Din Tai Fung ร้านติ่มซำไต้หวัน ที่ทำรายได้สูงสุดในอเมริกา

เมื่อพูดถึงอาหารจีนประเภท “ติ่มซำ” หนึ่งในชื่อที่คนทั่วโลกคุ้นหูมากที่สุดคือ ติ่น ไท่ ฟง (Din Tai Fung) ร้านอาหารจีนสัญชาติไต้หวัน ที่ขึ้นชื่อเรื่อง “เสี่ยวหลงเปา” หรือซาลาเปาไส้น้ำซุปสุดพิถีพิถัน ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเสี่ยวหลงเปาที่ดีที่สุดในโลก

แม้เมนูนี้จะมีต้นกำเนิดจากเซี่ยงไฮ้ และพบเห็นได้ทั่วไปตามร้านริมทาง แต่ ติ่น ไท่ ฟง สามารถยกระดับอาหารพื้นบ้านให้กลายเป็นประสบการณ์การรับประทานระดับโลก จนได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ 5 ครั้งที่ฮ่องกง และขยายสาขาไปแล้วกว่า 170 แห่ง ใน 13 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน ไทย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และแคนาดา ล่าสุดยังกลายเป็น เชนร้านอาหารที่มีรายได้เฉลี่ยต่อสาขาสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา

จากร้านน้ำมันเล็กๆ สู่ภัตตาคารระดับโลก

ภาพจาก https://citly.me/oCmG5

เรื่องราวของติ่น ไท่ ฟง เริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) โดย หยาง ปิ่งอี (Yang Bing yi) ชายหนุ่มจากมณฑลซานซี ประเทศจีน ที่อพยพมาอยู่ไต้หวันหลังสงครามกลางเมือง ซึ่งตอนนั้นเขามีเงินติดตัวอยู่ 20 ดอลลาร์สหรัฐ เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการเป็นพนักงานส่งของให้ร้านน้ำมันชื่อ Heng Tai Fung ก่อนจะตั้งตัวเปิดร้านของตนเองชื่อ Din Tai Fung โดยนำชื่อมาจากการรวมกันของ “Heng Tai Fung” ร้านเดิมที่เคยทำงาน และ “Din Mei Oil” ซัพพลายเออร์น้ำมันประจำ ธุรกิจดำเนินไปได้ดีในช่วงแรก แต่เมื่อสินค้าน้ำมันปรุงอาหารบรรจุขวดเข้ามาครองตลาด ธุรกิจเริ่มซบเซา ทำให้หยางต้องปรับตัว และในปี พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) เขาตัดสินใจแบ่งพื้นที่ร้านบางส่วนเพื่อขายอาหาร โดยเลือกเมนู “เสี่ยวหลงเปา” ที่ตนเองคุ้นเคย เมนูนี้ได้รับเสียงตอบรับดีเกินคาด จนในที่สุดปี พ.ศ. 2517 (ค.ศ. 1974) เขาตัดสินใจเลิกขายน้ำมัน และหันมาทำร้านอาหารเต็มตัวภายใต้ชื่อเดิม “Din Tai Fung”

จุดเปลี่ยนที่ทำให้ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

ภาพจาก https://citly.me/oCmG5

ตลอดเวลากว่า 20 ปี ติ่น ไท่ ฟง เป็นร้านเล็ก ๆ ที่เป็นที่รู้จักเฉพาะในหมู่นักชิมชาวไต้หวัน จนกระทั่งปี พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) นิตยสาร The New York Times ได้จัดให้ Din Tai Fung เป็น 1 ใน 10 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ชื่อร้านโด่งดังในระดับนานาชาติ หลังจากนั้น บุตรชายของผู้ก่อตั้ง หยาง จื่อฮวา (Yang Chi-Hua) เข้ามารับช่วงต่อ และเริ่มขยายสาขาไปยังต่างประเทศ โดยสาขาแรกเปิดที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) ก่อนจะขยายไปอีกหลายประเทศ

  • ปี 2000 เปิดสาขาแรกในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
  • ปี 2008 เปิดสาขาแรกในออสเตรเลีย
  • ปี 2010 เปิดสาขาในฮ่องกง
  • ปี 2018 เปิดสาขาแรกในลอนดอน อังกฤษ

ในปี พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010) ติ่น ไท่ ฟง สาขาฮ่องกง ได้รับ ดาวมิชลิน 1 ดาว ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ร้านอาหารจากไต้หวันได้รับรางวัลนี้ และยิ่งตอกย้ำชื่อเสียงของแบรนด์ในฐานะร้านอาหารจีนคุณภาพระดับโลก

สูตรความสำเร็จ ความสมบูรณ์แบบในทุกคำ

ภาพจาก https://citly.me/oCmG5

หัวใจสำคัญของติ่น ไท่ ฟง คือ “มาตรฐานและความละเอียด” ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่วัตถุดิบจนถึงบริการ

  • เสี่ยวหลงเปาแต่ละลูกต้องมี 18 จีบเท่ากัน
  • น้ำหนักแป้งและไส้ต้องพอดี คือ แป้ง 5 กรัม ไส้ 16 กรัม รวม 21 กรัมต่อชิ้น
  • น้ำซุปในไส้มาจากการเคี่ยวน้ำสต็อกกระดูกหมูและหนังหมูนานกว่า 5 ชั่วโมง ก่อนทำให้เย็นจนกลายเป็นวุ้นแล้วนำไปห่อในแป้ง
  • ทุกขั้นตอนปรุงในครัวกระจกโปร่งใส เพื่อให้ลูกค้าเห็นถึงความสะอาดและความตั้งใจ

นอกจากนี้ ทางร้านยังเน้นการบริการที่อบอุ่นและจริงใจ พนักงานทุกคนต้องผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มงวด เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด เพราะในมุมมองของติ่น ไท่ ฟง “ลูกค้าคือผู้วิจารณ์ที่ทรงคุณค่าที่สุด”

การบริหารยุคใหม่ของทายาทรุ่นที่ 3

ปัจจุบัน ธุรกิจในสหรัฐอเมริกาบริหารโดยหลานชายของผู้ก่อตั้งคือ Aaron Yang และ Albert Yang ซึ่งดำรงตำแหน่ง Co-CEOs ของ Din Tai Fung North America ทั้งสองได้ปรับแนวทางการบริหารให้ทันสมัยขึ้น โดยใช้ ข้อมูล (data) และเสียงจากลูกค้า (customer feedback) เป็นหัวใจสำคัญ ทีมงานจะติดตามรีวิวบน Yelp และ Google อย่างใกล้ชิด และนำความคิดเห็นมาพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โบนัสของพนักงานยังเชื่อมโยงกับคะแนนรีวิวที่ดีอีกด้วย

อัตลักษณ์ของแบรนด์ + ความเป็นสากล

ภาพจาก www.facebook.com/dintaifungUSA

แม้จะเป็นแบรนด์จีนแท้ แต่ Din Tai Fung เข้าใจดีถึงความแตกต่างของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ จึงมีการ ปรับเมนูให้เข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยไม่ทิ้งเอกลักษณ์ดั้งเดิม เช่น ในสหรัฐฯ ซึ่งคนส่วนใหญ่รับประทานไก่มากกว่าหมู ทางร้านได้พัฒนาเมนู เสี่ยวหลงเปาไก่ เกี๊ยวไก่ ข้าวผัดไก่ และเกี๊ยววีแกน เพื่อให้เข้ากับรสนิยมของลูกค้าอเมริกัน ขณะเดียวกันก็ยังคงรสชาติแบบจีนแท้ไว้ครบถ้วน

การตลาดแบบออร์แกนิกที่ทรงพลัง

แม้ Din Tai Fung แทบจะไม่ลงทุนทำการตลาด แต่แบรนด์กลับเติบโตจาก “การบอกต่อ” และ “ไวรัลคอนเทนต์” บนโซเชียลมีเดีย เช่น

  • คลิปเชฟคลึงแป้งในครัวกระจกใส
  • คลิปกัดเสี่ยวหลงเปาไส้ช็อกโกแลตเยิ้มๆ
  • คลิป “Everything I Ate at Din Tai Fung” ที่มีผู้ชมหลายล้านครั้งบน TikTok และ YouTube

การสื่อสารที่เป็นธรรมชาติและจริงใจเช่นนี้ ช่วยให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ทั่วโลกโดยไม่ต้องพึ่งการโฆษณาแบบดั้งเดิม

Din Tai Fung ทำรายได้สูงสุดในอเมริกา

ภาพจาก www.facebook.com/dintaifungUSA

จากรายงานของ Technomic (2024) พบว่า Din Tai Fung มีรายได้เฉลี่ยต่อสาขาสูงถึง 894 ล้านบาทต่อปี หรือเกือบ 2 เท่าของ The Cheesecake Factory และเกือบ 3 เท่าของ Nobu ปัจจุบัน Din Tai Fung มี 21 สาขาในสหรัฐอเมริกา และแคนาดา 1 สาขา เช่น อาริโซนา, แคลิฟอร์เนีย, เนวาดา, นิวยอร์ก, ออริกอน, วอชิงตัน และ บริติชโคลัมเบีย โดยปัจจัยที่ทำให้รายได้ต่อสาขาสูงมากมี 3 ข้อหลัก คือ

  1. ร้านมีขนาดใหญ่ รองรับลูกค้าได้มาก
  2. ลูกค้าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อบิลประมาณ 1,470 บาทต่อคน
  3. มีจำนวนลูกค้าหนาแน่นตลอดทั้งวัน

จุดเริ่มต้น Din Tai Fung ในไทย

ภาพจาก www.facebook.com/DinTaiFungTh

Din Tai Fung เข้าสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2554 (ค.ศ. 2011) โดยเปิดสาขาแรกที่ ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 3 ใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสาขาต่างประเทศยุคแรกๆ ของแบรนด์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้รับสิทธิ์แฟรนไชส์ในไทยอยู่ภายใต้การบริหารของ BreadTalk Group จากสิงคโปร์ ซึ่งมีความร่วมมือกับ Minor Food Group (ประเทศไทย) ในการขยายตลาดและดูแลมาตรฐานของแบรนด์ การเลือกเปิดตัวในทำเลระดับพรีเมียมเช่นนี้ สะท้อนชัดว่า Din Tai Fung ต้องการวางตำแหน่งเป็น “ภัตตาคารติ่มซำระดับโลก” ที่นำเสนอทั้งความหรูหรา ความพิถีพิถัน และความเป็นต้นตำรับ จุดแข็งสำคัญของ Din Tai Fung คือการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด ทั้งด้านวัตถุดิบ ขั้นตอนการปรุง และการบริการ พนักงานทุกคนต้องผ่านการอบรมตามมาตรฐานเดียวกับสำนักงานใหญ่ที่ไต้หวัน เพื่อให้มั่นใจว่าทุกสาขา “เสิร์ฟรสชาติเดียวกันทั่วโลก” ที่สำคัญยังมีการปรับเมนูให้เข้ากับรสนิยมของคนไทย แม้จะคงเอกลักษณ์แบบต้นตำรับไว้ แต่ Din Tai Fung ก็ปรับบางเมนูให้เหมาะกับคนไทย เช่น เสี่ยวหลงเปาไก่ สำหรับผู้ที่ไม่รับประทานหมู, เมนูข้าวผัด เกี๊ยว และอาหารจานเดียวที่ทานง่าย เพื่อเพิ่มความหลากหลายและขยายฐานลูกค้าในประเทศ

ภาพจาก www.facebook.com/DinTaiFungTh

ปัจจุบัน Din Tai Fung มีทั้งหมด 6 สาขาในประเทศไทย โดยตั้งอยู่ในศูนย์การค้าระดับพรีเมียมทั้งในกรุงเทพฯ และภูเก็ต ได้แก่

  • CentralWorld ชั้น 3
  • Central Embassy, ชั้น 5
  • Central Ladprao, ชั้น 1
  • Eight Thonglor, ชั้น G
  • One Bangkok, ชั้น G (The Storeys)
  • Jungceylon Phuket, ชั้น G

สรุป

กว่า 60 ปีของการเดินทางจากร้านห้องแถวในไทเป สู่ภัตตาคารระดับโลก ติ่น ไท่ ฟง (Din Tai Fung) พิสูจน์ให้เห็นว่า “ความสำเร็จ” ไม่จำเป็นต้องเกิดจากการโฆษณา หรือการขยายอย่างรวดเร็ว แต่เกิดจากความซื่อสัตย์ในคุณภาพ ความสม่ำเสมอ ปรับเมนูให้เข้ากับผู้บริโภคในแต่ละประเทศ และการเคารพลูกค้าอย่างแท้จริง วันนี้ ติ่น ไท่ ฟง ไม่เพียงเป็นตัวแทนของรสชาติไต้หวันในเวทีโลก แต่ยังกลายเป็นกรณีศึกษาทางธุรกิจที่แสดงให้เห็นว่า “อาหาร” เมื่อถูกทำด้วยมาตรฐานและหัวใจ ก็สามารถกลายเป็นแบรนด์ระดับโลกได้อย่างสง่างาม แหล่งข้อมูล

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช