Chaos Packaging วิธีเปลี่ยนกล่องสินค้า เป็นเงินล้าน

ยิ่งเด่นคนยิ่งสนใจ ยิ่งมีคนสนใจก็ยิ่งขายดี เป็นแนวคิดเบื้องต้นของการ “สร้างแบรนด์” ให้มีความแตกต่างที่นำไปสู่การเพิ่มยอดขาย ในยุคที่ผู้บริโภคถูกล้อมรอบด้วยสินค้าและแบรนด์นับไม่ถ้วน “Packaging” จึงไม่ใช่แค่หีบห่อ แต่เป็นตัวสร้าง “อารมณ์” และ “การตัดสินใจซื้อ” อย่างแท้จริง สะท้อนได้จากตัวเลขที่น่าสนใจคือ

  • 88% ของผู้บริโภคให้ความสำคัญกับข้อมูลที่แสดงบนบรรจุภัณฑ์ ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า
  • 81% ของผู้บริโภคเคยลองซื้อสินค้าชิ้นใหม่เพราะบรรจุภัณฑ์ที่ดึงดูดสายตา
  • 72% ของผู้บริโภคกล่าวว่าการออกแบบบรรจุภัณฑ์มีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า
  • 66% ของผู้บริโภคเคยลองสินค้าชิ้นใหม่เพราะบรรจุภัณฑ์ที่สะดุดตา

Chaos Packaging กลยุทธ์การสร้างสินค้า “ให้เด่นสะดุดตา”

Chaos Packaging วิธีเปลี่ยนกล่องสินค้า

ตามทฤษฏีพื้นฐานแพ็คเกจจิ้งต้องออกแบบให้สวยงาม ทนทาน หรือใช้งานง่าย สื่อถึงตัวตนของแบรนด์นั้นๆ แต่ในมุมของ Chaos Packaging จะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเรียกว่า“ตั้งใจแหกทุกกฎ” เพื่อเรียกความสนใจ และปลุกความอยากรู้อยากลองของผู้บริโภค

Chaos Packaging คือแนวคิดการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ตั้งใจ สร้างความสงสัยเพื่อกระตุ้นความสนใจ เน้นความแหวกแนว เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่อย่าง Gen Z และ Millennial สอดคล้องกับข้อมูลของ Global Wellness Institute (GWI) ที่ระบุว่า 76% ของผู้บริโภค Gen Z ชอบแบรนด์ที่ “แปลก แหวกแนว และไม่ซ้ำใคร และข้อมูลจากงานวิจัยของ Designalytics ที่พบว่า แบรนด์ที่เปลี่ยนไปใช้ดีไซน์แบบ “แหวกแนว” มียอดขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 23%

Chaos Packaging วิธีเปลี่ยนกล่องสินค้า
ภาพจาก www.facebook.com/drinkpoppi

ถ้าให้อธิบายว่าแบบไหนคือ Chaos Packaging ก็คงต้องให้จินตนาการถึงแพ็กเกจจิ้งที่เน้นการใช้สีฉูดฉาดตัดกันแรงๆ , หรือการจัดองค์ประกอบแบบไร้รูปแบบ บางแบรนด์อาจใช้การผสมตัวอักษรหลากฟอนต์และจัดวางแบบตามใจ เน้นความดิบและตั้งใจที่จะไม่เป๊ะ ยกตัวอย่างเช่น

  • Poppi แบรนด์โซดาเพื่อสุขภาพที่วางขายในอเมริกา เน้นทำแพ็กเก็จจิ้งที่ใช้โทนสีตัดกันแรงๆ ฟอนต์ยุ่งเหยิง วางภาพประกอบแบบไม่ได้จัดเรียง แต่กลับเป็นแพ็กเกจจิ้งที่คนสนใจ ขนาดทำให้ยอดขายพุ่งกว่า 2 เท่าในเวลา 6 เดือน
  • Mogu Mogu น้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าวสัญชาติไทยที่เน้นบรรจุภัณฑ์สีสด ฟอนต์แน่นๆ แต่กลับสร้างภาพจำให้ลูกค้าได้ดี โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ เป็นต้น
  • Vacation Sunscreen ครีมกันแดดในกระป๋องวิปครีม ทำแพ็กเกจจิ้งให้ดูเหมือนกระป๋องวิปครีม ที่ดูแปลกและแตกต่างในเรื่องของดีไซน์จนกลายเป็นไวรัล และเป็นสินค้าขายดีด้วย
  • Graza Olive Oil ที่เลือกทำแพ็กเกจจิ้งโดยใส่น้ำมันมะกอกในขวดพลาสติกแบบบีบ เหมือนซอสมะเขือเทศ ให้ใช้งานง่าย ไม่หกเลอะ ก็เป็นอีกดีไซน์ที่ไม่เหมือนใครเช่นกัน

ถามว่า Chaos Packaging ทำแล้วดียังไง ก็มีหลายเหตุผลที่ควรรู้เช่น

  • ทำให้สินค้าสะดุดตาท่ามกลางคู่แข่ง
  • สร้างคาแรกเตอร์แบรนด์ได้ชัดเจน
  • กระตุ้นให้เกิดกระแสไวรับ ทำให้คนแชร์ในโซเชี่ยลได้ง่าย
  • เหมาะกับสินค้ากลุ่มไลฟ์สไตล์-แฟชั่น-ขนม-เครื่องดื่ม-ความงาม
  • จับกลุ่มลูกค้าใหม่ได้มากขึ้นโดยเฉพาะวัยรุ่น

แต่ไม่ใช่นึกจะทำ Chaos Packaging ก็ลุกมาทำได้เลย แม้จะเป็นแพ็กเกจจิ้งที่ดูไม่สนระเบียบ อาจไม่สวยในสายตาใคร ก็จำเป็นต้องอยู่ภายใต้ต้องวางแผนและทดลองให้ดี แม้จะแหวกแค่ไหน ก็ต้องสื่อสารให้เข้าใจว่าสินค้าคืออะไร ถ้าลูกค้าไม่เข้าใจว่าเป็นสินค้าอะไรก็ไม่อาจเพิ่มยอดขายได้

และควรเริ่มจากการทดลองใช้กับสินค้า Limited Edition หรือสินค้าชุดพิเศษ เพื่อเพื่อทดลองตลาดก่อน เพื่อศึกษาให้เหมาะกลุ่มเป้าหมาย และอย่าลืมว่าเทคนิคการพิมพ์พิเศษ วัสดุหลากสีสัน อาจมีต้นทุนสูงขึ้น จำเป็นต้องประเมินความเสี่ยงให้ดีและวางแผนในการทำ Chaos Packaging ที่มั่นใจว่าจะทำให้เกิดประสิทธิภาพได้มากที่สุด

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด