ตีหัวเข้าบ้าน ด้านมืดแฟรนไชส์ ที่ไม่เคยมีใครบอกคุณ!
ถ้าถามว่าทำไมร้านที่ขายดีในช่วงแรกๆ มีลูกค้าต่อแถวยาวเหยียด แต่สุดท้ายกลับไปไม่รอดในระยะยาว มาดูสาเหตุกัน
ยกตัวอย่าง “หนังสือถอดรหัสการตลาดแบบจีน ใช้เงินน้อยแต่คนซื้อเยอะ” ผู้เขียนได้เล่าเรื่องกรณีนักธุรกิจชาวจีนอายุแค่ 22 ปี เปิดร้านขายขนม “เฉาจื่อเกา” เป็นขนมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในจีนตอนเหนือ เปิดได้ไม่นานธุรกิจขยายสาขาได้นับ 10 สาขา ส่วนใหญ่เป็นร้านแฟรนไชส์ เพียงแค่ปีเดียวเขาสามารถทำเงินได้มากกว่าล้านหยวน
แต่รู้หรือไม่ว่าธุรกิจขายขนมเฉาจื่อเกา เป็นธุรกิจกระแส มาเร็วไปไว อยู่ได้แค่ 2-3 ปีเท่านั้น ช่วงแรกๆ ร้านพวกนี้จะได้รับความนิยมจากลูกค้ามากๆ ต้องยืนต่อแถวยาวเหยียด แต่ความนิยมไม่ยั่งยืน พอเปิดร้านไปได้สักพัก ลูกค้าลดน้อยลง ทำให้รายได้ลดน้อยลง สุดท้ายเจ้าของร้านต้องปิดกิจการ ย้ายร้าน หาที่ขายใหม่
ร้านค้าที่มีลูกค้าต่อคิวเยอะๆ หากมองในแง่มุมหนึ่งเป็นเรื่องของจิตวิทยาทางการตลาด เมื่อลูกค้าเห็นคนต่อแถวยาวซ้ำๆ ทุกวัน ยิ่งอยากลองมากขึ้น เหมือนกับร้านที่เปิดข้างกัน ร้านหนึ่งคนเข้าจำนวนมาก แต่อีกร้านแทบไม่มีคนเลย เมื่อลูกค้าเดินผ่านทั้ง 2 ร้าน ส่วนใหญ่ลูกค้าร้อยละ 70-80 จะเลือกใช้บริการร้านที่มีคนเยอะ แม้จะต่อคิวก็ตาม

วิธีการขายขนมเฉาจื่อเกาในจีน ปกติจะมี 2 วิธี คือ ตั้งแผงขายในตลาดหรือเทศกาลงานต่างๆ วิธีนี้ใช้เงินลงทุนน้อย กำไรไม่มาก วิธีที่สองคือ เปิดร้านขายขนมหลายอย่าง โดยขนมเฉาจื่อเกาเป็นหนึ่งในนั้น แม้ใช้เงินลงทุนมาก แต่มีขนมหลายอย่าง ช่วยดึงดูดลูกค้าได้ดี ทำให้ร้านอยู่ได้นาน
แต่นักธุรกิจจีนวัย 22 เลือกขายแค่เฉาจื่อเกาอย่างเดียว ทำให้เขาบริหารร้านได้ง่าย ใช้พื้นที่น้อย ไม่ต้องใช้พนักงานมาก แต่มีข้อเสียตรงที่ร้านอยู่รอดยากในระยะยาว วิธีแก้ปัญหาของเขาก็คือ หาวิธีทำให้ร้านของเขามีชื่อเสียงโด่งดังในท้องถิ่นให้เร็วที่สุด
เขาเลือกเปิดร้านในทำเลที่มีคนเดินเยอะๆ ไม่ว่าจะเป็นตลาดนัด ตลาดผัก ตลาดขายของทั่วไป เขาคิดอยู่เสมอว่าถ้ามีคนเดินผ่านหน้าร้านจำนวนมาก มีโอกาสที่ลูกค้าจะได้เห็นหน้าร้าน และเป็นที่รู้จักมากขึ้น ถ้าทำเลไหนที่ไม่มีคนเดินผ่านเขาจะไม่เปิดขาย
ก่อนเปิดร้านเขาจะใช้รั้วกั้นพื้นที่ก่อสร้างร้าน ติดป้ายโฆษณาดึงดูดลูกค้าไว้ก่อนแล้ว เช่น “ซื้อ 10 แถม 5” เป็นโปรโมชันช่วงแรกของการเปิดร้านใหม่ เมื่อลูกค้าเห็นโปรโมชันก็จะยืนต่อแถวซื้อ ใครที่เดินผ่านร้านเมื่อเห็นคนต่อแถวเยอะๆ ยิ่งอยากลองบ้าง
ช่วงแรกๆ ของการเปิดร้าน เขาพยายามรักษาภาพการต่อแถวของลูกค้าไปอีก 1-2 สัปดาห์ โดยใช้โปรโมชั่น “ซื้อ 10 แถม 5” เป็นหลัก รวมถึงแจกคูปองให้ลูกค้่าระหว่างการขาย ถ้าใครมีคูปองจะได้ “ซื้อ 10 แถม 10”
คูปองจะเป็นแบบใช้ในวันถัดไป และใช้ได้ไม่จำกัดเวลา เพราะขนมเฉาจื่อเกาไม่ใช่ขนมที่คนกินทุกวัน โดยข้อดีของคูปองใช้วันเดียวจะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้ารีบใช้ หรือแบ่งให้เพื่อน ส่วนคูปองใช้ได้ไม่จำกัดเวลาช่วยให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำในอนาคต
ช่วงแรกๆ ของการเปิดร้าน เขาไม่เน้นขายให้ได้เยอะๆ แต่เน้นสร้างภาพลักษณ์ว่าร้านมีคนต่อแถวเยอะ ที่สำคัญเขาจะเปิดร้านเฉพาะช่วงตลาดคึกคัก และปิดร้านทันทีเมื่อคนน้อยลง เพราะเขาต้องการให้คนเดินตลาดเห็นว่าร้านของเขามีคนต่อแถวยาวทุกครั้งที่เปิดร้าน เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่า ร้านนี้ต้องลองให้ได้สักครั้ง
สุดท้ายร้านขนมเฉาจื่อเกาก็ไปไม่รอดหลังจากผ่านไป 2 ปี ทั้งสาขาบริษัทแม่และสาขาแฟรนไชส์ เพราะสาขาแฟรนไชส์ไม่ทำตามระบบเดิมของสาขาต้นแบบ ทำให้ลูกค้าหาย กระแสตก ธุรกิจไม่ได้กำไรเหมือนเดิม

เหมือนกรณีแฟรนไชส์ “โรตีบอย” สัญชาติมาเลเซีย ที่เข้ามาเปิดตลาดในประเทศเมื่อช่วงปลายปี 2548 เปิดสาขาแรกที่สยามสแควร์และสีลม สร้างปรากฏการณ์คนต่อแถวยาวเหยียดตั้งแต่วันแรก ใครเดินผ่านจะได้กลิ่นขนมโชยมาแต่ไกล ทำให้อยากลองกินสักครั้ง ว่ากันว่ายอดขายสูงถึง 3 หมื่นชิ้นต่อวัน ต่อมาในปี 2550 โรตีบอยก็ได้ปิดกิจการในประเทศไทย เพราะมีคู่แข่งเกิดขึ้นมากมายและทำได้อร่อยกว่า
เช่นเดียวกับ ไอศกรีมกูลิโกะ ช่วงแรกๆ ลูกค้าต่างตามหาพิกัดเพื่อที่จะซื้อกินให้ได้ กลายเป็นกระแสอย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์ กลยุทธ์ของกูลิโกะก็คือการผลิตไอศกรีมออกมาน้อย เพื่อให้เป็นกระแส สามารถสร้างยาอดขายได้เจำนวนมาก หลังจากนั้นไม่นานพอ Supply ล้นตลาด ประกอบกับกระแสซาลงไป ก็กลับมาสู่ภาวะปกติ
สินค้าหรือธุรกิจเหล่านี้จะมีระยะเวลาของมัน พวกนี้มักมาเร็วไปเร็ว เรื่องของรสชาติก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเหล่านี้อยู่ได้ระยะยาว ถ้ารสชาติไม่ดีอยู่แล้ว พอคนเห่อตามกันไป พอได้ชิม รสชาติธรรมดา ไม่ถูกปาก สุดท้ายยอดขายตก ไม่เหมือนข้าวที่คนต้องกินทุกวัน
อีกหนึ่งกรณีธุรกิจที่เป็นกระแสอย่างมาก ก็คือ แฟรนไชส์ชา 25 บาท จะเห็นได้ว่าในช่วงแรกๆ มีคนทำไม่กี่แบรนด์ในตลาดเมืองไทย พอสักพักด้วยนิสัยคนไทย ชอบบ้าเห่อ เห็นคนหนึ่งทำก็อยากทำด้วย จนมีแบรนด์ชา 25 บาทมากกว่า 50-60 แบรนด์ในตลาดเมืองไทย ไม่เพียงเท่านี้ยังเปิดขายแฟรนไชส์แข่งขันกันอย่างดุเดือด เรียกได้ว่าเป็นยุคเครื่องดื่มชาเขียวฟีเว่อร์ ตามตึกแถว ตามถนน ต้องมีร้านชา 25 บาทเปิดอยู่ไม่ 1 ก็ 2 แบรนด์ สุดท้ายปัจจุบันแทบจะไม่เหลือให้เห็นแล้ว เพราะแข่งขันกันเอง รสชาติไม่แตกต่าง คนไม่กินทุกวัน
ที่สำคัญก็คือ การทำธุรกิจแฟรนไชส์ต้องให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพมาตรฐาน เมื่อเจ้าของแฟรนไชส์เร่งขายแฟรนไชส์ให้ได้จำนวนมาก หวังเอาเงินค่าแฟรนไชส์ และขายวัตถุดิบอย่างเดียว โดยไม่ควบคุมมาตรฐาน สุดท้ายก็เกิดปัญหาสาขาแฟรนไชส์แข่งกันเอง ยอดขายลดลง ไม่ค่อยได้กำไร ในที่สุดก็ต้องปิดกิจการ
สาเหตุที่ร้านดัง คนต่อแถวในช่วงแรก
- กระแสไวรัล การตลาดดี มักเกิดจากรีวิวดัง อินฟลูเอนเซอร์ หรือโพสต์ในโซเชียลมีเดีย
- เทรนด์ คนสนใจของใหม่ อยากลองตามกระแส
- ประสบการณ์แปลกใหม่ เช่น รูปแบบการเสิร์ฟ เมนูที่แปลก ตกแต่งร้านไม่เหมือนใคร
- โปรโมชั่นแรงช่วงเปิดตัว เช่น ลดราคา แจกฟรี ฯลฯ
- ทำเลดี ง่ายต่อการเข้าถึง
ปัจจัยที่ทำให้ความนิยมลดลง
- คุณภาพไม่คงที่ อาหารรสชาติเปลี่ยน พนักงานบริการไม่ดีในบางวัน
- กระแสซาลง เทรนด์หมด คนเริ่มเบื่อ ไม่มีจุดดึงดูดใหม่
- ไม่มีลูกค้าประจำ ลูกค้าเดิมไม่ได้กลับมาใช้บริการอีก และไม่มีการสร้าง loyalty
- คิวรอนาน บริหารจัดการไม่ดี คนเคยมาแล้วรู้สึกเสียเวลา ไม่คุ้มค่า
- มีคู่แข่งใหม่ ร้านประเภทเดียวกันเกิดขึ้นมากมาย หรือร้านอื่นทำได้ดีกว่า
นั่นคือ สาเหตุและปัจจัยทำให้ธุรกิจที่ได้รับความนิยม คนต่อแถวยาวเหยียดในช่วงแรกๆ แต่สุดท้ายกลับไปไม่รอด
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)