Lalamove ใกล้เป็นสตาร์ทอัพระดับ Unicorn

Lalamove สตาร์ทอัพ บริการขนส่งสินค้า จากฮ่องกง ระดมทุนได้เพิ่มอีก 100 ล้านเหรียญสหรัฐ เตรียมขยับเข้าใกล้การเป็น Unicorn (ได้รับการประเมินมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือราว 33,200 ล้านบาท) 

วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com จะพาคุณผู้อ่านไปทำความรู้จักกับ Lalamove ว่าเป็นใคร มาจากไหน โดยเฉพาะล่าสุดได้รับการระดมทุนถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 3,320 ล้านบาท จากสถาบันการลงทุน ShunWei Capital ซึ่งมีนาย Lei Jun ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท Xiaomi เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง

บริการขนส่งสินค้า

ภาพจาก goo.gl/k1N59G , goo.gl/2j9ymq

โดยช่วงเดือนมกราคม 2560 Lalamove ได้รับการระดมทุนด้วยเงินจำนวนกว่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐไปแล้วครั้งหนึ่ง ส่วนในครั้งนี้เชื่อกันว่า เงินจำนวนดังกล่าวจะถูกใช้ไปกับการขยายขนาดขององค์กร

โดยจะเพิ่มการว่าจ้างงานบุคลากรในบริษัทของพวกเขาที่ฮ่องกงจำนวน 200 คน และตั้งเป้าขยายขอบเขตการให้บริการจากเดิม 110 เมืองเป็น 200-250 เมือง

ทุกวันนี้ Lalamove มีจำนวนคนขับพาหนะส่งสินค้าราว 3 หมื่นคนในพื้นที่ให้บริการตามเมืองหลักๆ จำนวน 50 แห่งในจีน และอีก 6 เมืองในประเทศกลุ่มอาเซียน ซึ่งในจำนวน 97% ของผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจ SMEs

Lalamove มาจากไหน?

b4

ภาพจาก goo.gl/7WECvT

Lalamove ก่อตั้งเมื่อปี 2556 ในฮ่องกงในชื่อ EasyVan โดยเป็นผู้นำเทคโนโลยีด้านลอจิสติกส์ในเอเชียในแบบ “on demand delivery” ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งบนระบบแอนดรอยด์และ iOS

Lalamove คือ แอพพลิเคชั่นที่ช่วยให้คนขับได้งาน และช่วยให้ผู้ที่ต้องการส่งสินค้าได้รับการบริการที่รวดเร็ว ไว้วางใจได้ ขณะนี้ lalamove ให้บริการใน 15 เมือง รวมถึง ฮ่องกง, สิงคโปร์, กรุงเทพฯ, กวางเจา, เสิ่งเจิ้น, ไทเป, ตงก่วน, โฝ่ชาน, เซี่ยงไฮ้, ฉงชิ่ง, จงซาน, ฮุ่ยโจว, หนานจิง, หางโจว และเฉิงตู

มีคนขับในระบบกว่า 30,000 คนและผู้ใช้บริการกว่า 455,000 ราย มียอดดาวน์โหลดประมาณครึ่งล้าน ในประเทศไทย มียอดดาวน์โหลดที่ 30,000 ครั้งและมียอดคนขับอยู่ที่หลายพันคน มีมูลค่าการเรียกใช้บริการอยู่ที่ 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

Lalamove ถือเป็นผู้ให้บริการขนส่งแบบออนดีมานด์เป็นรายแรกในไทย รูปแบบของบริการปัจจุบันยังจำกัดเฉพาะในกรุงเทพมหานคร และเน้นการส่งด่วนภายในวันเดียว โดยคิดค่าบริการพรีเมียมกว่าบริการส่งพัสดุทางไปรษณีย์

b6

ภาพจาก goo.gl/sBsLVH

ตอนนี้ Lalamove มีลูกค้าในไทย 210,000 รายใช้บริการ มีมูลค่าการใช้บริการ 120 ล้านบาท และมีจำนวนคนขับในระบบ 17,000 คน ถือเป็นผู้ให้บริการขนส่งออนดีมานด์รายใหญ่ของตลาดไทยในตอนนี้

ลูกค้าของ Lalamove มีทั้งกลุ่มธุรกิจและกลุ่ม SME โดยตัวอย่างกลุ่มลูกค้าธุรกิจรายใหญ่คือ LINE Man ที่เชื่อมบริการกับ LINE ผ่านทาง API ของ Lalamove สัดส่วนตอนนี้ลูกค้าธุรกิจมีมูลค่าเกิน 50% ของรายได้ทั้งหมด

ส่วนประเด็นเรื่องการขยายไปยังเมืองอื่นๆ ในประเทศไทย ต้องพิจารณาดูจากดัชนีชี้วัดต่างๆ ต่อไป แต่ Lalamove ในระดับภูมิภาคก็มีการขยายธุรกิจไปยังเมืองต่างๆ ทั่วเอเชียอยู่ตลอดเวลา

ทั้งนี้จากการเปิดเผยกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา Lalamove ได้ประกาศผลการดำเนินประจำปี 2559 และร่วมแบ่งปันตัวเลขสำคัญถึงการเติบโตในประเทศไทยถึง 600%

รู้หรือยัง? บางเรื่องเกี่ยวกับ Lalamove

b5

ภาพจาก goo.gl/XBT2Eh

  • คนขับรถของ LineMan ทุกคน คือคนของ Lalamove ทุกคน
  • สินค้าได้รับความนิยมสูงสุดคือการส่งอาหาร และถึงมือผู้รับไม่เกินหนึ่งชั่วโมง
  • ในปัจจุบัน LineMan ส่งสินค้า เกิดขึ้นที่แรกและที่เดียวในกรุงเทพมหานคร
  • คู่แข่งขันในการตลาดคือ GrabBike และ Skootar
  • Lalamove ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ให้คุณสามารถใช้บริการขนส่งตอนไหนก็ได้ตามความต้องการ
  • Lalamove สามารถขนส่งสินค้าขนาดไม่เกิน 20 กก.ด้วยรถมอเตอร์ไซค์ ขนส่งสินค้าขนาดไม่เกิน 100 กก.ได้ด้วยรถ 5 ประตู หรือขนาดไม่เกิน 1,000 กก.ด้วยรถกระบะ
  • ลูกค้าจะสามารถรับใบเสร็จทางอีเมล์ได้ หากคุณเซตอีเมล์ไว้ในแอป คุณจะได้รับใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ทุกครั้ง หลังจากงานขนส่งเสร็จสมบูรณ์ แต่คุณสามารถปิดฟีเจอร์นี้เองได้โดยเข้าไปที่หน้า “การตั้งค่า” ในแอป แต่หากคุณยังไม่ได้เซตอีเมล์ไว้ ก็แค่เข้าไปจัดการในหน้า”การตั้งค่า” และใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ก็จะเริ่มถูกจัดส่งให้คุณอัตโนมัติ

เราต้องจับตาดูว่า หลังจาก Lalamove ระดมทุนได้ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อขยายธุรกิจรองรับอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซบูม เมื่อธุรกิจได้รับความนิยม เชื่อว่า Lalamove คงต้องก้าวไปสู่การเป็นสตาร์ทอัพระดับ Unicorn อย่างแน่นอนคับ

อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ www.thaifranchisecenter.com/home.php

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช