Chipotle ร้านอาหารเม็กซิกันระดับโลก ที่มีมูลค่าบริษัทแซงหน้า KFC และ Pizza Hut
ในวงการธุรกิจร้านอาหารจานด่วนหรือฟาสต์แคชชวล (Fast-Casual) ชื่อของ “Chipotle Mexican Grill” หรือ “ชิโปเล่” อาจไม่ได้คุ้นหูสำหรับบางคนในประเทศไทยเท่ากับแบรนด์อย่าง Taco Bell หรือ McDonald’s แต่ในสหรัฐอเมริกา Chipotle คือหนึ่งในแบรนด์อาหารเม็กซิกันที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแบรนด์หนึ่ง
ไม่เพียงแค่ยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง หากแต่มูลค่าบริษัทของ Chipotle ยังสูงกว่า Yum! Brands เจ้าของ Taco Bell, Pizza Hut และ KFC รวมกันเกือบเท่าตัว
บทความนี้จะพาไปสำรวจเส้นทางของ Chipotle ตั้งแต่จุดเริ่มต้นในฐานะร้านเล็ก ๆ จนถึงการพลิกวิกฤติครั้งใหญ่โดยผู้นำคนสำคัญ และเบื้องหลังกลยุทธ์ที่ทำให้แบรนด์นี้กลายเป็นกรณีศึกษาระดับโลก
ก่อนอื่นมาดูภาพรวมมูลค่าตลาดฟาสต์แคชชวลในสหรัฐฯ
- ปี 2024 ประมาณ 45.58 พันล้านเหรียญสหรัฐ
- ปี 2034 คาดการณ์ว่าจะสูงถึง 84.76 พันล้านเหรียญสหรัฐ
คาดการณ์ว่าจะเติบโตด้วยอัตรา CAGR (อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี) ประมาณ 6.40% ในช่วงปี 2025-2034
ปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโต
- การสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ และการนำเสนอตัวเลือกที่ปรับแต่งได้มากขึ้น
- การสร้างบรรยากาศในการรับประทานอาหารที่ดีกว่าร้านฟาสต์ฟู้ดทั่วไป เช่น การมีพื้นที่นั่งรับประทานที่สะดวกสบายและทันสมัย
- ผู้บริโภคที่ต้องการอาหารที่ปรุงสดใหม่และมีคุณภาพ แต่ยังคงต้องการความสะดวกและความรวดเร็ว
จุดเริ่มต้นของ Chipotle

Chipotle Mexican Grill ก่อตั้งขึ้นในปี 1993 โดย Steve Ells อดีตเชฟจากร้านอาหารหรูในซานฟรานซิสโก ผู้มีความฝันอยากเปิดร้านอาหารระดับไฮเอนด์เป็นของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อจำกัดด้านเงินทุน เขาจึงตัดสินใจเริ่มต้นจากร้านอาหารขนาดเล็กที่เน้นขายอาหารเม็กซิกันอย่างเบอร์ริโตและทาโก้ ที่เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด โดยใช้เงินทุน 85,000 ดอลลาร์ที่ยืมมาจากครอบครัวและเพื่อนฝูง
ร้าน Chipotle ได้รับความนิยมเกินคาดหมาย ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ยอดขายเพิ่มขึ้นจากที่คาดไว้เพียงวันละ 100 ชิ้น กลายเป็นวันละ 1,000 ชิ้น และสามารถคืนเงินลงทุนได้ภายในไม่กี่เดือน
การเติบโตแบบก้าวกระโดด
ความสำเร็จของ Chipotle ดึงดูดความสนใจของนักลงทุนรายใหญ่ หนึ่งในนั้นคือ McDonald’s ที่เข้ามาลงทุนในปี 1998 การเข้ามาของ McDonald’s ช่วยให้ Chipotle สามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว
จากเดนเวอร์ไปสู่เมืองใหญ่ทั่วสหรัฐฯ อย่าง นิวยอร์ก, ชิคาโก, ไมอามี และอื่นๆ จาก 14 สาขา เพิ่มขึ้นเกือบ 500 สาขาภายใน 7 ปี และนำไปสู่การเข้า IPO (เสนอขายหุ้นต่อสาธารณะ) ในปี 2006
ในปีเดียวกันนั้น McDonald’s ตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมดคืน เนื่องจากต้องการกลับไปโฟกัสกับแบรนด์ของตนเอง แม้จะยุติความสัมพันธ์ในฐานะนักลงทุน แต่การสนับสนุนของ McDonald’s ได้วางรากฐานสำคัญให้ Chipotle เติบโตสู่ระดับประเทศ
ความท้าทายของแบรนด์

แม้ว่า Chipotle จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่อีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่เกือบทำให้บริษัทต้องล้ม คือกรณีการปนเปื้อนเชื้อ E. coli ในวัตถุดิบอาหารในช่วงปี 2015–2018
เหตุการณ์นี้สร้างผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งต่อชื่อเสียง ยอดขาย และราคาหุ้น จนถึงขั้นที่ Steve Ells ผู้ก่อตั้ง ต้องลาออกจากตำแหน่ง CEO เพื่อรับผิดชอบต่อวิกฤติที่เกิดขึ้น
การกลับมาครั้งใหญ่ของ Chipotle
ในปี 2018 จุดเปลี่ยนสำคัญได้เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อ Brian Niccol อดีต CEO ของ Taco Bell ถูกดึงตัวเข้ามานั่งเก้าอี้ CEO ของ Chipotle โดย Brian นำประสบการณ์จากวงการอาหารจานด่วนมาปรับใช้กับ Chipotle โดยเน้นไปที่
- ปรับปรุงมาตรฐานด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของวัตถุดิบ
- ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า ด้วยการเปิดบริการ “Chipotlane” ช่อง Drive-thru
- สำหรับสั่งอาหารออนไลน์
- ขยายแพลตฟอร์ม Digital Kitchen และ Delivery
- เพิ่มการตลาดดิจิทัล และโซเชียลมีเดีย
- สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ใส่ใจพนักงาน
ผลลัพธ์ออกมาชัดเจนว่า ภายในไม่กี่ปี ราคาหุ้นของ Chipotle เพิ่มขึ้นเกือบ 7 เท่า นับตั้งแต่วันแรกที่เขารับตำแหน่ง
กลยุทธ์ที่ทำให้ Chipotle แตกต่าง
แม้ Chipotle จะอยู่ในตลาดเดียวกับแบรนด์ใหญ่อย่าง Taco Bell แต่สิ่งที่ทำให้ Chipotle แตกต่างอย่างชัดเจน คือ
1. เมนูน้อย แต่เน้นคุณภาพ

Chipotle มีเมนูหลักเพียง 4 อย่าง คือ
- Taco
- Burrito
- Burrito Bowl
- สลัด
เมนูทั้งหมดใช้วัตถุดิบพื้นฐานชุดเดียวกัน เช่น ข้าว เนื้อ ผัก แผ่นแป้ง และซอสต่างๆ ซึ่งช่วยให้บริหารจัดการวัตถุดิบได้ง่าย ลดของเสีย และเสิร์ฟอาหารได้รวดเร็ว
2. วัตถุดิบสดใหม่ และใส่ใจสุขภาพ
Chipotle ยึดมั่นในแนวทาง Food with Integrity โดยใช้เนื้อสัตว์ที่ไม่มีฮอร์โมนหรือยาปฏิชีวนะ ผักปลอด GMO ไม่มีสารกันบูด และเน้นวัตถุดิบจากฟาร์มท้องถิ่นเมื่อเป็นไปได้ ซึ่งตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพและความโปร่งใสของอาหาร
3. ไม่มีระบบแฟรนไชส์
ต่างจาก Taco Bell ที่ใช้โมเดลแฟรนไชส์ Chipotle บริหารร้านเองทั้งหมด ทำให้ควบคุมคุณภาพและมาตรฐานได้อย่างเข้มงวด
4. รสชาติดั้งเดิม ไม่ปรับแต่งสไตล์ Tex-Mex
Chipotle ยึดรสชาติต้นตำรับอาหารเม็กซิกัน ต่างจากแบรนด์ Taco Bell ที่ปรับรสชาติให้ถูกปากชาวอเมริกันในรูปแบบ Tex-Mex
ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Chipotle
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Chipotle Mexican Grill ส่วนใหญ่เป็นสถาบันการเงินระดับโลก โดยปัจจุบันมีผู้ถือหุ้นหลัก ได้แก่
1.The Vanguard Group
ถือหุ้นประมาณ 8.9% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
2.BlackRock, Inc.
ถือหุ้นประมาณ 8.1%
ทั้งสองบริษัทนี้เป็นผู้จัดการกองทุนรายใหญ่ของโลก และมักถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่หลายแห่งในสหรัฐฯ
นอกจากนี้ Brian Niccol อดีต CEO ผู้พลิกฟื้นแบรนด์ Chipotle ก็ยังคงถือหุ้นอยู่ด้วยเช่นกัน โดยถืออยู่ประมาณ 0.1% แม้สัดส่วนจะไม่มากนัก แต่ก็สะท้อนถึงความผูกพันระยะยาวกับบริษัทที่เขาเคยนำพาผ่านช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญ
ผลประกอบการของ Chipotle (2019 – 9 เดือน 2024)

ในช่วง 5 ปี Chipotle เติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งด้านรายได้ กำไร และจำนวนสาขา โดยเฉพาะในช่วงหลังโควิด-19 ที่พฤติกรรมผู้บริโภคหันมาสนใจอาหารสุขภาพและสั่งออนไลน์มากขึ้น ทำให้ Chipotle สามารถเร่งการเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ปี 2019 รายได้ 5.59 พันล้านเหรียญ กำไร 0.35 พันล้านเหรียญ / จำนวน 2,622 สาขา
- ปี 2020 รายได้ 5.98 พันล้านเหรียญ กำไร 0.35 พันล้านเหรียญ / จำนวน 2,768 สาขา
- ปี 2021 รายได้ 7.55 พันล้านเหรียญ กำไร 0.65 พันล้านเหรียญ / จำนวน 2,940 สาขา
- ปี 2022 รายได้ 8.63 พันล้านเหรียญ กำไร 0.90 พันล้านเหรียญ / จำนวน 3,187 สาขา
- ปี 2023 รายได้ 9.87 พันล้านเหรียญ กำไร 1.23 พันล้านเหรียญ / จำนวน 3,437 สาขา
9 เดือนแรก ปี 2024 รายได้ 8.47 พันล้านเหรียญ กำไร 1.20 พันล้านเหรียญ / จำนวน 3,650 สาขา
แนวโน้มและโอกาสธุรกิจที่น่าสนใจ

รายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี โดยเฉพาะช่วงปี 2021–2023 มีอัตราเติบโตเฉลี่ยเกือบ 15% ต่อปี
กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า จากปี 2019 ถึง 2023 สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุน และการบริหารที่แข็งแกร่ง
จากตัวเลขดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของบริษัทอย่างต่อเนื่องในทุกด้าน ทั้งรายได้ กำไร และการขยายสาขา
มูลค่าบริษัท แซงหน้า Yum! Brands อย่างชัดเจน
ในปี 2025 มูลค่าตลาดของ Chipotle อยู่ที่ประมาณ 2.5 ล้านล้านบาท
ในขณะที่ Yum! Brands ซึ่งเป็นเจ้าของ KFC, Pizza Hut และ Taco Bell มีมูลค่ารวมราว 1.4 ล้านล้านบาท
แม้จะมีจำนวนสาขาน้อยกว่า แต่ Chipotle มีประสิทธิภาพในการสร้างรายได้ต่อสาขาสูงกว่ามาก
การเปลี่ยนผ่านอีกครั้ง ล่าสุดในปี 2025 Brian Niccol ประกาศลาออกจากตำแหน่ง CEO ของ Chipotle เพื่อไปรับตำแหน่ง CEO ของ Starbucks
ข่าวนี้ส่งผลให้ราคาหุ้นของ Chipotle ร่วงลงถึง -7.5% ขณะที่หุ้นของ Starbucks ปรับตัวขึ้น +24.5% สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนมองว่า “ผู้นำ” มีบทบาทสำคัญไม่แพ้ตัวธุรกิจ
5 เรื่องน่าประหลาดใจเกี่ยวกับ Chipotle ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้

Chipotle หนึ่งในเชนร้านอาหารสไตล์เม็กซิกันที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ไม่ได้มีดีแค่รสชาติสดใหม่และวัตถุดิบคุณภาพเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องราวเบื้องหลังที่น่าสนใจไม่น้อย มาดูกันว่า 5 เรื่องต่อไปนี้จะทำให้คุณมอง Chipotle ในมุมใหม่แค่ไหน
1. จดเริ่มต้นจากชื่อที่ต่างออกไป
ในช่วงก่อตั้งแรกเริ่ม ร้าน Chipotle เคยใช้ชื่อว่า “Chipotle’s” แต่ผู้ก่อตั้ง Steve Ells รู้สึกว่าชื่อดังกล่าวฟังดูไม่เป็นธรรมชาติและยาวเกินไป จึงตัดสินใจตัดเครื่องหมาย “’s” ออก เหลือเพียงคำว่า “Chipotle” ที่สั้น เรียบง่าย และจดจำได้ง่ายกว่า
2. ความสัมพันธ์กับ McDonald’s
ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 McDonald’s เคยเป็นหนึ่งในนักลงทุนรายใหญ่ของ Chipotle และถึงขั้นพิจารณาเข้าซื้อกิจการทั้งหมด แต่สุดท้าย McDonald’s ตัดสินใจขายหุ้นออกในปี 2006 เพื่อมุ่งเน้นธุรกิจหลักของตนเอง การตัดสินใจครั้งนั้นทำให้ Chipotle ได้เดินหน้าสู่ดำเนินงานที่เป็นอิสระอย่างเต็มตัว
3. ผู้บุกเบิกแห่งวงการ Fast-Casual
Chipotle ถือเป็นร้านอาหารประเภท Fast-Casual แห่งแรกที่เข้าสู่ตลาดหุ้น ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้แบรนด์เติบโตอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นผู้นำในกลุ่มร้านอาหารที่ผสมผสานความสะดวกของฟาสต์ฟู้ดเข้ากับคุณภาพของอาหารภัตตาคาร
5. เมนูลับที่ไม่ได้ลับ
แม้ว่า Chipotle จะไม่มี “เมนูลับ” อย่างเป็นทางการ แต่ลูกค้าประจำต่างรู้กันดีว่ามีเมนูพิเศษซ่อนอยู่ เช่น “Queso Burrito” หรือ “Burritodilla” ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างเบอร์ริโตและเคซาดิยา เพิ่มรสชาติและความแปลกใหม่ ช่วยสร้างประสบการณ์ในการรับประทานอาหาร
6. ความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนและจริยธรรม
Chipotle เป็นหนึ่งในร้านอาหารยุคแรกๆ ที่ประกาศใช้วัตถุดิบ ปลอด GMO (Non-GMO) อย่างจริงจัง รวมถึงให้ความสำคัญกับจริยธรรมในการจัดหาวัตถุดิบ โดยคัดเลือกซัพพลายเออร์ที่คำนึงถึงสวัสดิภาพสัตว์และสิ่งแวดล้อม
สรุป Chipotle คือ กรณีศึกษาทางธุรกิจที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจากร้านเล็กๆ ก้าวผ่านวิกฤติครั้งใหญ่ พลิกฟื้นด้วยการเลือกใช้ผู้นำที่เหมาะสม และยังคงพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ด้วยแนวทางที่แตกต่างจากคู่แข่ง
ทำให้แบรนด์นี้แสดงให้เห็นว่า การเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด และทำให้ดีที่สุด จนสามารถนำพาองค์กรไปสู่ความยิ่งใหญ่ได้ แม้ในอุตสาหกรรมร้านอาหารที่มีการแข่งขันสูง ที่สำคัญแม้จะเคยเกือบล้มมาแล้วก็ตาม
แหล่งข้อมูล
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)




