Positive Sum Game วิธีลดคู่แข่งธุรกิจ! เพิ่มรายได้

Positive Sum Game คือ เกมธุรกิจที่ทุกผ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน อาจเป็นในรูปแบบของความร่วมมือหรือสนับสนุนกันด้านทรัพยากรหรือการตลาด มีเป้าหมายเพื่อให้ทุกฝ่ายเดินหน้าและได้ประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้กลยุทธ์ Positive Sum Game เป็นส่วนหนึ่งของ แนวคิด Nash Equilibrium ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 1950 ซึ่งแนวคิดนี้มี 3 ลักษณะคือ

  1. เกมศูนย์ (Zero Sum Game) มีผลเพียงแค่ชนะ-แพ้เท่านั้น
  2. เกมบวก (Positive Sum Game) เป็นเกมที่ผู้เล่นทุกคนได้ประโยชน์
  3. เกมลบ (Negative Sum Game) เป็นเกมที่มีแต่การสูญเสีย

Positive Sum Game วิธีลดคู่แข่งธุรกิจ

แนวคิดนี้คล้ายคลึงกับ Marketing Collaboration ที่เป็นการจับมือกันทางธุรกิจในการสร้างสินค้าใหม่ / โปรโมชั่นใหม่ร่วมกันทำให้เกิดความแปลกใหม่ในวงการซึ่งจะทำให้ได้ประโยชน์หลายอย่างเช่น

  • สร้างความน่าสนใจและให้ประสบการณ์ใหม่ๆ กับผู้บริโภค
  • ปลุกกระแสทางการตลาดให้เป็นไวรัล และได้รับการพูดถึงในวงกว้าง
  • แลกเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าระหว่างแบรนด์ ขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ
  • ลดการแข่งขัน และเพิ่มพันธมิตรทางการค้า
  • ทำให้แบรนด์ดูทันสมัย และเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่มากขึ้น
  • ใช้จุดแข็งของพาร์นเนอร์มาชดเชยจุดอ่อนของแบรนด์ตัวเอง

และเรื่องที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่าแม้กระทั่งการเลือกทำเลตั้งร้านก็นำเอา Positive Sum Game มาใช้ได้เช่นกัน

ซึ่งสอดคล้องกับเหตุผลที่หลายคนอาจเคยตั้งคำถามว่า

  • ทำไมร้านค้าที่ขายสินค้าประเภทเดียวกัน ถึงต้องตั้งร้านอยู่ใกล้ ๆ กัน ?
  • ทำไมร้านค้าเหล่านั้น ถึงไม่ตั้งร้านให้ห่าง ๆ กัน จะได้ไม่แย่งลูกค้ากัน ?

นั่นเพราะการตั้งร้านค้าให้ห่างจากร้านของคู่แข่ง เพียงเพราะกลัวจะแย่งลูกค้ากันเอง กลับจะทำให้ร้านของเราเสียโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ามากกว่า ถ้าทำเลที่คู่แข่งอยู่นั้น เป็นทำเลทองอยู่แล้ว

ยกตัวอย่างเช่น ถนนสายหนึ่งมีร้าน McDonald’s ตั้งอยู่ก่อน แล้วร้าน KFC ก็มาตั้งอยู่บนถนนสายนี้เช่นกัน ซึ่งก็ทำให้ลูกค้ามีโอกาสที่จะเลือกเข้าได้ทั้ง McDonald’s และ KFC แม้ว่าภาพรวม 2 แบรนด์นี้จะไม่มีใครที่ได้กลุ่มลูกค้าไปทั้งหมด แต่กลับต้องมาเฉลี่ยลูกค้ากันไป

แต่ในอีกมุมหนึ่งเมื่อถนนย่านนี้มี 2 แบรนด์ดังมาเปิด และอาจมีอีกหลายแบรนด์ตามมา จะทำให้กลายเป็นย่านฟาสต์ฟู้ดที่คนนึกถึง กลุ่มลูกค้าก็จะมาที่ย่านนี้กันมากขึ้น ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับสินค้า + บริการ + การตลาดของแต่ละแบรนด์ว่าจะทำได้ดีแค่ไหน เช่นเดียวกับการเกิดขึ้นของย่านการค้าต่าง ๆ อย่าง สำเพ็ง, พาหุรัด และการตั้งร้านค้าแผงลอยริมถนนตามต่างจังหวัดแบบติด ๆ กัน ก็ถือเป็นแนวคิดแบบ Positive Sum Game เช่นกัน

หรือยกตัวอย่างให้เห็นภาพของ Positive Sum Game ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นต้องไปดูตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยมาม่า เป็นผู้นำการตลาดมีสัดส่วนประมาณ 49 – 50% ตามมาด้วย ไวไว สัดส่วนการตลาดประมาณ 26 – 27% และ ยำยำ ที่มีสัดส่วนการตลาดประมาณ 21– 22%

แน่นอนว่าแต่ละแบรนด์ต่างก็มีจุดเด่น มีกลุ่มลูกค้า มีความน่าสนใจ ซึ่งหากแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดได้เพียงผู้เดียวอาจไม่ใช่วิธีทำธุรกิจที่จะเข้าถึงลูกค้าในยุคนี้ได้มากขึ้น เราจึงได้เห็นกลยุทธ์ Positive Sum Game ที่นำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ภาพจาก www.facebook.com/MamaloverFanPage

อย่างตอนที่เพจของ Mamalover เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ของตัวเอง เป็นรูปโลโก้คู่แข่งคือไวไว ซึ่งไม่เพียงสร้างความสงสัย แต่ยังเกิดคำถามให้ชวนสงสัยว่า ทั้งคู่ทำอะไรร่วมกัน ซึ่งก็มีการเฉลยในภายหลังว่านี่คือแคมเปญสร้างสรรค์ที่มาม่าทำออกมา เพื่อให้ผู้เล่นในตลาดนี้เห็นพ้องต้องกันว่า การแข่งขันที่สร้างสรรค์ของทุกแบรนด์จะทำให้ผลประโยชน์ทั้งหมดจะตกมาที่ผู้บริโภค และไม่ทันข้ามคืนเพจ Waiwai เองก็ออกมาโพสต์ตอบรับกับแนวคิดนี้ และขอบคุณทางมาม่าที่ออกมาจุดกระแสดีๆในเรื่องนี้

หรือกรณีของ Samsung กับ Apple ที่แม้จะเป็นคู่แข่งดุเดือดในตลาดสมาร์ทโฟนแต่ในเบื้องลึก 2 บริษัทนี้กลับมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่แน่นแฟ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะ Samsung คือผู้จัดหาชิ้นส่วนสำคัญสำหรับผลิตภัณฑ์ของ Apple อยู่หลายปี (ตั้งแต่ iPhone 4 จนถึง iPhone 16) และถึงแม้ว่าปัจจุบันชิ้นส่วนบางอย่างของ Apple จะพอผลิตเองได้บ้าง แต่ก็ยังพึ่งพาซัพพลายเออร์รายใหญ่อย่าง Samsung อยู่บ้าง

รวมแบรนด์ดัง

สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าในโลกของธุรกิจแม้จะมีการแข่งขันสูง แต่การแข่งขันก็ไม่จำเป็นต้องเหลือผู้ชนะหรือผู้แพ้เพียงอย่างเดียว แต่สามารถทำให้วินวินได้ทุกฝ่าย ยิ่งการตลาดโซเชี่ยลมีบทบาทกับธุรกิจมาก หากแบรนด์หันมาทำ Positive Sum Game จะทำภาพลักษณ์ของแบรนด์ดูดี และเป็นที่พูดถึง ในอีกมุมหนึ่งก็ยังไม่สูญเสียตำแหน่งผู้นำทางการตลาด แต่กลายเป็นการตอกย้ำภาพของผู้นำการตลาดได้ชัดเจนมากขึ้นด้วย

หรือสำหรับธุรกิจอื่นก็สามารถนำเอา Positive Sum Game ไปประยุกต์ใช้ได้เช่นกัน ในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลง การตัดสินใจซื้อบางทีอาจไม่ได้มองแค่เรื่องคุณภาพหรือราคา แต่ลูกค้าอาจตัดสินใจเลือกสินค้าจากความพึงพอใจหรือเลือกซื้อสินค้าที่ฮิตติดไวรัลก็เป็นได้

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด