Step by Step ข้อควรรู้ก่อนเปิดร้านอาบน้ำตัดขน สุนัข

ทุกวันนี้เรื่องของสัตว์เลี้ยงมีบทบาทกับชีวิตของคนเรามากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งในหมู่คนรักสัตว์คนรัก สุนัข ด้วยแล้วการทุ่มเทเพื่อจะดูแลและทำทุกอย่างให้สัตว์เลี้ยงตัวโปรดสวยสดงดงาม แม้จะต้องเสียค่าจ้างมากแต่ถ้าแลกกับความสบายใจคนส่วนใหญ่บอกว่าคุ้มค่า

ด้วยเหตุนี้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการดูแลสัตว์เลี้ยงแสนรักโดยเฉพาะการอาบน้ำตัดขนสุนัข จึงเป็นธุรกิจที่เติบโตขึ้นมาได้เรื่อยๆ แต่ทั้งนี้ใช่ว่าทุกร้านที่เปิดกิจการจะสามารถยืนหยัดในวงการได้ องค์ประกอบพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจนี้มีหลายอย่างที่เป็นเหตุผลสำคัญเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ

สุนัข

www.ThaiSMEsCenter.com มองเห็นช่องทางว่านี่คือธุรกิจที่มีอนาคตยาวไกลเพียงแต่คนที่สนใจควรศึกษารายละเอียดให้มากพอเพื่อให้การดำเนินธุรกิจเดินหน้าได้ดีไม่มีสะดุด เพราะธุรกิจนี้ถือว่าเป็นงานบริการประเภทหนึ่งที่ผู้ลงทุนต้องมีความเข้าใจลูกค้ามากกว่างานบริการประเภทอื่นๆเยอะพอสมควร

คุณสมบัติที่สำคัญสำหรับคนที่อยากเปิดร้านอาบน้ำตัดขนสุนัข

ธุรกิจนี้ใช้แค่ใจรักอย่างเดียวไม่เพียงพอ เพราะนี่คืองานที่ต้องให้บริการ ไม่ใช่แค่การเลี้ยงเล่นเท่านั้น ดังนั้นเมื่อคิดจะทำเป็นอาชีพสิ่งเหล่านี้คือปัจจัยสำคัญที่จำเป็นต้องมี

  1. มีความรู้เรื่องสุนัขดีพอสมควร เช่น สายพันธุ์ ต้นกําเนิดสุนัข รูปทรงสุนัข สภาพเส้นขนนิสัยและความดุร้าย สภาพอากาศที่เหมาะสมสําหรับการเลี้ยง เป็นต้น
  2. .มีความรู้เรื่องเครื่องมือ อุปกรณ์ที่ใช้ตัดแต่งขนสุนัขให้เหมาะสมกับสุนัขแต่ละสายพันธุ์
  3. ต้องผ่านการอบรมหลักสูตรเรียนตัดขนสุนัข และเมื่อเรียนจบหลักสูตรแล้ว ผู้ที่จะดําเนินธุรกิจ ควรมีการฝึกฝนความรู้เพื่อเพิ่มประสบการณ์ก่อนลงมือเปิดร้านจริงจังจริง
  4. เงินทุนเบื้องต้นประมาณ 200,000บาท เพื่อการซื้อของเข้าร้าน ตกแต่งร้าน ซื้ออุปกรณ์ที่สำคัญและจำเป็น (อาจจะเพิ่มมากกว่านี้ในกรณีที่ต้องมีค่าเช่า) ซึ่งผู้ลงทุนก็ควรมีความรู้ด้านการจัดทำบัญชีเข้ามาร่วมด้วย

ปัจจัยในการเลือกทำเลที่ตั้งของร้านอาบน้ำตัดขนสุนัข

ทำเลที่เหมาะสมในธุรกิจบริการเพื่อสัตว์เลี้ยงเช่นนี้ต้องมองหาแหล่งชุมชนที่มีกำลังซื้อค่อนข้างดี และยิ่งในละแวกนั้นไม่มีคู่แข่งด้วยแล้วจะถือเป็นความได้เปรียบอย่างมาก โดยปกติทั่วไปเราจะเห็นร้านประเภทนี้เปิดมากในบริเวณใกล้กับปั๊มน้ำมันเพราะสะดวกสบายในเรื่องการจอดรถ หรือไม่ก็ใกล้กับหมู่บ้านจัดสรรหรือโรงพยาบาลสัตว์เพราะถือว่ามีความเกี่ยวเนื่องกันและมีฐานลูกค้าที่น่าสนใจอยู่มากพอสมควร

u7

อุปกรณ์ที่สำคัญและจำเป็นสำหรับการเปิดร้านอาบน้ำตัดขนสุนัข

การเลือกใช้อุปกรณ์ก็เป็นสิ่งสำคัญเพราะสุนัขแต่ละสายพันธ์มีการใช้อุปกรณ์ที่แตกต่างกัน ความรู้ในการเลือกอุปกรณ์นี้จึงสำคัญมากเราจึงรวบรวมอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้และราคาโดยประมาณมาแสดงให้เห็นว่าต้องมีอะไรแค่ราคาประมาณไหนกันบ้าง

  1. โต๊ะมีสายโยงตัวสุนัข     ราคาประมาณ 4,000 บาท
  2. อ่างอาบนํ้า (แสตนเลส)   ราคาประมาณ 7,000 – 8,000 บาท
  3. ปัตตาเลี่ยน   ราคาประมาณ 8,000 – 10,000 บาท
  4. กรรไกรตัดขน   ราคาตั้งแต่ 2,000 – 25,000 บาท
  5. กรรไกรตัดเล็บ   ราคาประมาณ 280 – 300 บาท
  6. กรรไกรถอนขนหู   ราคาประมาณ 280 – 300 บาท
  7. ไดร์เป่าขน   ราคาประมาณ 1,500 – 14,000 บาท
  8. หวีแปรงใช้หลายขนาด   ราคาประมาณ 250 บาท
  9. กรงใส่สุนัข   ราคาประมาณ 350 บาท
  10. ถุงเก็บขยะ นํ้ายาฆ่าเห็บ/หมัด ผ้าเช็ดตัว แชมพู
  11. ชั้นวางของต่างๆ   ราคาประมาณ 3,000 บาท
  12. ใบมีด (มีหลายขนาด)   ราคาประมาณ1,000-3,000 บาท
  13. แผ่นยางปูพื้นกันลื่น   ราคาประมาณ 350 บาท
  14. ค่าอุปกรณ์เบ็ดเตล็ด เช่น   ราคาประมาณ 5,000 บาท

u2

รูปแบบการให้บริการและอัตราค่าจ้างในแต่ละประเภท

บริการหลักๆของร้านคือการอาบน้ำ ตัดแต่งขน นวดตัว ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแต่ละร้านว่าจะเพิ่มออฟชั่นอะไรเข้าไปบ้าง รูปแบบราคาก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามรายการที่ลูกค้าเลือกเพิ่มเช่น

  • อาบน้ำ+ตัดขน+ตัดเล็บ+เช็ดหู  350-500 บาท
  • Spa+นวดตัว  450-600 บาท
  • Hot oil  200-500 บาท
  • ทำเล็บ  100-150 บาท
  • กำจัดเห็บ-หมัด  50-200 บาท

u3

รายได้จากทุกช่องทางของการเปิดร้านอาบน้ำตัดขนสุนัข

ในการกำหนดราคาต่างๆนั้นจะขึ้นอยู่กับขนาด น้ำหนัก และปัญหาของสุนัขแต่ละตัว รวมถึงต้นทุนด้านฝีมือของช่างและอุปกรณ์เสริมที่นำมาใช้ในงาน

โดยเฉลี่ยถ้าสามารถตัดขน อาบน้ำได้ประมาณวันละ 5 ตัว ในราคามาตรฐานคือ 200 บาท จะมีรายได้ส่วนนี้ต่อเดือนประมาณ 30,000 บาท เมื่อรวมกับการรับจ้างฝากเลี้ยง อีกตัวละ 100 บาท (คิดเดือนละ 2 ตัว) มีรายได้เข้ามาเพิ่มอีกเดือนละ 6,000 บาท สุดท้ายคือรายได้ที่มาจากการขายสินค้าและอุปกรณ์ต่างๆ คิดแค่วันละ 1,000 บาท อย่างน้อยๆ ในแต่ละเดือนก็มีรายได้ส่วนนี้อีกกว่าเดือนละ 30,000 บาท และเมื่อรวมเอารายได้ทุกอย่างเข้าด้วยกันสามารถมีรายได้ต่อเดือนสูงถึง 60,000-70,000 บาท เมื่อหักต้นทุนจิปาถะในด้านต่างๆ ออกแล้วจะเหลือส่วนที่เป็นกำไรสุทธิอย่างน้อยประมาณ 20,000 บาท ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับทำเลและความสามารถในการบริการซึ่งร้านที่มีทำเลดีและมีประสบการณ์ด้านนี้ยาวนานรายได้สุทธิต่อเดือนได้เกือบ 50,000 บาท กันเลยทีเดียว

แต่ทั้งนี้ผู้ลงทุนควรมีทักษะและประสบการณ์ที่มากพอเพื่อให้สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี เพราะสุนัขแต่ละตัวมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน อารมณ์พื้นฐานนอกจากใจรักจึงต้องใจเย็นมากๆด้วย และเมื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้ก็จะกลายเป็นฐานลูกค้าประจำที่ลูกค้ามักจะไม่เปลี่ยนแปลงไปใช้บริการที่อื่นอีกต่อไป

u4

ถ้าใครยังไม่แน่ใจว่าตัวเองเหมาะหรือมีความพร้อมมากพอที่จะเปิดร้านอาบน้ำตัดขนสุนัขได้หรือไม่มาลองหาคำตอบกับแบบทดสอบความพร้อมเปิดร้านอาบน้ำตัดขนสุนัขเพื่อสร้างความมั่นใจก่อนลงมือทำกันต่อไป


ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

0

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter

สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด