Ramen Kourakuen แฟรนไชส์ร้านราเมงที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

หากพูดถึง “ราเมง” เชื่อว่าผู้บริโภคคนไทยน้อยคนมากที่จะไม่รู้จัก แต่ในประเทศญี่ปุ่น “ราเมง” ไม่ใช่แค่อาหารญี่ปุ่นยอดนิยมเท่านั้น แต่ถือเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมการกินที่ฝังรากลึกในสังคมญี่ปุ่นอย่างแท้จริง โดยปัจจุบันมีจำนวนร้านอาหารราเมงอยู่ทั่วประเทศมากกว่า 30,000 แห่ง จึงทำให้ “ราเมง” เป็นอาหารที่พบได้แทบทุกหัวมุมถนน ตั้งแต่เมืองใหญ่จนถึงต่างจังหวัด

แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่ใช่แค่จำนวนร้านเท่านั้น ยังมีประเด็นที่ว่าตลาดร้านราเมงในญี่ปุ่นพัฒนาไปไกลถึงระดับแฟรนไชส์ และกลายเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีการแข่งขันสูง ทั้งด้านรสชาติ การบริการ ความเร็ว และราคาที่เข้าถึงได้

ในปี 2024 ตลาดร้านราเมนในญี่ปุ่นเติบโตทะลุ 7.9 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 1.82 ล้านล้านบาท แบรนด์แฟรนไชส์ใหญ่ๆ ขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ส่วนร้านเล็กๆ ที่กระจายทั่วประเทศมีปิดกิจการบ้างจากสาเหตุต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น

ปัจจุบันแบรนด์ร้านราเมงที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมในญี่ปุ่นมีอยู่มากมาย อาทิ

1. Ichiran Ramen – Ueno

ภาพจาก www.facebook.com/ramen.ichiran

จุดเด่น ราเมงทงคตสึชื่อดังระดับตำนาน เน้นความเป็นส่วนตัว (ราเมงข้อสอบ)

2. Hirugao Ramen – Tokyo Station

จุดเด่น เชี่ยวชาญราเมงน้ำซุปเกลือ (Shio) รสชาติเบาแต่กลมกล่อม เหมาะกับคนที่ไม่ชอบน้ำซุปมันเยิ้ม

3. Nagi – Shibuya

ภาพจาก https://www.n-nagi.com

จุดเด่น ราเมงซุปปลาเข้มข้นสุดแหวกแนว เส้น 2 ชนิดในชามเดียว (เส้นใหญ่+เส้นกลม)

4. AFURI – Harajuku

จุดเด่น ราเมงน้ำซุปยูสุ (ส้มญี่ปุ่น) หอมสดชื่น เหมาะกับนักท่องเที่ยว มีภาษาอังกฤษ, เข้าใจง่าย, สั่งผ่านตู้

5. Ramen Yukikage – Asakusa

จุดเด่น ร้านลับย่านวัดอาซากุสะ ซุปไก่เข้มข้น รสชาติกลมกล่อมมาก หรือ ซุปไก่หอมลึก ไม่เลี่ยน

6. Hidakaya – Ueno

ภาพจาก https://citly.me/q8V1U

จุดเด่น ร้านราเมงราคาถูก เปิด 24 ชม. เหมาะกับสายประหยัดหรือดึกดื่น เมนูหลากหลาย รวดเร็ว เส้นเหนียวนุ่ม

7. Kyushu Jangara Ramen – Akihabara

จุดเด่น ราเมงทงคตสึ สไตล์คิวชู มีหมูสามชั้นตุ๋นและไข่ปลาค็อต

8. Menya Itto – Tokyo

จุดเด่น Tsukemen ระดับเทพ เส้นทำเอง ซุปปลาเข้มข้น เส้นเด้ง

แฟรนไชส์ราเมงในญี่ปุ่น ใครคือเบอร์หนึ่ง?

ภาพจาก www.facebook.com/Kourakuen

แม้ในญี่ปุ่นจะมีร้านราเมงนับหมื่นแห่ง แต่เมื่อพูดถึงแฟรนไชส์ราเมงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ชื่อที่ผู้คนมักถูกพูดถึงอันดับต้นๆ ก็คือ “Ramen Kourakuen” (โคราคุเอ็น)

จุดเด่น คือ ราเมงน้ำใสใส่โชยุ สไตล์ภาคคันโต ขยายสาขาครอบคลุมทั่วเกาะฮอนชู โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกและภาคเหนือ รูปแบบร้านเน้นความเรียบง่าย เข้าถึงง่าย ราคาไม่แรงมาก

แม้จะมีแบรนด์ราเมงดังๆ อีกมาก เช่น Ichiran, Ippudo หรือ Tenkaippin แต่โคราคุเอ็นถือเป็นรายใหญ่ด้วยจำนวนสาขาที่กระจายอยู่ทั่วประเทศจำนวนมาก

แฟรนไชส์ราเมง Ramen Kourakuen (โคราคุเอ็น) มีความน่าสนใจอย่างไร มาดูกัน

จุดเริ่มต้นจากร้านเล็กๆ ในฟุกุชิมะ

ภาพจาก www.facebook.com/Kourakuen

ปี 1954 ร้านอาหารเล็กๆ ชื่อ “Aji‑yoshi Shokudo” ได้เปิดขึ้นในเมืองอิซึวากามัตสึ จังหวัดฟุกุชิมะ โดย “คุณนิดะ ทสึกะสะ” ร้านมีพื้นที่เพียง 6 ตารางเมตร และมีพนักงานแค่ 3 คน เมนูในตอนนั้นเรียบง่าย เช่น ราเมงราคา 35 เยน อุด้งธรรมดา 20 เยน

จากร้านอาหารจีนสู่ชื่อ Kourakuen

ในปี 1964 ลูกชายของผู้ก่อตั้ง คือ คุณนิดะ เด็น ได้ไปฝึกงานที่ร้านอาหารจีน “Kouraku Hanten” ในโตเกียว และนำชื่อ “Kouraku” กลับมาใช้กับร้านของตนเอง

ในปี 1967 ร้านจึงเปลี่ยนชื่อเป็น “Kourakuen” และเริ่มให้บริการเมนูอาหารจีนควบคู่กับราเมง เป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ใหม่ที่เน้นคุณภาพและความสะดวก

ภาพจาก www.facebook.com/Kourakuen

ขยายกิจการแบบเป็นระบบ

ปี 1970 บริษัท “Kabushiki Kaisha Kourakuen” ได้ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ เริ่มมีการวางระบบร้านแบบเชน และในปี 1975 ได้สร้างโรงงานผลิตเส้นราเมงและเกี๊ยวซ่าของตัวเอง เพื่อควบคุมคุณภาพได้อย่างใกล้ชิด

เริ่มขายแฟรนไชส์

หลังจากเริ่มขยายสาขาไปนอกจังหวัด ต่อมาปี 1980 Kourakuen เปิดร้านในระบบแฟรนไชส์อย่างเป็นทางการ โดยสาขาแรกอยู่ที่เมืองโคริยามะ จังหวัดฟุกุชิมะ นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ Kourakuen เติบโตแบบก้าวกระโดด

ภาพจาก www.facebook.com/Kourakuen

เมนูเด็ดที่จดสิทธิบัตร

ปี 1993 Kourakuen ได้จดทะเบียนเมนู “Han‑chan Ramen” (ชุดราเมง + ข้าวผัดครึ่งจาน) เป็นเครื่องหมายการค้า ชื่อเมนูนี้ได้แรงบันดาลใจจากคำว่า “ฮันโจ” แปลว่า ครึ่งเกม ในไพ่นกกระจอก ถือเป็นเมนูที่ได้รับความนิยมสูงสุดของทางร้าน

เข้าตลาดหุ้นและเติบโตระดับประเทศ

ในช่วงปี 1997–2003 Kourakuen ได้จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ของญี่ปุ่น พร้อมทั้งขยายสาขาและเปิดบริษัทลูกเพื่อรองรับการเติบโต มีการพัฒนาเมนูใหม่ๆ, สร้างระบบโลจิสติกส์ และพัฒนามาตรฐานด้านสุขอนามัยอย่างเข้มข้น

ภาพจาก www.facebook.com/Kourakuen

ขยายตลาดสู่ต่างประเทศ

ปี 2012 Kourakuen เปิดสาขาแรกในต่างประเทศ เริ่มจากประเทศไทย โดยตั้งบริษัท KOURAKUEN (THAILAND) CO., LTD. และมีแผนขยายสาขาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อเนื่อง

ปัจจุบัน Kourakuen มีมากกว่า 520 สาขาทั่วญี่ปุ่น ให้บริการลูกค้ากว่า 60 ล้านคนต่อปี ด้วยเมนูที่หลากหลาย ราคาจับต้องได้ และรักษาคุณภาพมาตรฐานเหมือนตั้งแต่เริ่มต้นกิจการ

ภาพจาก www.facebook.com/RamenKourakuen

เอกลักษณ์ราเมงโคราคุเอ็น

ราเมงของโคราคุเอ็นมีจุดเด่น คือ มีความใส่ใจในทุกขั้นตอนของการปรุง ทั้งในเรื่องของวัตถุดิบ ปริมาณ และรสชาติ เพื่อให้ลูกค้าอิ่มอร่อยได้ในชามเดียว

ภาพจาก www.facebook.com/Kourakuen

1. เส้นราเมงสูตรเฉพาะ

ผลิตจากสูตรต้นตำรับอายุกว่า 50 ปี ใช้วิธีเพิ่มน้ำและอุณหภูมิระหว่างการลวก เพื่อให้เส้นเหนียวนุ่ม ลื่นคอ แต่ยังคงความกรอบเบาๆ เสิร์ฟแบบร้อนกว่า 80 องศาเซลเซียส เพื่อคงรสชาติและความอร่อย

2. น้ำซุปเข้มข้น

ต้มจากวัตถุดิบหลายชนิด เช่น ซี่โครงหมู และ ซี่โครงไก่ กลมกล่อม ละมุนลิ้น ด้วยการเคี่ยวนานอย่างพิถีพิถัน

ภาพจาก www.facebook.com/Kourakuen

3. หมูชาชูซอสธรรมชาติ

ต้มโดยไม่ปรุงรสเพิ่มเติม เพื่อให้รสธรรมชาติของหมูโดดเด่น แล่หมูบางเป็นพิเศษ เพื่อให้น้ำซุปซึมเข้าทุกชั้นของเนื้อ

4. ไข่ยางมะตูมโชยุสูตรพิเศษ

หมักในซอสโชยุเฉพาะของร้าน ไข่แดงเยิ้มกำลังดี ชวนรับประทาน

ภาพจาก www.facebook.com/Kourakuen

5. เกี๊ยวซ่า “กรอบนอก นุ่มใน”

ย่างจนด้านล่างเกรียมสีน้ำตาลทองพอดี ไส้ฉ่ำ รสกลมกล่อม เป็นเมนูที่ลูกค้าติดใจไม่แพ้ราเมง

ทำไมแฟรนไชส์ราเมงถึงเติบโตในญี่ปุ่น

ปัจจัยที่ทำให้ร้านราเมงแบบแฟรนไชส์เติบโตในญี่ปุ่นมีหลายอย่าง เช่น

  • ความต้องการสูงและสม่ำเสมอ ราเมงเป็นอาหารหลักของคนญี่ปุ่น ไม่ใช่แค่อาหารพิเศษ
  • ต้นทุนการดำเนินงานไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับร้านอาหารประเภทอื่น
  • สามารถปรับสูตรให้เข้ากับท้องถิ่นได้ง่าย ทำให้ขยายสาขาได้เร็ว
  • เทรนด์ “ราเมงเพื่อสุขภาพ” และ “ราเมงพรีเมียม” เริ่มเติบโตในกลุ่มผู้บริโภคในเมืองของญี่ปุ่น

โคราคุเอ็นในประเทศไทย

ภาพจาก www.facebook.com/RamenKourakuen

โคราคุเอ็นเปิดสาขาแรกในประเทศไทยในช่วงปี 2012 ที่ศูนย์การค้า Gateway Ekamai กรุงเทพฯ โดยคงรสชาติต้นตำรับแบบญี่ปุ่นแท้ๆ โดยขายในราคาที่เข้าถึงได้ เริ่มต้นเพียง 99 บาท ซึ่งต่ำกว่าร้านอาหารราเมงทั่วไปเกือบครึ่งหนึ่ง

กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเป็นการบริหารร้านเอง โดยไม่ผ่านแฟรนไชส์ ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพวัตถุดิบ รสชาติ และการบริการได้อย่างใกล้ชิด เพื่อมอบประสบการณ์ราเมงแท้จากญี่ปุ่นให้คนไทยได้ลิ้มลอง

ปัจจุบันมีจำนวนสาขาเปิดให้บริการที่ เซ็นทรัล ชลบุรี, ปาร์ค บางนา, เกตเวย์ เอกมัย, เจปาร์ค ศรีราชา, เดอะพาร์ค กรุงเทพกรีฑา, แฟชั่นไอส์แลนด์, เทอมินอล 21 พัทยา, เทอมินอล 21 พระราม 3, ปั๊ม แตท. สาขาถนนพระราม 4 กล้วยน้ำไท

รายได้…บริษัท เพรซิเดนท์ โคราคุเอ็น จำกัด

  • ปี 2022 รายได้ 71.6 ล้านบาท กำไร 11 ล้านบาท
  • ปี 2023 รายได้ 90.5 ล้านบาท กำไร 10.4 ล้านบาท
  • ปี 2024 รายได้ 83.6 ล้านบาท กำไร 7 ล้านบาท

ปัจจุบัน “โคราคุเอ็น” อยู่ในเครือบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือที่เราคุ้นชื่อกันว่าเจ้าของแบรนด์ “มาม่า” ซึ่งเป็นผู้นำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในไทย ได้ขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดบะหมี่สด หรือบะหมี่ร้านอาหารแบบพร้อมเสิร์ฟ

โดยใช้วิธีร่วมทุน (Joint Venture) กับพันธมิตรจากญี่ปุ่นคือ บริษัท โคราคุเอ็น โฮลดิ้ง คอร์ปอเรชั่น (Kourakuen Holding Corporation) ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการทำร้านราเมงในญี่ปุ่น หลังจากนั้นได้ก่อตั้งบริษัทใหม่ชื่อว่า “เพรซิเดนท์ โคราคุเอ็น” เพื่อดำเนินธุรกิจร้านอาหารราเมง “โคราคุเอ็น” ในประเทศไทย

ภาพจาก www.facebook.com/RamenKourakuen

โครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทใหม่เป็นดังนี้

  • ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ ถือหุ้น 70%
  • โคราคุเอ็น โฮลดิ้ง ถือหุ้น 14%
  • ผู้ถือหุ้นรายย่อยหรือบุคคลทั่วไป ถือหุ้น 16%

วิเคราะห์ในมุมธุรกิจ

ภาพจาก www.facebook.com/Kourakuen

การขยายพอร์ตสินค้า

เดิมทีไทยเพรซิเดนท์ฯ โฟกัสที่สินค้าแบบ “สำเร็จรูป” อย่างเช่น มาม่า ได้ขยายสู่ตลาดร้านอาหารหรือบะหมี่สด เป็นอีกเซกเมนต์ที่ได้รับความนิยมและเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนเมืองและผู้บริโภคที่มองหาอาหารที่มีความพรีเมียมมากขึ้น

การจับมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ

โคราคุเอ็นเป็นแบรนด์ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจร้านอาหารโดยตรง โดยเฉพาะในญี่ปุ่น ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องราเมง การได้ Know-how ด้านการบริหารร้าน การจัดการเมนู และคุณภาพมาตรฐานจากโคราคุเอ็น จึงเป็นการเสริมจุดแข็งให้กับไทยเพรซิเดนท์ฯ

ภาพจาก www.facebook.com/Kourakuen

โอกาสในตลาดร้านอาหาร

หากธุรกิจร้านอาหารราเมงประสบความสำเร็จ เราอาจได้เห็นการขยายสาขาร้าน “โคราคุเอ็น” เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศไทย และอาจขยายไปยังตลาดอาเซียน ซึ่งไทยเพรซิเดนท์ฯ เองก็มีฐานลูกค้าเดิมอยู่แล้ว

ถ้าเปรียบเทียบร้าน “โคราคุเอ็น” ในประเทศไทย กับ ร้านราเมงอื่นๆ เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึง Hachiban Ramen (ฮะจิบัง ราเมง) ร้านราเมงขวัญใจคนไทยที่ “เติบโตในไทย” มากกว่า “บ้านเกิด” อย่างญี่ปุ่น

Ramen Kourakuen

Hachiban Ramen (ฮะจิบัง ราเมง) เป็นร้านราเมงเจ้าดังที่คนไทยคุ้นเคยกับโลโก้เลข 8 เข้ามาในไทยตั้งแต่ปี 1989 นับว่าเป็นยุคบุกเบิกอาหารญี่ปุ่นในไทย โดยแบรนด์นี้ถูกนำเข้ามาด้วยรูปแบบการร่วมทุนและบริหารภายใต้บริษัทในเครือของไทยเอง

ฮะจิบัง ราเมง มีสัญลักษณ์โลโก้หมายเลข 8 อยู่ในชาม ส่วนทาง “โคราคุเอ็น” ก็มีโลโก้หมายเลข 1 อยู่ในชามด้วยเช่นกัน ซึ่งโลโก้หมายเลข 1 น่าจะสื่อไปถึงแฟรนไชส์ร้านราเมงที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 1 ในญี่ปุ่น

แต่รู้หรือไม่ว่า แม้ ฮะจิบัง ราเมง จะเป็นแบรนด์จากญี่ปุ่นแท้ๆ แต่จำนวนสาขาในประเทศไทย กลับมีมากกว่าที่ญี่ปุ่นเสียอีก

  • ในญี่ปุ่น มีประมาณ 122 สาขา
  • ในประเทศไทย มีประมาณ 127 สาขา

Ramen Kourakuen

สุดท้ายมากันที่ Kourakuen แม้จะเป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งในด้านสูตรราเมงต้นตำรับแท้ๆ จากญี่ปุ่น เป็นร้านราเมงที่มีสาขามากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น มีจำนวนมากกว่า 520 สาขา มีลูกค้ามากถึง 60 ล้านคนต่อปี

แต่ในตลาดราเมงเมืองไทย Kourakuen ยังต้องแข่งขันอย่างหนักจากร้านราเมงญี่ปุ่นอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวไทยอย่างเช่น Ippudo, Santouka, Bankara, Mensho, Ichiran Ramen ที่มีบริการรูปแบบเฉพาะตัว สูตรราเมงเข้มข้น และมีภาพลักษณ์พรีเมียม หรือแม้แต่ Hachiban Ramen ที่ได้รับความนิยมและอยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน

อ้างอิงข้อมูล

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช