7 ข้อดีที่SME ได้รับเมื่อแจ๊คหม่าลงทุนในไทยกว่าหมื่นล้านบาท

ข่าวใหญ่ในวงการธุรกิจหลังช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาคือการที่ แจ๊คหม่า เจ้าพ่อธุรกิจ E-Commerce จากจีน ได้เข้ามาลงนามเอ็มโอยูกับรัฐบาลไทยเป็น 4 ฉบับ เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา

แน่นอนว่างานนี้หลายฝ่ายที่ออกมาแสดงความคิดเห็นทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ประเด็นที่ทำให้คนถกเถียงกันมากที่สุดคือกลัวที่จะโดน Alibaba ผูกขาดตลาดการค้าออนไลน์ในประเทศไทย

รวบถึงกลัวว่าจะเป็นการกินรวบธุรกิจ SME เมืองไทย แม้ แจ๊คหม่า จะให้เหตุผลว่าการเข้ามาครั้งนี้เพื่อมุ่งสร้างและพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจให้แข็งแกร่งและเติบโตไปพร้อมกันได้มากขึ้น

เจ้าพ่อธุรกิจ

ภาพจาก goo.gl/LczY2v , goo.gl/yCCtGM

อย่างไรก็ดี www.ThaiSMEsCenter.com ในฐานะที่คลุกคลีกับวงการ SME มานานมองเรื่องนี้ในเชิงธุรกิจที่จำเป็นที่ต้องมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งหากจะวิเคราะห์เจาะลึกว่าตกลงแล้วมีส่วนได้หรือส่วนเสียมากกว่ากันก็คงจะเป็นเรื่องที่เดาใจการทำธุรกิจในระยะยาวของ แจ๊คหม่า ได้ยาก ซึ่งเราคงต้องมาลองดูเหตุผลกันทีละประเด็นว่า มีข้อดีอะไรบ้างที่เหล่า SME จะได้รับจากการลงทุนของแจ๊คหม่า ครั้งนี้

ทำไมแจ๊คหม่าต้องเลือกลงทุนในประเทศไทย

q5

ภาพจาก goo.gl/axdNNn

ก่อนจะทำความเข้าใจว่าเราได้อะไร ต้องมารู้ก่อนว่าแจ๊คหม่ามาลงทุนในเมืองไทยเพราะอะไร ในมุมมองของแจ๊คหม่ามองว่าในอนาคตธุรกิจ SME จะกลายเป็นธุรกิจหลักของโลก โดยประมาณว่าทั่วโลกจะมีสัดส่วนธุรกิจ SME ถึงกว่า 80%

ขณะที่บริษัทในรูปแบบขนาดใหญ่จะลดลง ส่วนรูปแบบธุรกิจก็จะเปลี่ยนไปจากปัจจุบันที่เป็นแบบ B2B หรือ B2C ก็จะกลายเป็น C2C หรือ C2B นอกจากนี้ประเทศจีนยังมีแผนที่จะเปิดประเทศเต็มรูปแบบในอีก 5 ปีนับจากนี้ โดยมีการคาดการณ์กันว่า จีนจะต้องการนำเข้าสินค้ามูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ซึ่งการเข้ามาลงทุนของแจ๊คหม่ากว่า 1.1หมื่นล้านบาท นั้นมุ่งเน้นไปที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC โดยเน้นการสร้าง Smart Digital Hub เพื่อการส่งออกสินค้าของ Alibaba พร้อมอบรมผู้ประกอบการ SME ไทย เพื่อเสริมทักษะการใช้ e-Commerce

q1

ภาพจาก goo.gl/ktTjPx

รวมถึงการพัฒนาบุคลากรเพื่อสร้างดาวเด่นให้กับธุรกิจ และความร่วมมือในด้านการท่องเที่ยวของไทย พร้อมทั้งการเปิดร้านใน Tmall.com เพื่อขายสินค้าเกษตรของไทยในประเทศจีน ทั้งหมดดูเหมือนว่าจะช่วยให้ประเทศไทยพัฒนาไปสู่ยุค e-Commerce ได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น

และเหมือนจะเป็นข่าวที่ขานรับการลงทุนนี้โดยเฉพาะเมื่อมีรายงานว่าชาวจีนแห่กันกดซื้อทุเรียนผ่านเว็บไซต์ Tmall.com จนขายได้ถึง 80,000 ลูกภายในเวลา 1 นาที รวมน้ำหนักกว่า 200,000 กิโลกรัม มีมูลค่า 3,000 ล้านหยวน

หรือประมาณ 478 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยราว 14,900 ล้านบาท ทั้งนี้ Tmall ขายทุเรียนหมอนทอง 4.5-5 กิโลกรัมในราคา 199 หยวน หรือประมาณ 32 เหรียญสหรัฐฯ เป็นราคารวมทั้งค่าส่งและภาษีแล้ว

7 ข้อดีจากการมาลงทุนของแจ๊คหม่าในประเทศไทย

q6

ภาพจาก goo.gl/KsggxW

แจ๊คหม่าคือนักธุรกิจระดับโลกที่ขยับตัวแต่ละครั้งต้องไม่ธรรมดาอย่างเช่นตอนที่ โดนัล ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง แจ๊คหม่าก็รีบบินไปพบทรัมป์ที่สหรัฐ ซึ่งภาพที่ต้องการสื่อคือการแสดงให้ชาวโลกเห็นถึงความร่วมมือของ Alibaba ในระดับรัฐบาลซึ่งก็รวมถึงประเทศไทยที่เรามีโครงการ Eastern Seaboard ในภาคตะวันออก

เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าได้ทั่วโลก เป็นจุดหนึ่งที่แจ๊คหม่ามองว่าเป็นประโยชน์ร่วมกันเพราะระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพของ Alibaba เติบโตได้เต็มที่แค่ในประเทศจีนแต่หากจะเติบโตส่งสินค้าในระดับโลกจำเป็นต้องมีแหล่งขนถ่ายสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งข้อดีที่ได้แน่ๆจากการเข้ามาครั้งนี้ของแจ๊คหม่าต่อภาคธุรกิจในเมืองไทยคือ

q2

ภาพจาก goo.gl/W6np6T

1.การเปิดตลาดจากไทยไปจีน หรือจีนมาไทยง่ายขึ้น

ธุรกิจที่ต้องการสินค้าจากจีน หรือสินค้าไทยจะส่งขายไปจีน นับแต่นี้จะง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผ่านความร่วมมือของ Alibaba ตัวอย่างชัดเจนคือการนำร่องขายทุเรียนกว่า 80,000 ลูกในเวลาแค่ 1 นาทีผ่านเว็บ Tmall ที่ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการตัดสิทธิ์พ่อค้าคนกลางในเมืองไทยด้วยหรือเปล่า

2.ธุรกิจท่องเที่ยวเติบโตแน่นอน

จากปกติที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมเข้ามาในประเทศไทยมากพอสมควร แต่หลังจากความร่วมมือครั้งนี้เชื่อว่าจะทำให้มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเมืองไทยเพิ่มมากขึ้นสร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้อีกมหาศาล

3.การพัฒนาทางเทคโนโลยีในธุรกิจSME

แจ๊คหม่าให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานด้านอินเทอร์เนตและเทคโนโลยี นั้นย่อมนำไปสู่การปรับปรุงโครงสร้างเหล่านี้ให้มีคุณภาพมากขึ้น รวมไปถึงการเตรียมพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลให้กับกรมศุลกากร เพื่อลดพิธีการขั้นตอนการส่งออกและนำเข้าสินค้าในเขตโครงการ EEC

q8

ภาพจาก goo.gl/Gpf1Qy

4.การส่งออกสินค้าไทยเติบโตได้แน่

แจ็คหม่า ย้ำว่าเขาเองไม่คิดที่จะเขามายึดครองตลาดประเทศไทย แต่สิ่งที่ต้องการ คือ พัฒนาศักยภาพของธุรกิจ SME ของไทยผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล

เพื่อให้ธุรกิจของไทยสามารถเข้าไปสู่ประเทศจีน เมื่อถึงเวลาที่จีนเปิดประเทศเต็มรูปแบบนั้นหมายถึงต้องการให้ไทยเป็นจุดกระจายสินค้าโลกโดยเฉพาะสินค้าในกลุ่ม อาหาร ขนม ดอกไม้สด เป็นต้น

5.เป็นการประทับแบรนด์ระดับโลกให้คนรู้จักประเทศไทยมากขึ้น

ชื่อเสียงของ แจ็คหม่า นั้นติดอันดับโลก ที่สำคัญจีนและสหรัฐต่างก็สู้รบกันอยู่ในสงครามการค้า การเลือกประเทศไทยของแจ๊คหม่าทำให้ชาวโลกได้หันมาสนใจและรู้จักเมืองไทยมากขึ้น นั้นหมายถึงโอกาสในการทำการค้าที่จะเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน

q9

ภาพจาก goo.gl/5FAY6i

6.การพัฒนาด้านโลจิสติกส์ในไทยเติบโตมากขึ้น

การมาของแจ๊คหม่าครั้งนี้เขาพกเอา Cainiao ซึ่งเป็นธุรกิจด้านโลจิสติกส์ของ Alibaba ที่คาดว่าน่าจะเป็นตัวแทนการขนส่งจากจีนสู่ประเทศไทยและกระจายไปสู่ประเทศอี่นๆ ทั้งในภูมิภาคและทั่วโลก

แต่ทั้งนี้ก็ยังเป็นข้อกังวลของธุรกิจโลจิสติกส์เมืองไทยที่อาจไม่มีสิทธิ์เข้าไปดูแลการจัดส่งสินค้าดังกล่าว และอาจเป็นไปได้ที่ Cainiao จะลงมาแข่งขันกับระบบโลจิสติกส์ในไทยด้วย

7.การพัฒนาระบบทางธุรกิจที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น

แจ๊คหม่าได้นำเอา Ant Financial บริษัทลูกของ Alibaba ที่ดูแลเรื่องการเงินซึ่งปัจจุบันเป็นพันธมิตรกับ true money wallet ในการทำธุรกิจในไทย หรือแม้แต่ด้านการท่องเที่ยว แจ๊คหม่าก็นำ Fliggy บริษัทด้านการท่องเที่ยวออนไลน์ชั้นนำของจีนเข้ามาร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท)

รวมไปถึงการเอา Alibaba Business School (ABS) สถาบันเพื่อสอนทักษะการใช้เทคโนโลยีในการทำธุรกิจ เข้ามาเปิดในเมืองไทย ซึ่งก็มีข้อกังวลในส่วนนี้ที่ Platform e-Commerce สายพันธุ์ไทยอาจจะถูกกลืนหายไปโดยปริยายด้วย

เมื่อเหรียญย่อมมี2ด้านการเข้ามาของแจ๊คหม่า มองในด้านดีคือการส่งเสริมคุณภาพการค้าการลงทุนในเมืองไทยให้เติบโตแบบก้าวกระโดด ส่วนคำถามว่าแจ๊คหม่าจะมากินรวบประเทศไทยและตัดรากถอนโคนธุรกิจพื้นฐานที่มีอยู่เก่าก่อนหรือไม่คงต้องติดตามดูระยะยาว แต่สิ่งสำคัญคือ e-Commerce เมืองไทยต้องมีการปรับตัวก้าวตามสังคมโลกให้ทันและอยู่รอดให้ได้เมื่อจะมีหรือไม่มีแจ๊คหม่าก็ตาม


SMEs Tips

  1. การเปิดตลาดจากไทยไปจีน หรือจีนมาไทยง่ายขึ้น
  2. ธุรกิจท่องเที่ยวเติบโตแน่นอน
  3. การพัฒนาทางเทคโนโลยีในธุรกิจSME
  4. การส่งออกสินค้าไทยเติบโตได้แน่
  5. เป็นการประทับแบรนด์ระดับโลกให้คนรู้จักประเทศไทยมากขึ้น
  6. การพัฒนาด้านโลจิสติกส์ในไทยเติบโตมากขึ้น
  7. การพัฒนาระบบทางธุรกิจที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมาย ติดตามได้ที่ goo.gl/Io5k2S

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด