Mystery Shopper เปลี่ยนร้านติดลบสู่ทำกำไร แค่รู้จักใช้
ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงมาก ลูกค้าเองก็มีทางเลือกที่หลากหลาย สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องสนใจคือจะทำอย่างไรเพื่อให้ลูกค้าประทับใจในสินค้าและบริการเพื่อโอกาสในการสร้างยอดขายที่มากขึ้น จึงเป็นที่มาของ “Mystery Shopper” หรือนักช็อปปริศนา ที่ถือว่าเป็นอาชีพที่น่าจับตามองในยุคนี้มาก
การทำงานในฐานะ Mystery Shopper เริ่มจากการที่บริษัทหรือองค์กรกำหนดวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบ เช่น
- การประเมินคุณภาพการบริการในช่วงเวลาที่มีลูกค้าจำนวนมาก
- การตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรฐานการให้บริการ
เมื่อได้รับวัตถุประสงค์เหล่านี้ Mystery Shopper จะเข้าไปยังสถานที่นั้น ๆ ในฐานะลูกค้าทั่วไป ทำการซื้อสินค้าหรือใช้บริการเหมือนลูกค้าทั่วไป โดยไม่ให้พนักงานทราบว่ากำลังถูกตรวจสอบ จุดประสงค์ในการตรวจสอบคือเพื่อให้ทราบถึงมาตรฐานการบริการที่แท้จริงของพนักงาน

อาชีพ Mystery Shopper เป็นงานแบบ Part-time ที่ สามารถเลือกงาน วัน เวลา และสถานที่เข้าตรวจได้อย่างอิสระ รายได้สำหรับการไปตรวจงานแต่ละครั้งจะอยู่ระหว่าง 400-2,000 บาท ขึ้นกับความยากง่ายของงานที่ทำ หรือบางครั้งก็อาจได้สินค้าเป็นค่าตอบแทน
หลังจากเสร็จสิ้นการตรวจสอบ Mystery Shopper ต้องจัดทำรายงานที่ละเอียดและชัดเจน ประกอบไปด้วยข้อมูลเกี่ยวกับการให้บริการของพนักงาน ความสะอาดของสถานที่ และความพึงพอใจโดยรวมของลูกค้า อาจรวมถึงหลักฐานเพิ่มเติม เช่น ใบเสร็จรับเงิน ภาพถ่าย หรือบันทึกเสียง เพื่อใช้สนับสนุนข้อมูลในรายงาน
คำถามคือ Mystery Shopper เหมือนเป็นอาชีพที่มาจับผิดธุรกิจแล้วแบบนี้จะมีการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสได้อย่างไร ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว Mystery Shopper มีส่วนสำคัญในการพัฒนายอดขายของร้านค้าได้มาก แค่รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ เพราะจากข้อมูลในฐานะที่แอบเข้าไปเป็นลูกค้าคือมุมมองแท้จริงที่ลูกค้าคนอื่นก็เห็นแต่บางทีเจ้าของร้านไม่เคยรู้มาก่อน
1.ปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience)

Mystery Shopper ช่วยระบุจุดอ่อนในกระบวนการให้บริการ เช่น การต้อนรับ ความเร็วในการให้บริการ หรือความรู้ของพนักงาน การปรับปรุงจุดเหล่านี้สามารถเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า ซึ่งมีผลต่อยอดขาย มีข้อมูลน่าสนใจที่ระบุว่า การเพิ่มคะแนนความพึงพอใจของลูกค้า (Customer Satisfaction Score) เพียง 1% สามารถเพิ่มรายได้ 2-3% ในธุรกิจค้าปลีก
2.เพิ่มการซื้อซ้ำและความภักดีของลูกค้า
การได้ข้อมูลจาก Mystery Shopper โดยตรงช่วยให้ธุรกิจเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าและปรับปรุงการให้บริการให้ตรงใจ ซึ่งนำไปสู่การซื้อซ้ำ (Repeat Purchase) และการบอกต่อ (Word-of-Mouth) ตัวเลขที่น่าสนใจระบุว่าลูกค้าที่มีประสบการณ์ดีมีแนวโน้มซื้อซ้ำสูงกว่า 60-70% และลูกค้าที่ภักดี 1 คนสามารถสร้างรายได้เทียบเท่าลูกค้าใหม่ 5-7 คน
3.เพิ่มประสิทธิภาพการขายต่อยอด (Upselling/Cross-selling)

ข้อมูลจาก Mystery Shopper สามารถตรวจสอบว่าพนักงานแนะนำสินค้าหรือบริการเพิ่มเติมอย่างเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าการซื้อต่อครั้ง (Average Transaction Value) ซึ่งมีการเก็บข้อมูลเชิงสถิติที่น่าสนใจระบุว่าารทำ Upselling/Cross-selling ที่มีประสิทธิภาพสามารถเพิ่มยอดขายได้ถึง 10-30% ในธุรกิจค้าปลีกและร้านอาหาร
4.ลดการสูญเสียลูกค้า (Customer Churn)
การระบุปัญหาการให้บริการ เช่น การรอคิวนานเกินไป หรือทัศนคติพนักงานที่ไม่ดี ช่วยลดโอกาสที่ลูกค้าจะไม่กลับมาใช้บริการ ซึ่งข้อมูลด้านการตลาดระบุว่า 68% ของลูกค้าเลือกหยุดใช้บริการเพราะประสบการณ์ที่ไม่ดี และการลดปัญหานี้สามารถรักษายอดขายจากลูกค้าเดิมได้ 20-40%
5. สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน

การได้ข้อมูลจาก Mystery Shopper ช่วยให้ธุรกิจดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเก่า เพิ่มโอกาสในการให้บริการที่เหนือกว่าคู่แข่ง ตัวเลขน่าสนใจระบุว่า 73% ของผู้บริโภคเลือกซื้อจากแบรนด์ที่มีประสบการณ์ลูกค้าดีกว่า แม้ว่าบางครั้งราคาอาจจะสูงกว่าเล็กน้อยก็ตาม
ถ้ายังมองไม่เห็นภาพว่าข้อมูลจาก Mystery Shopper มีความสำคัญกับการเพิ่มยอดขายแค่ไหน เรายกตัวอย่างของร้านก๋วยเตี๋ยวมาเป็น Case Study สมมุติว่ามียอดขายเฉลี่ย 12,000 /วัน จำนวนลูกค้า 120 คน/วัน เฉลี่ยบิลละ 100 บาท
ปัญหาที่ Mystery Shopper เจอ
- รออาหารนานเฉลี่ย 18 นาที
- พนักงานไม่แนะนำเมนูพิเศษ เช่น ก๋วยเตี๋ยวต้มยำทะเล ที่ราคาสูงกว่าเมนูปกติ
- ร้านไม่มีมาตรฐานด้านความสะดวกและความสะอาดเช่น โต๊ะเหนียวเลอะเทอะ , น้ำดื่มหมดถังบ่อย
- ลูกค้าหลายคน สั่งกลับบ้าน เพราะรีบ แต่ร้านแพ็คไม่ดี น้ำซุปหกเลอะเทอะ
จากข้อมูลเหล่านี้นำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขใหม่โดยการจัดครัวใหม่ เพิ่มคนช่วยทำงาน เพื่อลดเวลาในการรอคอยให้น้อยลง รวมถึงการเทรนพนักงานให้แนะนำเมนูราคาพิเศษ และปรับระบบแพ็คอาหารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการทำความสะอาดร้าน , โต๊ะอาหาร , จุดบริการที่ต้องมีน้ำ แก้ว ให้เพียงพอกับการใช้งาน

ผลลัพธ์หลังจากปรับปรุงใหม่ทำให้ เวลารออาหารลดลงเฉลี่ย 9 นาที จำนวนลูกค้าที่สั่งเมนูพิเศษเพิ่มขึ้น 15-40% เมื่อแพ็คเกจเดลิเวอรี่มีการปรับปรุงก็ทำให้ยอดขายส่วนเดลิเวอรี่เพิ่มขึ้น 60% เพราะมีการรีวิวที่ดีขึ้น ภาพรวมคือลูกค้าก็เพิ่มขึ้นจาก 120 กลายเป็น 150 คน/วัน
รายได้ก่อนใช้ข้อมูลจาก Mystery Shopper เฉลี่ย 14,700 บาท/วัน (จากลูกค้าในร้าน + เดลิเวอรี่ + เมนูพิเศษ) ก็เพิ่มเป็น 22,900 บาท/วัน จากลูกค้าในร้านที่เพิ่มขึ้น เดลิเวอรี่ขายดีขึ้น มีการสั่งเมนูพิเศษมากขึ้น เท่ากับว่ายอดขายเพิ่มขึ้น 56% ( 8,200 บาท) และรายได้ต่อเดือนคือ 246,000 บาท ซึ่งถือว่าน่าพอใจอันเป็นผลมาจากการนำข้อมูลจาก Mystery Shopper มาปรับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และสำหรับธุรกิจใดที่ต้องการที่ปรึกษาสำหรับเพิ่มยอดขาย / ขยายสาขาให้ธุรกิจหรือต้องการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตมากขึ้น วิธีง่ายๆเพียง Add LINE id : @thaifranchise คลิก https://page.line.me/thaifranchise
เรามีทีมงานคุณภาพที่พร้อมให้คำแนะนำอย่างครบวจรทั้งการเซ็ทอัพ / พัฒนา / โปรโมท สร้างธุรกิจให้เติบโตได้ตามเป้าหมายของผู้ประกอบการทุกคน
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)