นการแข่งขันหรือความเป็น “แชมป์” แบบ Simple Kaffa

3. Gabee

ภาพจาก www.facebook.com/gabee.since2004

เจ้าของ บาริสต้าที่มีชื่อเสียงในวงการกาแฟไต้หวัน

จุดเด่น ทดลองเมล็ดและเทคนิคใหม่ ๆ เสมอ รสชาติชัดเจน ไม่ตามกระแส

บรรยากาศ ร้านขนาดเล็ก เน้นคุณภาพมากกว่าการตลาด

เทียบกับ Simple Kaffa มีความ “อินดี้” มากกว่า ไม่เน้นแบรนด์หรือประสบการณ์ร้านหรูเท่า แต่ดึงดูดคอกาแฟตัวจริงได้

4. SanFormosan Café

ภาพจาก www.facebook.com/SanCoffeeShop

แนวคิด “Local Specialty” ใช้เมล็ดกาแฟที่ปลูกในไต้หวันเท่านั้น

จุดเด่น เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมท้องถิ่น รักษ์โลก และสนับสนุนเกษตรกรในประเทศ

เทียบกับ Simple Kaffa แข่งขันกันในเรื่องคุณภาพ แต่ SanFormosan ชูภาพลักษณ์ “ท้องถิ่น” ในขณะที่ Simple Kaffa ชู “มาตรฐานโลก”

5. CAFE!N (คาเฟ่เอ็น)

ภาพจาก www.facebook.com/cafeinTW

ประเภทคาเฟ่สาย Chain มีหลายสาขา

จุดเด่น กาแฟคุณภาพดี ราคาเข้าถึงได้ เน้นความสะดวก รวดเร็ว

สาขามีทั่วไต้หวัน ทั้งในเมืองและศูนย์การค้า เทียบกับ Simple Kaffa เน้นตลาดแมส ขณะที่ Simple Kaffa เน้นสายพรีเมียม สร้างประสบการณ์เฉพาะตัว

แม้จุดเริ่มต้นของ Simple Kaffa จะเป็นเพียงรถเข็นเล็กๆ หน้ามหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหลังไม่ใช่แค่เครื่องชงกาแฟหรือเมล็ดพันธุ์ดีเท่านั้น แต่คืออความตั้งใจจริงของ Berg Wu ที่อยากเสิร์ฟกาแฟที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ตลอดหลายปีของการฝึกฝน เขาไม่ได้แค่ชงกาแฟ แต่ได้เรียนรู้เรื่องราวของเมล็ดกาแฟ เข้าใจธรรมชาติของรสชาติ และกลั่นประสบการณ์เหล่านั้นสู่ “กาแฟหนึ่งแก้ว” ที่เปลี่ยนชีวิตได้ จนในที่สุดจากร้านเล็กๆ ได้ก้าวสู่เวทีระดับโลก และกลายเป็นสัญลักษณ์ของกาแฟคุณภาพจากเอเชียที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล แม้ราคากาแฟของ Simple Kaffa จะสูงกว่าร้านทั่วไป

แต่สิ่งที่ลูกค้าได้รับกลับมา คือ คุณภาพ รสชาติ ความใส่ใจในรายละเอียด และประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ทำให้ร้านกาแฟจากไต้หวัน Simple Kaffa กลายเป็นจุดหมายปลายทางของคอกาแฟทั่วโลก

อ้างอิงข้อมูล

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช