“Girl Math” กลยุทธ์ดึงเงินลูกค้า ยอมจ่ายแบบเต็มใจ
Girl Math หรือแปลว่า คณิตศาสตร์แบบผู้หญิง ใช้พูดถึงวิธีการจับจ่ายใช้สอยที่มักจะมีข้ออ้างหรือเหตุผลแปลกๆมารองรับการใช้จ่ายของตัวเอง เป็นเทรนด์ฮิตใน TikTok โดยมีผู้เข้าชมใน #girlmath มากกว่า 55 ล้านครั้ง หากจะพูดให้เข้าใจง่ายอีกนิด Girl คือการซื้อสินค้าด้วยอารมณ์ความต้องการ” มากกว่าการใช้ “เหตุผล” สินค้าบางอย่างอาจไม่จำเป็นต้องซื้อ แต่ด้วยความอยากได้ก็มีเหตุผลมาเข้าข้างตัวเอง
ยกตัวอย่าง เช่น ซื้อของลดราคา = เหมือนได้ “กำไร” เพราะราคาจริงมันแพงกว่านี้
ใช้เงินสดหรือบัตรของขวัญ = ไม่ใช่เงินจริงนะ เหมือนได้ฟรี
ซื้อกาแฟวันละ 100 บาท = แค่ 3,000 บาทต่อเดือนเอง ถูกกว่าซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมตั้งเยอะ
หากใช้เงินไม่ถึง 150 บาท ถือว่าฟรี
หากเอาของไปเปลี่ยนที่ร้าน แล้วเพิ่มเงินอีกนิดหน่อย เพื่อได้ของแพงกว่า หมายความว่าได้ของใหม่ในราคาถูกลง
ซึ่งตรรกะ เหล่านี้ ทำให้ Girl Math กลายเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง และมีหลาย ๆ แบรนด์มองเห็นโอกาสในการทำการตลาดจากเทรนด์นี้ ตัวอย่างเช่น
- ร้านเครื่องสำอาง Ulta Beauty ที่ทำคอนเทนต์ว่า “เมื่อคุณใช้จ่าย 300 ดอลลาร์สหรัฐ ที่ Ulta Beauty แต่ใช้คะแนนสะสม Ultamate Rewards แลกส่วนลดทั้งหมด ก็ถือว่าได้ของมาฟรี” พร้อมติดแฮชแท็ก Girl Math
- Starbucks ซื้อครบจำนวนแก้วแล้วได้ฟรี 1 แก้ว หรือใช้พอยต์แลกกาแฟ ในมุมของ Girl Math แบบนี้คือ กินบ่อย = ใช้พอยต์แลก = กาแฟฟรี = กำไร!
- Apple ที่พนักงานขายมักให้แนวคิดเกี่ยวกับ Girl Math เช่น Apple Watch ราคา 10,000 ใช้ทุกวัน 2 ปี = วันละ 13.7 บาท” ถูกกว่าชานมไข่มุก!
- Lazada / Shopee มีฟีเจอร์ Coins, คูปองลด, Lucky Draw สำหรับแนวคิดแบบ Girl Math ใช้เหรียญลด = จ่ายน้อยลง = ไม่รู้สึกผิดเวลาจ่ายค่าสินค้า
Girl Math จึงไม่ใช่แค่เทรนด์ตลกๆ แต่กลายเป็น กลยุทธ์การตลาดที่ชาญฉลาด ในการดึงอารมณ์-ความรู้สึกของผู้ซื้อให้รู้สึกว่า “คุ้ม คุ้ม และคุ้ม” และยังมีวิธีที่แบรนด์นำเอา Girl Math ไปใช้ในการตลาดได้อีกหลากหลายเช่น
1.ใช้คอนเทนต์ตลก+ตรงใจ
รองเท้าคู่นี้ลด 50% เหลือ 990 จาก 1,980 เท่ากับซื้อรองเท้า 1 ข้างแค่ 495 บาท
2.เขียนแคปชั่นให้ลูกค้าอยากใช้ Girl Math
ซื้อครบ 1,000 ได้ของแถม = ได้ของฟรี = คุ้มมาก
3. สร้างแคมเปญ UGC (User-Generated Content)
ชวนลูกค้าโพสต์หรือรีวิวสินค้าพร้อมแฮชแท็ก #GirlMath เช่น “Girl Math ของฉันคือซื้อชุดนี้เพราะฉันจะใส่ 10 งาน = คุ้ม
4. ร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์สายตลก/ไลฟ์สไตล์ให้ครีเอเตอร์ทำคลิปโชว์ “ตรรกะ Girl Math” กับสินค้า
เช่น “ลิปสติกนี้ 599 แต่ใช้ได้ทุกวัน = ตกวันละไม่ถึง 20 บาท = เหมือนได้ฟรี
5. ทำ Pop Culture Tie-in
ถ้าสินค้าเกี่ยวข้องกับผู้หญิงก็สามารถจัดธีมแคมเปญ “Girl Math Day” ได้เลย เช่น “มาซื้อของกับเพื่อน = ใช้เงินแต่มีความสุข = ถือว่าคุ้ม”
แนวคิดแบบ Girl Math ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินได้ออกมาเตือนว่าให้ระวังถ้าใช้จ่ายแบบนี้อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ตามมาในภายหลัง ก็เป็นเหมือนดาบสองคมที่แบรนด์เองก็ต้องใช้วิธีนี้ด้วยความระมัดระวังเช่นกัน
อย่างไรก็ดีในแง่มุมดีๆ อีกด้านที่ผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวคือ Girl Math ช่วยให้มนุษย์ได้วางอารมณ์ และความอยากได้เอาไว้ก่อน และมองการซื้อนั้น ๆ ในมุมความคุ้มค่า โดยเฉพาะการซื้อของชิ้นใหญ่ ที่เราอาจไม่สามารถซื้อได้บ่อย
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)