CoCo Ichibanya ร้านแกงกะหรี่ชื่อดังจากญี่ปุ่น ยอดขายกว่า 20,000 ล้านบาท

ถ้าพูดถึงแฟรนไชส์ร้านอาหารในโลกนี้ ที่สามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า 20,000 ล้านบาท ด้วย “เมนูเดียว” เชื่อหลายคนอาจจะนึกไม่ถึง แต่ถ้าเอ่ยถึงแฟรนไชส์ร้านข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นที่ใหญ่สุดในโลกอย่าง CoCo Ichibanya ร้านแกงกะหรี่ชื่อดังจากญี่ปุ่น เชื่อว่าหลายคนต้องร้องอ๋อขึ้นมาทันที เรื่องราวของร้านอาหารแกงกะหรี่ญี่ปุ่น CoCo Ichibanya น่าสนใจอย่างไร ทำไมมีสาขาทั่วโลก

จุดเริ่มต้น CoCo Ichibanya

CoCo Ichibanya ร้านแกงกะหรี่ชื่อดังจากญี่ปุ่น
ภาพจาก www.ichibanya.co.jp

ต้องย้อนกลับไปดูเรื่องราวชีวิตของคุณ Tokuji Munetsugu (โทคุจิ มูเนสึงุ) ผู้ก่อตั้งร้านข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่น CoCo Ichibanya ที่มีสาขามากกว่า 1,450 แห่งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ

Tokuji Munetsugu (โทคุจิ มูเนสึงุ) เริ่มต้นจากการทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านเต้าหู้แห่งหนึ่งในสมัยที่เขายังเรียนชั้นมัธยมศึกษาในจังหวัดไอจิ เขาต้องตื่นตั้งแต่ตอนตี 5 ทุกวัน เพื่อไปขึ้นรถไฟขบวนแรกให้ทัน

หลังจากเขาสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมตอนปลาย ได้ไปสมัครงานที่บริษัท Yashima Kaihatsu Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่เห็นจากโฆษณาในหนังสือพิมพ์ และได้ทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งนี้ประมาณ 3 ปี ต่อมาในปี 1970 เขาได้ย้ายงานไปทำที่บริษัท Daiwa House Industry สาขานาโกย่า ซึ่งเป็นบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์เช่นเดิม ที่บริษัทแห่งนี้ทำให้คุณ Tokuji Munetsugu ได้พบกับคุณนาโอมิ (NAOMI) เพื่อนร่วมงานในบริษัท ต่อได้แต่งงานเป็นภรรยาคนปัจจุบันของเขา

2 ปีถัดมาหลังจากแต่งงาน เขาและภรรยาตัดสินใจออกจากงานเพื่อมาทำงานอิสระที่บ้าน เปิดบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ในปี 1973 โดยที่ชั้นล่างของบ้านของพวกเขาเป็นสำนักงาน แต่เจอกับภาวะเศรษฐกิจในสมัยนั้นไม่ค่อยดีนัก ทำให้รายได้จากการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่แน่นอน ยากต่อการดูเลี้ยงดูปากท้องของตัวเอง

ต่อมาปี 1974 คุณ Tokuji Munetsugu และภรรยา ได้ตัดสินใจเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ชื่อ Bacchus มีบริการอาหารเช้าด้วยในเมืองนาโกย่า ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีร้านกาแฟที่มีอาหารเช้า ทำให้ได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างรวดเร็ว เมื่อลูกค้ามีมากขึ้นเรื่อยๆ เขาทั้งสองจึงตัดสินใจเลิกทำธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ทันที

CoCo Ichibanya ร้านแกงกะหรี่ชื่อดังจากญี่ปุ่น
ภาพจาก www.ichibanya.co.jp

รู้หรือไม่ว่า ในร้านอาหารของพวกเขามีเมนูที่ขายดีที่สุด 1 อย่าง ก็คือ ข้าวราดแกงกะหรี่ เป็นเพียงแค่เมนูรองเท่านั้น แต่กลับขายดีกว่าเมนูอื่นๆ ในร้าน หลังจากนั้นในปี 1978 เขาและภรรยาจึงตัดสินใจเปิดร้านข้าวราดแกงกะหรี่อย่างเดียว ที่ Nishi-Biwajima-cho นอกเมืองนาโกย่า ชื่อว่า Coco Ichibanya (โคโค่ อิฉิบันยะ) แปลว่า “ที่นี่อร่อยที่สุด” ได้รับความนิยมจากลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนต้องขยายสาขาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

ในปี 1988 หลังจากเปิดร้านข้าวแกงกะหรี่ Coco Ichibanya มาได้ 10 ปี ปรากฏว่าร้านเติบโตอย่างรวดเร็ว มีสาขามากกว่า 500 แห่งในญี่ปุ่น และปี 2004 ขยายสาขาได้มากถึง 1,000 แห่ง

จุดเด่นของร้าน Coco Ichibanya คือ ลูกค้าสามารถเลือกรสชาติ ความเผ็ด ปริมาณข้าว ฯลฯ ได้ตามต้องการ โดยทางร้านให้ลูกค้าสามารถ “ทำแกงกะหรี่ได้ด้วยตัวเอง” ถือเป็นการสร้ามูลค่าและประสบการณ์ให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี ทำให้ทางร้านสามารถตั้งราคาข้าวแกงกะหรี่ได้สูงขึ้นเล็กน้อย (เฉลี่ย 800 ถึง 850 เยน)

สำหรับการขยายสาขาในต่างประเทศของร้านข้าวแกงกะหรี่ CoCo Ichibanya โดยนับตั้งแต่ปี 1994 ได้เปิดร้านสาขาแรกในต่างประเทศที่เกาะโออาฮูในฮาวาย ต่อมาได้ขยายสาขาไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชีย ยุโรป อเมริกา อาทิ จีน เกาหลีใต้ ฮ่องกง ไต้หวัน อินเดีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ไทย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา

ปัจจุบันร้านข้าวแกงกะหรี่ CoCo Ichibanya มีจำนวนมากกว่า 1,450 สาขาในญี่ปุ่นและต่างประเทศ เป็นแฟรนไชส์ร้านข้าวแกงกะหรี่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น

กลยุทธ์ความสำเร็จ CoCo Ichibanya

ภาพจาก www.facebook.com/cocoichibanyathailand

เชื่อหรือไม่ว่า ความสำเร็จของร้านข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่น คือ ลูกค้า พนักงาน และคู่ค้า ในสมัยที่คุณ Tokuji Munetsugu และภรรยาเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ในเมืองนาโกย่า แม้อยู่ในทำเลไม่ค่อยดีนัก แต่เขาเชื่อว่าหากตั้งทำเพื่อลูกค้า แสดงจริงใจ ลูกค้าก็จะกลับมา เขาเริ่มต้นด้วยการตกแต่งร้านใหม่ นำกระถางต้นไม้มาตั้งหน้าร้าน เพื่อสร้างความสดใสในตอนเช้า ทุกเช้าเวลาทำความสะอาดร้าน เขาจะกวาดบริเวณรอบๆ ร้านด้วย

เขาไม่เพียงแต่ให้การต้อนรับลูกค้าด้วยตัวเอง เขายังสอนพนักงานในภายหลังว่า “จงต้อนรับลูกค้าด้วยรอยยิ้ม” ทุกครั้งที่เดินเข้าร้าน ด้วยความมุ่งมั่นในการบริการลูกค้าอย่างจริงใจ จึงทำให้ร้านกาแฟของเขามีลูกค้าเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก

แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่ากับ เมนูที่ลูกค้าให้ความนิยมมากที่สุด ก็คือ แกงกะหรี่ ที่ภรรยาเขาเป็นคนทำ แม้ว่าจะใช้วัตถุดิบธรรมดา และก้อนกะหรี่สำเร็จรูปที่มีขายตามร้านทั่วไป แต่ลูกค้ากลับชอบมาก เขาและภรรยามองเห็นช่องทางการสร้างรายได้เพิ่ม ด้วยการให้บริการส่งถึงบ้าน หลังจากนั้นมีลูกค้าโทรสั่งเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นเขาและภรรยาจึงมั่นใจใน “ข้าวแกงกะหรี่”

หลังจากเปิดร้านขายแกงกะหรี่ ได้รับความนิยมจากลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งต้องเปิดสาขาที่ 2 โดยในช่วง 2-3 วันแรกมีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนเป็นจำนวนมาก แต่พอวันที่ 4 มีปัญหาเกิดขึ้น ลูกค้ากลับไม่มีเลย เขาจึงกลับไปนั่งฟังเสียงลูกค้าอีกครั้ง ลูกค้าบางคนบอกว่า “แกงกะหรี่ไม่ร้อน” หรือไม่ก็ “มันทอดเกรียมเกินไป”

จากปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ Tokuji Munetsugu ต้องกลับไปปรับปรุงในมุมของลูกค้า ทำความสะอาด ปรับปรุงใบพัดลมระบายอาหารใหม่ หลังจากนั้นเขาจึงรู้ว่า “ถ้าทำยอดขายได้ดีตั้งแต่วันแรก” เขาและภรรยาก็อาจไม่ได้มองปัญหาของลูกค้าเลย แม้จะเปลี่ยนจากร้านกาแฟมาเป็นร้านข้าวแกงกะหรี่ แต่เขาและภรรยาก็ไม่เคยลืมความรู้สึกดีใจ เมื่อลูกค้าเข้ามาใช้บริการในร้าน ไม่เคยลืมความรู้สึกขอบคุณที่มีต่อลูกค้า และยังคงมุ่งให้บริการลูกค้าอย่างดีที่สุด

เมื่อลูกค้าเข้ามาในร้าน สามารถเขียนไปรษณียบัตร เกี่ยวกับคำแนะนำ ข้อเสนอแนะ รวมถึงร้องเรียนปัญหาต่างๆ เข้ามายังร้านได้ ปัจจุบันร้าน “โคโค่ อิฉิบันยะ” ทุกสาขาจะมีไปรษณียบัตรสาหรับให้ลูกค้าแสดงความคิดเห็นวางอยู่

โดยทุกเช้า Tokuji Munetsugu จะมาถึงร้านประมาณตี 5 ถึง 6 โมงเช้า และใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงนั่งอ่านไปรษณียบัตร ที่ถูกส่งจากลูกค้ามายังบริษัทกว่าวันละ 1,000 ฉบับ ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ หรือปัญหาที่ควรปรับปรุง เขาจะรีบสั่งการปรับปรุงแก้ไขทันที หากวันไหนอ่านไปรษณียบัตรไม่ครบ เขาจะเก็บเอาไปอ่านต่อที่บ้านด้วย

แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการให้ลูกค้าส่งคำแนะนำ ข้อเสนอแนะต่างๆ ทางไปรษณียบัตร จะเป็นการลงทุนมหาศาล แต่เขาก็มีความยินดีในการลงทุน เพื่อต้องการปรับปรุงร้านและอาหารให้ดีที่สุด

เติบโตเร็ว…ด้วยแฟรนไชส์

CoCo Ichibanya ร้านแกงกะหรี่ชื่อดังจากญี่ปุ่น
ภาพจาก www.facebook.com/cocoichibanyathailand

ร้านข้าวแกงกะหรี่ CoCo Ichibanya เริ่มขาย่แฟรนไชส์เมื่อปี 1990 คุณ Tokuji Munetsugu จะไม่เรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์และเปอร์เซ็นต์จากยอดขาย เพราะต้องการให้แฟรนไชส์ซ๊มีรายได้ มีกำไรจริงๆ แต่แฟรนไชส์ซีจะต้องซื้อวัตถุดิบบริษัทของเขา

จุดเด่นของระบบแฟรนไชส์ร้าน Tokuji Munetsugu ผู้ที่จะซื้อแฟรนไชส์จะต้องเข้าไปเป็นพนักงานบริษัทก่อน บริษัทจะสอนและฝึกอบรมทุกเรื่อง ตั้งแต่วิธีการทำแกงกะหรี่ ความใส่ใจในลูกค้า วิธีการบริหารจัดการลูกน้องและสาขา

เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับผู้ซื้อแฟรนไชส์ได้มีทักษะในการบริหารจัดการธุรกิจที่จำเป็น เมื่อออกไปตั้งร้านของตัวเอง โดยปกติผู้ที่จะซื้อแฟรนไชส์จะต้องเป็นพนักงานบริษัทประมาณ 5 ปี อย่างเร็วสุด 2 ปีเท่านั้น

นอกจากนี้ ระบบแฟรนไชส์ร้าน Tokuji Munetsugu มีชื่อว่า Bloom System มาจากความตั้งใจที่จะให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์สามารถเติบโตและเบ่งบานได้ในอนาคต เรียกได้ว่ามีการฝึกอบรม สอนพนักงานให้ออกไปเป็นผู้บริหารอย่างแท้จริง

โมเดลรายได้ CoCo Ichibanya

CoCo Ichibanya ร้านแกงกะหรี่ชื่อดังจากญี่ปุ่น
ภาพจาก www.facebook.com/cocoichibanyathailand
  • รายได้จากการขายเมนูข้าวแกงกะหรี่
  • รายได้จากการขายเมนูอื่นๆ เช่น เครื่องดื่ม ขนม
  • รายได้ส่วนเพิ่มจากการขายเมนูที่ปรับตามความชอบ
  • รายได้จากการขยายสาขาจำนวนมาก
  • รายได้จากการขายแฟรนไชส์
  • รายได้จากการขายเดลิเวอรี่
  • รายได้จากการขายซอสแกงกะหรี่
  • รายได้จากการควบรวมธุรกิจอื่นๆ

คุณค่าที่แบรนด์ CoCo Ichibanya นำเสนอ

CoCo Ichibanya ร้านแกงกะหรี่ชื่อดังจากญี่ปุ่น
ภาพจาก www.facebook.com/cocoichibanyathailand
  • ข้าวแกงกะหรี่ที่ลูกค้าปรับแต่งเมนูได้ตามใจชอบ
  • สามารถปรับลดปริมาณข้าว และปรับลดราคาได้
  • มีท็อปปิ้งหลากหลายให้ลูกค้าเลือกตามใจชอบ
  • สูตรเฉพาะของทางร้าน
  • มีเมนูสำหรับครอบครัวและเด็ก
  • ร้านแกงกะหรี่อันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่น
  • มีซอสแกงกะหรี่ขายเป็นเอกลักษณ์
  • เปิดขายแฟรนไชส์ให้กับนักลงทุนที่สนใจ
  • ใช้ระบบวัดตวงเพื่อความเป็นมาตรฐานทุกสาขา
  • สามารถชำระเงินได้หลากหลายช่องทาง
  • รับฟังปัญหาลูกค้า และปรับปรุงแก้ทันที

CoCo Ichibanya ในไทย

CoCo Ichibanya ร้านแกงกะหรี่ชื่อดังจากญี่ปุ่น
ภาพจาก www.facebook.com/cocoichibanyathailand

สำหรับในประเทศไทย แฟรนไชส์ร้านข้าวแกงกะหรี่ CoCo Ichibanya เข้ามาเปิดตลาดในปี 2008 โดยกลุ่ม Fuji Group ซึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหาร ฟูจิ ซูชิซึคิจิ และโคโค่อิชิบันยะ ปัจจุบันมีจำนวน 46 สาขาทั่วประเทศ

และในปัจจุบัน กลุ่ม Fuji Group ได้ควบรวมเป็นบริษัท ทนา กรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่น ฟูจิ, ร้านแกงกะหรี่ญี่ปุ่น โคโค่ อิฉิบันยะ, ร้านอาหารชอบ บราสเซอรี และโรงแรมทนา สปริง รีสอร์ท

CoCo Ichibanya ร้านแกงกะหรี่ชื่อดังจากญี่ปุ่น
ภาพจาก www.facebook.com/cocoichibanyathailand

รายได้กลุ่มบริษัท ทนา กรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

  • ปี 2563 รายได้ 1,541.8 ล้านบาท กำไร 88.3 ล้านบาท
  • ปี 2564 รายได้ 1,303 ล้านบาท กำไร 26.6 ล้านบาท
  • ปี 2565 รายได้ 1,774.5 ล้านบาท กำไร 133.4 ล้านบาท
  • ปี 2566 รายได้ 1,712 ล้านบาท กำไร 78.3 ล้านบาท
  • ปี 2567 รายได้ 1,584.9 ล้านบาท กำไร 53.6 ล้านบาท

นั่นคือ เรื่องราวและกลยุท์ของแฟรนไชส์ร้านอาหารจากญี่ปุ่น ร้านข้าวแกงกะหรี่ CoCo Ichibanya ที่สามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า 20,000 ล้านบาท ด้วย “เมนูเดียว”

อ้างอิง

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช