Pang Dong Lai (พ่างตงไหล) ห้างจีนในตำนาน ที่ยักษ์ใหญ่ CP ต้องไปดูงาน
พูดถึงค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในเมืองไทยต้องยกให้ CP Group ซึ่งมีหลายบริษัทในเครือแยกย่อยกันไปอย่าง บริษัท CP Axtra ที่บริหารงานแม็คโคร + โลตัส ก็มีส่วนแบ่งในตลาดประมาณ 39%
หรือเอาที่เด่นๆ เลยคือ CP All บริหารร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-Eleven ก็มีส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 70% โดยมีสาขาของ 7-Eleven กว่า 15,430 แห่ง มองในแง่ของความสำเร็จ CP Group คือโมเดลธุรกิจที่หลายคนนำมาเป็นต้นแบบตั้งแต่วิธีคิด + การบริหารจัดการ มีเป้าหมายเพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกันบ้าง
หลายคนอาจคิดว่า CP Group นี่คือที่สุดของธุรกิจแต่ในมุมมองคณะผู้บริหารกลับเห็นต่างแม้ปัจจุบันจะประสบความสำเร็จแต่สิ่งที่ต้องการคือความสำเร็จที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้นในอนาคต
เราจึงได้เห็นการที่คณะผู้บริหารระดับสูงของเครือเจริญโภคภัณฑ์เดินทางไปดูงานของบริษัทค้าปลีก Pang Dong Lai Group (พ่างตงไหล) ในมณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน
ก่อให้เกิดคำถามในใจขึ้นมาทันทีว่า Pang Dong Lai มีอะไรเด่น มีอะไรดี ทำไมยักษ์ใหญ่ในเมืองไทยอย่าง CP Group ถึงต้องไปดูงานกันอย่างจริงจัง
สวัสดิการพนักงานที่น่าทึ่ง! ของ Pang Dong Lai

พูดถึง Pang Dong Lai เป็นบริษัทค้าปลีกเอกชนของจีน ก่อตั้งขึ้นในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1995 โดย Yu Donglai มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมือง Xuchang (สุวีชาง) มณฑล Henan (เหอหนาน) ปรัชญาการทำธุรกิจของ Yu Donglai
ผู้ก่อตั้งเน้น “เสรีภาพและความรัก” โดยปฏิบัติต่อพนักงานและลูกค้าเหมือนครอบครัว บริษัทมีนโยบายที่เป็นมิตรกับพนักงานอย่างมาก เช่น
- “วันลาไม่มีความสุข” (unhappy leave) สูงสุด 10 วันต่อปี หากพนักงานรู้สึกไม่มีความสุข โดยไม่ต้องอธิบายและผู้จัดการห้ามปฏิเสธ
- “โบนัสความทุกข์” (grievance bonus) สำหรับพนักงานที่รู้สึกไม่พอใจ
- เวลาทำงาน 6-7 ชั่วโมงต่อวัน ปิดร้านทุกวันอังคารเพื่อพักผ่อน และลาพักร้อนสูงสุด 40 วันต่อปี
- เงินเดือนสูง แม้แต่พนักงานทำความสะอาดก็ได้รับสูงถึง 70,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี
- ส่งพนักงานที่ทำผลงานได้ดีไปท่องเที่ยวต่างประเทศ
และโอกาสประสบความสำเร็จของพนักงาน Pang Dong Lai ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุงาน แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถ ความขยัน ความทุ่มเท เป็นผลให้พนักงานทุกคนมีแนวคิดที่อยากทำงานกับ Pang Dong Lai เพราะรู้สึกว่าชีวิตมีความมั่นคงและได้การตอบแทนที่ดีจากการทำงาน
ห้างค้าปลีกที่ให้ความสำคัญกับ “ลูกค้า” ทุกคน

ในด้านบริการลูกค้าบริษัทมีนโยบาย “ดูแลลูกค้าอย่างทั่วถึงและให้ความเป็นธรรมแก่ลูกค้าทุกคน” เช่น สินค้าในร้านไม่มีการค้างสต็อคขายแบบวันต่อวัน ขายไม่หมดก็ทิ้ง เพื่อให้สินค้าสดใหม่เสมอ หรือผลไม้พร้อมรับประทานที่จะรักษาความสดถ้าซื้อภายใน 4 ชั่วโมงหลังปอกลูกค้าจ่ายราคาเต็ม แต่ถ้าเวลาผ่านไปหลัง4 ชั่วโมง ลดราคา 20% หลัง 6 ชั่วโมง ลด 40% หลัง 8 ชั่วโมงทุกอย่างจะถูกเก็บทิ้งหมด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีบริการพิเศษ เช่น เครื่องปอกผลไม้ข้าง ๆ สินค้า
การล้างหิมะจากรถลูกค้าในฤดูหนาว แว่นขยายสำหรับอ่านฉลาก และพนักงานวิ่งตากฝนเพื่อกางร่มให้ลูกค้า และภายในร้านของ Pang Dong Lai เน้นเรื่องความสะอาด อาหารทุกอย่างให้คำอธิบายความเสี่ยงสุขภาพอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังถือเป็นบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมสูงมาก
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือบริษัทเคยจ่ายค่าชดเชย 8.8 ล้านหยวน (1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้ลูกค้าในปี 2024 หลังซัพพลายเออร์ละเมิดมาตรฐานความปลอดภัยอาหาร
ธุรกิจที่มีแต่คำว่า “ให้” ไม่เคยคิดว่าใครเป็น “คู่แข่ง”

Pang Dong Lai ไม่ได้มีดีแค่ในเรื่องงานบริการและความเป็นธรรมให้กับลูกค้า ในอีกมุมหนึ่ง Pang Dong Lai ยังช่วยเหลือสังคมด้าน และไม่เคยคิดว่าใครเป็นคู่แข่ง เห็นได้จากการช่วยเหลือซูเปอร์มาร์เก็ตอื่น ๆ ในการปรับปรุง
ยกตัวอย่างคือการไปสนับสนุนและช่วยเหลือ Yonghui (หย่งฮุย) ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตอันดับ 2 ของจีนให้มียอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 6 เท่า เป็นการทำที่ไม่ได้หวังผลตอบแทนเป็นตัวอย่างของการทำธุรกิจที่มองโลกในง่ดีแม้การแข่งขันจะสูงแต่ทุกคนก็อยู่ร่วมกันได้ ลดความเห็นแก่ตัวเพื่อให้สังคมและประเทศชาติเดินไป
ซึ่งแตกต่างจากวัฒนธรรมการทำงาน “996” ของจีน คือทำงาน 9 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม 6 วันต่อสัปดาห์ ที่มองว่าทุกอย่างคือการแข่งขัน
รายได้ของ Pang Dong Lai มากกว่า 8.3 หมื่นล้านบาท

ในปี 2024 Pang Dong Lai มีรายได้รวม 16.964 พันล้านหยวน (ประมาณ 8.3 หมื่นล้านบาท) และมีพนักงานประมาณ 7,000 คน และในปี 2025 มีสาขารวม 13 แห่ง
และมียอดขายต่อสาขาสูงมากในเดือนมกราคม 2025 มียอดขายวันเดียวกว่า 73 ล้านหยวน และแม้จะเป็นธุรกิจท้องถิ่น แต่ Pang Dong Lai ได้รับความนิยมระดับชาติ จนถูกเรียกว่าแหล่งท่องเที่ยวระดับชาติ เป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ
และผู้ประกอบการจากทั่วจีน รวมถึงบุคคลดังอย่าง Jack Ma และ Lei Jun ที่เคยมาเยี่ยมชมและชื่นชมด้วย
เปรียบเทียบความน่าสนใจระหว่าง CP Group กับ Pang Dong Lai

ถ้าเปรียบเทียบกับ CP Group ในแง่ของขนาดธุรกิจถือว่า Pang Dong Lai อาจไม่ได้เหนือกว่าแต่ Pang Dong Lai ชนะในด้าน “per store efficiency” และ emotional appeal ที่ประสบความสำเร็จจากโมเดลมนุษยธรรมในตลาดค้าปลีกจีนที่แข่งขันดุเดือด
ถึงขนาดที่คุณธนินท์ เจียรวนนท์ ยังกล่าวถึง คุณ Yu Donglai ผู้ก่อตั้งและประธานของ Pang Dong Lai ว่าเป็นผู้นำที่ “เก่งและลงลึก” ในทุกมิติของการบริหาร และมีความมั่นใจในแนวทางของตนอย่างแท้จริง และเชื่อว่า “แม้จะมีคนพยายามลอกเลียนแบบ แต่หากไม่เข้าใจถึง ‘แก่น’ ของแนวคิด ก็ไม่สามารถทำตามได้”
และ CP Group ยังยอมรับว่า Pang Dong Lai เป็นต้นแบบของการสร้างประสิทธิภาพเชิงคุณค่า และถือเป็นกรณีศึกษาที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกในเครือซีพี โดยเฉพาะแบรนด์ระดับนานาชาติอย่าง CP 7-Eleven, CP Lotus, Makro, Lotus และ CP Fresh
CP Group ได้ประโยชน์อะไรจากการไปดูงานที่ Pang Dong Lai

ประโยชน์ของ CP Group สำหรับการดูงานในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่แนวคิดและการได้เรียนรู้วิธีบริหารจัดการธุรกิจค้าปลีกที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังได้ร่วมกันพัฒนาโมเดล “Putting People First” หรือการบริหารที่ยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ซึ่งเป็นแนวทางที่สามารถขยายผลสู่ระดับโลกได้อย่างเป็นรูปธรรม และช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับธุรกิจค้าปลีกทั่วโลกในการตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่
การศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างเครือเจริญโภคภัณฑ์และ Pang Dong Lai ในครั้งนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์ของการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ข้ามพรมแดน ที่จะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมค้าปลีกให้ก้าวสู่ระดับสากล ด้วยวิธีคิดที่ให้ความสำคัญกับ “คน” “คุณภาพ” และ “การเติบโตอย่างยั่งยืน”
ทั้งนี้ เครือซีพีเตรียมนำบทเรียนและประสบการณ์จาก Pang Dong Lai มาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาองค์กร เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นแก่ผู้บริโภคในทุกประเทศที่ดำเนินธุรกิจ
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)