SUPER MATCHA มัทฉะร้านดังจากเกาหลีสู่ไทย 

ในยุคที่วัฒนธรรมกาแฟได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลก การมาเข้ามาของแบรนด์ SUPER MATCHA จากประเทศเกาหลีใต้ถือเป็นการพลิกโฉมตลาดเครื่องดื่มด้วยแนวคิดใหม่ที่เน้นสุขภาพ ความพรีเมียม และดีไซน์ร่วมสมัย

แบรนด์นี้ได้สร้างกระแส “มัทฉะยุคใหม่” หรือ New Generation of Matcha Culture ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในกลุ่มลูกค้ารุ่น Millennials – Gen Z ทั้งในเกาหลีใต้และต่างประเทศ

SUPER MATCHA ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2017 ในกรุงโซล ภายใต้บริษัท HIT THE TEA Co., Ltd. โดยสองผู้ก่อตั้ง คือ Hayden และ Amy ที่มีวิสัยทัศน์ในการสร้าง Post Coffee Culture วัฒนธรรมเครื่องดื่มใหม่หลังยุคกาแฟ เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ และต้องการความสมดุลระหว่างพลังงานและการผ่อนคลาย

เรื่องราวของ SUPER MATCHA มัทฉะร้านดังจากเกาหลี มีความน่าสนใจอย่างไร เมื่อเทียบกับแบรนด์มัทฉะจากญี่ปุ่น

ก่อนอื่นมาดูมูลค่าตลาดมัทฉะในเกาหลีใต้

Grand View Research รายงาน ตลาดชา มัทฉะ ในเกาหลีใต้ มีมูลค่าราว 57.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 และคาดว่าจะโตขึ้นเป็น 86.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2030 ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ราว 7.3% ระหว่างปี 2025-2030

จุดเริ่มต้น SUPER MATCHA

ภาพจาก https://supermatcha.com

SUPER MATCHA เริ่มต้นจากคาเฟ่เล็กๆ ในย่านซองซู (Seongsu-dong) ซึ่งได้รับฉายาว่า Brooklyn of Seoul เนื่องจากเป็นแหล่งรวมของศิลปะและวัฒนธรรมสมัยใหม่ แบรนด์วางเป้าหมายในการสร้างประสบการณ์ดื่มมัทฉะที่ทันสมัยและเข้าถึงง่าย แตกต่างจากภาพลักษณ์ดั้งเดิมของมัทฉะญี่ปุ่น

แบรนด์ใช้วัตถุดิบมัทฉะออร์แกนิกจากเกาะเชจู (Jeju Island) ซึ่งปลูกภายใต้สภาพแวดล้อมธรรมชาติและไม่มีการใช้สารเคมี เพื่อเน้นคุณภาพระดับ Ceremonial Grade อันเป็นจุดขายสำคัญของแบรนด์

ภาพจาก https://supermatcha.com

ในช่วง 5 ปีแรก SUPER MATCHA ได้ขยายสาขาในเกาหลีใต้ 7 สาขา ได้แก่ โซล, ซูวอน, ปูซาน, ยงซาน, ฮานัม, จัมซิล และอินชอน และในปี 2024 เริ่มขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ ผ่านระบบ Master Franchise โดยเปิดแฟลกชิปสโตร์แห่งแรก ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และล่าสุดเปิดในประเทศไทยที่ศูนย์การค้า Central Park Bangkok

กลยุทธ์ธุรกิจ SUPER MATCHA 

1. กลยุทธ์ด้านแบรนด์ (Brand Positioning)

ภาพจาก https://supermatcha.com

SUPER MATCHA วางตัวเป็น Modern Premium Matcha Café เน้นความเรียบง่าย ถ่ายทอดผ่านภาพลักษณ์แบรนด์ที่มีความมินิมอล สีเขียวพาสเทล และบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับรางวัล iF Design Award 2025 ในสาขา Communication Design

2. กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ (Product Strategy)

ผลิตภัณฑ์หลัก คือ มัทฉะเกรดพรีเมียม ทั้งในรูปแบบเครื่องดื่มคาเฟ่ และผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ เช่น Matcha Powder, Matcha Latte, Matcha Dessert พร้อมทั้งขยายสายผลิตภัณฑ์ร่วมกับแบรนด์รีเทล เช่น No Brand โดยเปิดตัวสินค้าร่วมพิเศษ เช่น มัทฉะไอศกรีม ขนม และเครื่องดื่มพร้อมดื่ม

3. กลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีและประสบการณ์ลูกค้า (Innovation & Experience Strategy)

ภาพจาก https://supermatcha.com

SUPER MATCHA ใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ชงมัทฉะ (Matcha Whisking Robot) ภายในร้านแฟลกชิปในเกาหลี เพื่อสร้างจุดขายเชิงประสบการณ์ (Experience Differentiation) และสื่อสารความเป็นแบรนด์แห่งอนาคต

4. กลยุทธ์ด้านการขยายตลาด (Expansion Strategy)

แบรนด์ใช้ระบบ Master Franchise เพื่อขยายสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากภูมิภาคนี้มีการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มสุขภาพสูง โดยเน้นเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ และกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งมีวัฒนธรรมคาเฟ่ที่เข้มแข็ง

5. กลยุทธ์ด้านพันธมิตรทางธุรกิจ (Partnership & Collaboration Strategy)

ภาพจาก https://supermatcha.com

แบรนด์ร่วมมือกับ IPX (Line Friends) และแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อผลิตสินค้าคอลแลบและของขวัญพิเศษ (Gift Set) เพื่อสร้างการรับรู้ในกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่

SWOT ของ SUPER MATCHA 

จุดแข็ง (Strengths)

ภาพจาก https://supermatcha.com
  • ภาพลักษณ์แบรนด์ทันสมัยและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
  • ใช้วัตถุดิบมัทฉะออร์แกนิกเกรดพรีเมียมจากเกาะเชจู
  • บรรจุภัณฑ์และการออกแบบร้านได้รับรางวัลระดับโลก
  • กลยุทธ์แฟรนไชส์ช่วยเร่งขยายตลาดต่างประเทศ

จุดอ่อน (Weaknesses)

  • ราคาผลิตภัณฑ์สูงกว่าคู่แข่งในประเทศ
  • การรับรู้ของแบรนด์ในต่างประเทศยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น
  • การพึ่งพาแหล่งวัตถุดิบเฉพาะ อาจเสี่ยงต่อรระบซัพพลายเชนในอนาคต

โอกาส (Opportunities)

ภาพจาก https://supermatcha.com
  • กระแสสุขภาพและเครื่องดื่มชาแทนกาแฟ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลางมีศักยภาพสูง
  • โอกาสขยายแบรนด์ผ่านอีคอมเมิร์ซ และ Social Commerce

อุปสรรค (Threats)

  • การแข่งขันจากแบรนด์มัทฉะรายใหญ่ เช่น Osulloc, Matchacha และแบรนด์อื่นๆ จากญี่ปุ่น
  • ราคาวัตถุดิบมัทฉะ และต้นทุนโลจิสติกส์มีความผันผวน
  • ความท้าทายในการรักษาคุณภาพและมาตรฐานแบรนด์ เมื่อขยายแฟรนไชส์จำนวนมาก

การแข่งขันตลาดมัทฉะในเกาหลี

ภาพจาก https://supermatcha.com

ตลาดมัทฉะในเกาหลีใต้มีมูลค่าการเติบโตเฉลี่ยปีละกว่า 12% (ช่วงปี 2020–2024) โดยได้รับแรงหนุนจากกระแสผู้บริโภคหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพ และเทรนด์เครื่องดื่มไร้คาเฟอีนที่กำลังมาแรง โดยมีแบรนด์หลักๆ ในตลาด ได้แก่ Osulloc (ออสซัลลอก), Nokcha Won, และ Matchacha โดยแต่ละแบรนด์ต่างก็มีแฟนคลับและฐานลูกค้าที่เหนียวแน่น

แต่ถึงอย่างไร SUPER MATCHA ได้สร้างความแตกต่างให้กับคู่แข่งในตลาด โดยมุ่งเน้น Modern Experience ผ่านบรรยากาศร้านที่ถ่ายรูปได้ง่าย การสื่อสารแบรนด์ที่มีสไตล์บนโซเชียลมีเดีย และใช้เทคโนโลยีในการสร้างประสบการณ์ลูกค้า ช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

SUPER MATCHA สาขาแรกในไทย Central Park

ภาพจาก https://citly.me/c7kEu

SUPER MATCHA เปิดสาขาแรกในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ชั้น G ศูนย์การค้า Central Park Bangkok เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2025 ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของการขยายแบรนด์เครื่องดื่มเกาหลีใต้สู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

SUPER MATCHA ดำเนินธุรกิจในไทยภายใต้บริษัท ซุปเปอร์ มัทฉะ (ไทยแลนด์) จำกัด (SUPER MATCHA (Thailand) Co., Ltd.) จดทะเบียน 28 พฤษภาคม 2025 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท เพื่อเป็นตัวแทนบริหารแบรนด์ในประเทศไทย

การเปิดสาขาแรกที่ Central Park ศูนย์การค้าแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ถือเป็นการเดินเกมการตลาดที่ชาญฉลาด เพราะเป็นโลเคชันที่รวมกลุ่มลูกค้าทั้งกคนรุ่นใหม่ คนทำงาน และนักท่องเที่ยว ตรงกับกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์

SUPER MATCHA ได้ประกาศแผนขยายสาขาที่ 2 ในประเทศไทย โดยเตรียมเปิดที่ ICONSIAM เพื่อรองรับความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของคอมัทฉะในประเทศไทย

สิ่งที่ทำให้ SUPER MATCHA แตกต่างจากคาเฟ่มัทฉะทั่วไป คือ การใช้วัตถุดิบระดับ Ceremonial Grade ซึ่งเป็นชาเขียวคุณภาพสูงสุดที่นิยมใช้ในพิธีชงชาแบบญี่ปุ่น แบรนด์เลือกใช้ใบชาจากไร่บนเกาะ Jeju (เจจู) และ Boseong (โบซง) ซึ่งเป็น 2 แหล่งปลูกชาที่ดีที่สุดในเกาหลีใต้

ทุกแก้วของ SUPER MATCHA ผ่านการชงอย่างพิถีพิถัน เพื่อคงกลิ่นและรสชาติอันบริสุทธิ์ของมัทฉะไว้ครบถ้วน เมนูซิกเนเจอร์ที่แฟนๆ ต้องลอง ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 150–200 บาท เช่น

  • SUPER MATCHA LATTE – มัทฉะลาเต้สูตร Sugar-Free รสละมุน
  • OAT CREAM MATCHA SHOT LATTE – ความเข้มข้นของมัทฉะกับโอ๊ตครีมและเอสเปรสโซ
  • SUPER BORI LATTE – ลาเต้ข้าวบาร์เลย์คั่ว ไร้คาเฟอีน ไฟเบอร์สูง
  • MATCHA RICE SOFT SERVE – ซอฟต์เสิร์ฟมัทฉะผสมครีมข้าวเกาหลีสูตรพิเศษ

เปิดวันแรก ลูกค้าต่อคิวยาวเหยียด

ภาพจาก https://citly.me/c7kEu

ทันทีที่เปิดตัวในวันแรก บรรยากาศหน้าร้านเต็มไปด้วยลูกค้าที่ต่อคิวแน่นตั้งแต่เช้า ทั้งคอมัทฉะตัวจริงและสายคาเฟ่ที่อยากมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของชาเกาหลีใต้ ภาพบรรยากาศภายในร้านถูกแชร์ต่อในโลกออนไลน์อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะดีไซน์ร้านสไตล์มินิมอล-คลีน และโทนสีเขียวอ่อนที่หลายๆ บอกว่าถ่ายรูปขึ้นกล้องสุดๆ

หลายรีวิวจากสื่อและผู้บริโภคระบุว่า มัทฉะของที่นี่เข้มข้น หอมกลิ่นชาแท้ และไม่หวานจัด ซึ่งตรงกับแนวคิดสุขภาพของแบรนด์ที่ต้องการให้ผู้บริโภคดื่มชาได้ทุกวัน โดยไม่รู้สึกหนักหรือหวานเกินไป

การแข่งขันในตลาดมัทฉะไทย

ตลาดคาเฟ่มัทฉะในประเทศไทยช่วงหลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีทั้งแบรนด์เกาหลีและญี่ปุ่นเข้ามาเปิดสาขา เช่น Osulloc, Matcha Tokyo, Kyo Roll En, Nana Coffee Roasters Matcha Edition และคาเฟ่ขนาดเล็กอีกจำนวนมาก

SUPER MATCHA อาจต้องเผชิญกับการแข่งขันที่เข้มข้น แต่แบรนด์มีจุดแข็งชัดเจนในเรื่อง “วัตถุดิบออร์แกนิกพรีเมียมจากเกาหลี” และ “ดีไซน์คาเฟ่ที่เป็นเอกลักษณ์” ซึ่งช่วยสร้างความแตกต่างจากร้านมัทฉะทั่วไปในตลาดเมืองไทย

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ SUPER MATCHA 

1. “SUPER” คือ หัวใจของแบรนด์

ภาพจาก https://citly.me/c7kEu

ชื่อ SUPER ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะทุกตัวอักษร คือ หัวใจของแบรนด์

  • S = Sugar-Low หวานน้อย ใช้สารให้ความหวานจากธรรมชาติ
  • U = Ultra-Nutritious อุดมด้วยสารอาหารที่ดีต่อร่างกาย
  • P = Purely Organic ใช้วัตถุดิบออร์แกนิกแท้ 100%
  • E = Energy Boost ให้พลังงานดีต่อใจและสมอง
  • R = Rich in Antioxidants เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ EGCG และ L-theanine

มัทฉะทุกแก้วของ SUPER MATCHA จึงไม่ใช่แค่เครื่องดื่ม แต่คือ Wellness Drink ที่ช่วยเติมพลังให้กับชีวิตอย่างแท้จริง

2. ไม่มี “หุ่นยนต์ตีมัทฉะ” MALO ในไทย

แม้สาขาในเกาหลีใต้จะมี MALO หุ่นยนต์ตีมัทฉะชื่อดังเป็นจุดเด่น แต่สาขาในไทยจะไม่มีหุ่นยนต์ตัวนี้ เพื่อคงความเป็นบาริสต้าชงสดแบบต้นตำรับ เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับการชงหน้าร้านทุกแก้วอย่างใกล้ชิด

3. แบรนด์รักษ์โลกตัวจริง

ภาพจาก https://citly.me/c7kEu

SUPER MATCHA เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง รายได้ส่วนหนึ่งบริจาคให้ water.org เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงน้ำสะอาด ใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น PLA cups, กระดาษ FSC-certified และหมึก Soy Ink และมีนโยบาย “No Plastic. Yes Recycle.” ทุกแก้วที่ดื่มจึงเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างโลกที่ดีขึ้น

4. มัทฉะเกาหลี vs มัทฉะญี่ปุ่น

  • มัทฉะเกาหลีและมัทฉะญี่ปุ่นต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
  • มัทฉะญี่ปุ่น ให้ภาพลักษณ์ “จริงจัง ดั้งเดิม” รสอูมามิเข้มข้น
  • มัทฉะเกาหลี มีความ “รีแลกซ์ สนุก เข้าถึงง่าย” รสชาติกลมกล่อม ดื่มง่ายกว่า เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มดื่มชาเขียว

สรุป

ภาพจาก https://supermatcha.com

SUPER MATCHA ถือเป็นตัวแทนของ “วัฒนธรรมมัทฉะยุคใหม่” จากประเทศเกาหลีใต้ ที่สามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์ชาเขียวแบบดั้งเดิมให้กลายเป็นเครื่องดื่มร่วมสมัยและมีสไตล์ ผ่านแนวคิดหลักที่ว่า “มัทฉะไม่ใช่แค่ชา แต่คือไลฟ์สไตล์และสุขภาพ”

กลยุทธ์สำคัญของ SUPER MATCHA คือ การวางตำแหน่งแบรนด์ในระดับ Modern Premium ชาเกรด Ceremonial Grade จากแหล่งปลูกคุณภาพอย่างเกาะ Jeju และ Boseong ผสานกับดีไซน์ร้านมินิมอลสะอาดตา และคาแร็กเตอร์แบรนด์ที่เข้าถึงง่าย ไม่จริงจังเกินไป แตกต่างจากภาพลักษณ์มัทฉะญี่ปุ่นที่มักดูเคร่งขรึมและพิถีพิถัน

อีกจุดแข็งคือแนวทางธุรกิจที่เน้นความยั่งยืนและจริยธรรม เช่น การใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก การบริจาครายได้บางส่วนให้โครงการ water.org และการสื่อสารแบรนด์ผ่านแนวคิด Good Taste for a Good World เครื่องดื่มที่อร่อยและดีต่อโลก

หลังจากประสบความสำเร็จในเกาหลี เปิดสาขาแล้วกว่า 7 แห่ง แบรนด์จึงเริ่มขยายสู่ตลาดต่างประเทศ โดยเริ่มที่มาเลเซีย และประเทศไทยในปี 2025  ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง ทั้งในแง่วัฒนธรรมคาเฟ่และกระแสรักสุขภาพที่เติบโตต่อเนื่อง

การเลือกเปิดที่ Central Park Bangkok จึงเป็นมากกว่าการเปิดคาเฟ่ใหม่ แต่คือการ “ทดสอบตลาดอาเซียน” ของแบรนด์ เพื่อดูว่าผู้บริโภคในภูมิภาคนี้ตอบรับวัฒนธรรมชาเกาหลีอย่างไร และสามารถแข่งขันกับมัทฉะญี่ปุ่นที่ครองตลาดมานานได้หรือไม่

SUPER MATCHA ยังต้องเผชิญกับความท้าทาย เช่น การแข่งขันจากแบรนด์มัทฉะญี่ปุ่นที่มีภาพลักษณ์แข็งแกร่ง และมีฐานลูกค้าเหนียวแน่น, ความจำเป็นในการสร้างความเข้าใจให้ผู้บริโภคเห็นเอกลักษณ์ของมัทฉะเกาหลีว่ามีเสน่ห์และคุณภาพไม่แพ้ญี่ปุ่น รวมถึงการรักษาความสมดุลระหว่างความพรีเมียม กับ ความเข้าถึงง่าย เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ในตลาดเอเชีย

แต่ถึงอย่างไร ความสำเร็จของ SUPER MATCHA ในการเปิดตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงพลังของแบรนด์ที่เข้าใจเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ไม่ได้มองชาเป็นแค่เครื่องดื่ม แต่เป็นสัญลักษณ์ของสุขภาพ

อ้างอิง 

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

 

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช