MK Suki 63 ปี 432 สาขา กับช่วงเวลาที่ท้าทาย

ถ้าพูดถึงร้านสุกี้ในประเทศไทย ชื่อของ “MK สุกี้” น่าจะเป็นชื่อแรกๆ ที่ผู้บริโภคชาวไทยส่วนใหญ่นึกถึง มีจุดเริ่มต้นจากร้านอาหารเล็กๆ กลายมาเป็นเชนร้านอาหารที่มีมากกว่า 400 สาขาทั่วประเทศ

แม้ว่า MK Suki จะครองใจผู้บริโภคมายาวนานกว่า 63 ปี แต่ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงตลาดสุกี้เมืองไทย จึงทำให้ MK สุกี้ ต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดออกแคมเปญ “บุฟเฟต์อิ่มไม่อั้นหัวละ 299 บาท” ที่หลายคนมองว่าเป็นการส่งสัญญาณท้าชนแบรนด์คู่แข่งมาแรงอย่าง “สุกี้ตี๋น้อย” ที่มีความโดดเด่นในเรื่องราคาและความคุ้มค่าด้วยชุดบุฟเฟ่ต์หัวละ 219 บาท

แคมเปญนี้ไม่เพียงสะท้อนความพยายามในการปรับตัวของ MK สุกี้ แต่ยังมีประเด็นให้ชวนคิดว่า ธุรกิจครอบครัวที่เติบโตจนกลายเป็นแบรนด์ร้านอาหารระดับประเทศ จะรับมือกับการแข่งขันในตลาดที่มีแบรนด์น้องใหม่มากมายได้อย่างไร

ไม่ว่าจะเป็นนีโอสุกี้ สุกี้ตี๋น้อย ลัคกี้สุกี้ สุกี้นินจา สุกี้จินดา สุกี้ดารา เอี่ยวไถ่สุกี้โบราณ สุกี้เรือนเพชร ซึ่งแบรนด์เหล่านี้ชูจุดขายบุฟเฟ่ต์ราคาเข้าถึงง่าย เรียกได้ว่าตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคในสถานการณ์ที่ค่าครองชีพสูงขึ้น

ความท้าทายของ MK สุกี้ ในตลาดสุกี้ที่มีการแข่งขันด้านราคากันอย่างดุเดือดจะเป็นอย่างไร จะงัดกลยุทธ์ไม้เด็ดมาแข่งขันอย่างไร เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดที่ตัวเองครองอันดับมายาวนานได้อย่างไร

จุดเริ่มต้น MK สุกี้

MK Suki

MK สุกี้ มีจุดเริ่มต้นและเติบโตมาจากธุรกิจครอบครัว เป็นร้านอาหารไทยเล็กๆ ย่านสยามสแควร์ ดำเนินกิจการโดยคุณป้าทองคำ เมฆโต ที่ได้ซื้อกิจการต่อจากคุณมาคอง คิงยี (Makong King Yee) ชาวฮ่องกง หลังจากย้ายครอบครัวไปอยู่บอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2505

คุณป้าทองคำ เป็นคนชัยนาทเดิมเป็นแม่ครัวของร้าน เป็นคนที่คุณมาคอง คิงยี ไว้วางใจมากที่สุดจึงได้ขายกิจการร้านอาหารให้ คุณป้าทองคำบริหารกิจการด้วยใจรักงานบริการ จนลูกค้าที่มาอุดหนุนติดใจ กลับมารับประทานอีก และกลายเป็นลูกค้าประจำในที่สุด อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะความใจดีของคุณป้านั่นเอง

อาหารขึ้นชื่อในร้านสมัยนั้นมีหลายอย่าง เช่น ข้าวมันไก่ เนื้อตุ๋น ผัดไทย ผัดขี้เมา เนื้อย่างเกาหลี (เตาถ่าน) ยำแซบๆ อีกทั้งมีเค้กแสนอร่อยขายตอนปีใหม่อีกด้วย

ต่อมาปี 2527 ห้างสรรพสินค้าเริ่มผุดขึ้นหลายๆ แห่ง มีลูกค้าประจำของร้านคนหนึ่ง ชื่อคุณสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ ผู้ร่วมก่อตั้งห้างเซ็นทรัล และประธานบริษัทในยุคนั้น ได้ชวนให้คุณป้า่ทองคำไปเปิดร้านอาหารไทยในห้างเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ซึ่งเธอก็ตอบตกลง และใช้ชื่อร้านว่า “กรีน เอ็มเค”

อีก 2 ปีต่อมา คือปี 2549 คุณสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ ก็ชวนคุณป้าทองคำไปเปิดร้านอาหารในห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าวอีก เสนอพื้นที่ 1,000 ตารางเมตร เปิดร้านสุกี้เอ็มเค สาขาแรก โดยมีเงื่อนไขสำคัญ คือ ต้องเปลี่ยนจากหม้อสุกี้เตาแก๊สเป็นเตาไฟฟ้า ตอนนั้นกิจการร้านอาหารของคุณป้าทองคำ ได้มีลูกสาว ลูกชาย และ ลูกเขย ของป้าทองคำได้เข้ามาช่วยบริหารจัดการร้าน จนกระทั่งร้านขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง คุณ ฤทธิ์ ธีระโกเมณ ก็คือลูกเขยของคุณป้าทองคำ

และในเดียวกัน MK สุกี้ ได้รับสิทธิแฟรนไชส์ร้านอาหารญี่ปุ่น “ยาโยอิ” บริหารกิจการในไทย จาก Plenus Co.,Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจร้านอาหารของประเทศญี่ปุ่น เปิดร้านอาหารยาโยอิสาขาแรกในประเทศไทย โดยเน้นแนวคิดการให้บริการรวดเร็ว มีคุณภาพ ปรุงใหม่ทุกจาน และราคาสมเหตุสมผล

  • ปี 2555 ได้เข้าทำสัญญาแฟรนไชส์ เพื่อรับสิทธิ์ดำเนินธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น “มิยาซากิ” จากบริษัท Gozouroppu Co.,Ltd.
  • ปี 2556 บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ณ วันที่ 31 มี.ค. 2568 MK สุกี้ มีจำนวนร้าน 439 สาขา แบ่งเป็น MK สุกี้ 431 สาขา MKค โกลด์ 5 สาขา และ MK ไลฟ์ 3 สาขา และยังมีแบรนด์ร้านอาหารอื่นๆ อาทิ ร้านยาโยอิ 200 สาขา, ร้านฮากาตะ 1 สาขา, ร้านมิยาซากิ 8 สาขา, แหลมเจริญ ซีฟู้ด 45 สาขา, ร้าน ณ สยาม 1 สาขา, ร้านเลอ สยาม 3 สาขา, ร้านบิซซี่ บ็อก 2 สาขา, ร้านกาแฟและเบเกอรี เลอ เพอทิท 3 สาขา ยังมีธุรกิจบริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่หรือแคเทอริงอีก

ส่วนสาขาแฟรนไชส์ MK สุกี้ ในต่างประเทศ คือ ญี่ปุ่น 24 สาขา, เวียดนาม 4 สาขา, ลาว 3 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ แหลมเจริญ ซีฟู้ด ในต่างประเทศ คือ มาเลเซีย 4 สาขา และ MIYAZAKI ที่ประเทศลาว 1 สาขา

ความท้าทายของ MK ในตลาดสุกี้เดือด

MK Suki

ในไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัท เอ็มเค สุกี้ (MK Restaurants Group) มีรายได้และกำไรลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยสาเหตุหลักๆ ที่มีผลต่อการลดลงของรายได้และกำไรลดลง ได้แก่

1.การแข่งขันธุรกิจร้านอาหาร

การแข่งขันของธุรกิจร้านอาหารในไทยสูง ทำให้รายได้และส่วนแบ่งตลาดของ MK ลดลง โดยแบรนด์อื่นๆ อาทิ นีโอสุกี้ สุกี้ตี๋น้อย ลัคกี้สุกี้ สุกี้นินจา สุกี้จินดา สุกี้ดารา ได้พยายามดึงดูดลูกค้าด้วยโปรโมชั่นและราคา จึงทำให้ MK ยอดขายลดลง

2.ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น

ต้นทุนวัตถุดิบและค่าเช่าสูงขึ้น ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจสูงขึ้น แต่ MK รับราคาขายไม่ได้ เพราะราคาในปัจจุบันสูงกว่าคู่แข่งในตลาดอยู่แล้ว ยิ่งถ้า MK มีการปรับราคาขึ้น อาจทำให้ลูกค้าหายไปอีก

3.ปัญหาเศรษฐกิจ

ปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศที่มีความไม่แน่นอน ทำให้ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ลดการออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน ไม่เพียงแต่ MK ที่ได้รับผลกระทบ ร้านอาหารอื่นๆ ก็ได้รับผลกระทบไปหมด

4.รสชาติคุ้นเคยจำเจ

MK กำลังเผชิญปัญหารอบด้าน โดยเฉพาะความอร่อยที่คุ้นเคย กลายเป็นความซ้ำซากจำเจ ทำให้ลูกค้าไม่อยากเดินเข้าร้าน สวนทางกับคู่แข่งที่พยายามสร้างสีสันและดึงดูดลูกค้าอย่างหนัก แม้ว่าเอ็มเค สุกี้จะมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งและฐานลูกค้าประจำที่ใหญ่ แต่ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่แน่นอนและการแข่งขันในตลาดสูง ก็ยังทำให้บริษัทต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาผลกำไรในระดับที่ดีได้

กลยุทธ์สู้กลับคู่แข่ง

ท่ามกลางตลาดสุกี้ที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงมากในปัจจุบัน กลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทำให้ MK สุกี้ ต้องปรับตัวขึ้นมาสู้ศึกนี้แบบเต็มกำลัง เริ่มเดินหน้ากลยุทธ์การตลาดใหม่ๆ ที่ทำให้แบรนด์สนุกยิ่งขึ้น และเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น

MK เดินหน้าสู้ศึกสงครามตลาดสุกี้ต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ปรับเปลี่ยนโลโก้สู้คู่แข่งตั้งแต่ช่วงต้นปี 2568 จาก MK restaurants เปลี่ยนเป็น MongKol restaurants ในรอบ 39 ปี กับ 4 สาขา เสริมความเป็น “มงคล” ให้ทุกครอบครัว สร้างความฮือฮาบนโลกโซเชียลได้อย่างมากก่อนเทศกาลตรุษจีน

ภาพจาก www.facebook.com/mkrestaurants

อีกไม่นาน MK เปิดตัวอีกหนึ่งแคมเปญ “หมี่หยกยาว 99 เซ็นติเมตร” ถือเป็นแคมเปญที่สร้างยอดขายเติบโตกว่า 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่อด้วยแคมเปญเขย่าวงการธุรกิจร้านอาหารกับ “ชุดบะหมี่หยก ลูกชิ้นรวมมิตร” ราคา 69 บาท เพิ่มช่องทางการขายในร้าน 7-Eleven อีกด้วย

ไม่เพียงแค่นี้ MK ยังเดินหน้าทำคอนเทนต์น้ำจิ้มสุกี้ สร้างไวรัล ป่วนทุกวงการ สามารถปลุกกระแสของแบรนด์และได้ผลการตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้บริโภคบนโลกโซเชียล อีกทั้งยังดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง

ภาพจาก www.facebook.com/mkrestaurants

เมื่อสงครามยังไม่สิ้นสุด MK ยังเปิดตัวแคมเปญใหม่แบบไม่มีพัก สร้างเสียงฮือฮาจนมีภาพคนต่อคิวรอหน้าร้านอีกครั้ง กับ “หมู มาราธอน” เจาะกลุ่มลูกค้า GEN Y – GEN Z กับราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น กินไม่อั้นได้ถึง 90 นาที กับ 4 คอนโดหมู

ไม่พอช่วงปลายเดือน พ.ค. 2568 เปิดตัวเมนูใหม่ “สุกี้ผัดแห้ง” มีคนผัดให้กินถึงโต๊ะ มีให้เลือก 3 ชุด สุกี้ผัดแห้งหม้อแดงหมู สุกี้ผัดแห้งหม้อแดงเนื้อ และสุกี้ผัดแห้งหม้อแดงทะเล ราคาเริ่มต้น 199 บาท ระยะแวลาแคมเปญ 3 เดือนเต็มถึง 12 ส.ค. 2568

ภาพจาก www.facebook.com/mkrestaurants

ล่าสุด MK จัดโปรโมชันแรง สู้สุกี้ตี๋น้อย เปิดบุฟเฟต์อิ่มไม่อั้นหัวละ 299 บาท สั่งไม่อั้นกับเนื้อบริสเก็ตออสเตรเลีย หมูนุ่ม หมูสไลด์ สาหร่ายทรงเครื่อง และอื่นๆ รวมในเมนู 19 รายการ มีระยะเวลาในการทานบุฟเฟต์ 90 นาที เริ่มตั้งแต่ 9-30 มิ.ย. 2568

รายได้ (MK สุกี้) บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

MK Suki

  • ปี 2563 รายได้ 11,584 ล้านบาท กำไร 908 ล้านบาท
  • ปี 2564 รายได้ 9,822 ล้านบาท กำไร 280 ล้านบาท
  • ปี 2565 รายได้ 13,559 ล้านบาท กำไร 1,321 ล้านบาท
  • ปี 2566 รายได้ 14,414 ล้านบาท กำไร 1,511 ล้านบาท
  • ปี 2567 รายได้ 13,778 ล้านบาท กำไร 1,771 ล้านบาท

รายได้ (สุกี้ ตี๋น้อย) บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด

“สุกี้ตี๋น้อย” ภายใต้ บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2562 ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค.2568 มีจำนวน 85 สาขา แบ่งเป็น Suki Teenoi 82 สาขา Teenoi BBQ 2 สาขา และ Teenoi Express 1 สาขา

  • ปี 2563 รายได้ 1,223 ล้านบาท กำไร 140 ล้านบาท
  • ปี 2564 รายได้ 1,572 ล้านบาท กำไร 148 ล้านบาท
  • ปี 2565 รายได้ 3,976 ล้านบาท กำไร 591 ล้านบาท
  • ปี 2566 รายได้ 5,262 ล้านบาท กำไร 907 ล้านบาท
  • ปี 2567 รายได้ 7,075 ล้านบาท กำไร 1,168 ล้านบาท

ในแง่ธุรกิจของ MK ที่ผ่านมาฟาดกำไรงามๆ มาหลายสิบปีติดต่อกันแล้ว ถึงแม้ภาพรวมจะดร๊อปลง แต่ก็ยังถือว่าองค์กรยังแข็งแกร่งอยู่ เพียงแค่มีการปรับกลยุทธ์ธุรกิจนิดนึ่งน่าจะกลับมาได้

MK ตัดสินใจได้ดี ไม่จำเป็นต้องไปแข่งกับสุกี้ตี๋น้อยอะไรทั้งนั้น เพราะทำการตลาดคนละแบบ หากมองอีกมุมสุกี้ตี๋น้อยก็ไม่มีอะไรการันตีว่าธุรกิจจะยั่งยืนจริง สำหรับ MK หลายคนกินเพราะคุ้นเคยกับอาหารคุณภาพและสบายใจที่ได้กิน อาหารสดใหม่ อร่อย คุณภาพดี พนักงานน่ารัก ร้านสะอาด เมนูเยอะมีให้เลือกมากมาย น้ำจิ้มและน้ำชาอร่อย ลูกค้าอาจไม่ลดไม่เพิ่ม

ส่วนสุกี้ตี๋น้อย หากมองในอนาคตให้ลึกๆ อาจจะถูกตีตลาดจากคู่แข่งกลุ่มเดียวกันมากกว่า ไม่ว่าจะเป็น นีโอสุกี้ ลักกี้สุกี้ สุกี้จินดา และที่กำลังมาแรง “ฮอทพอตแมน” และคาดว่าจะมีแบรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้นตามมาอีกมากมาย

อ้างอิง

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช