5 เคล็ดลับเลือกทำธุรกิจแบบไหน “ให้เหมาะกับตัวเอง”
ถ้าต้องเลือกทำธุรกิจสักอย่าง ถ้าถามว่า “ทำอะไรดี” คำตอบจากคนส่วนใหญ่ก็มักจะบอกเหมือนกันว่า “ให้ทำในสิ่งที่เรารัก” “ให้ทำในสิ่งที่เราถนัด” คำตอบแบบนี้ได้ยินได้ฟังกันมามาก
อาจเป็นคำตอบที่ดีแต่บางทีก็เหมือนกำปั้นทุบดินคือตอบไปเฉยแต่ไม่ได้ลงลึกว่า “ต้องทำยังไงต่อไป” คำพูดหนึ่งของ เล่าจื้อ เคยกล่าวว่า “คนที่เข้าถึงคนอื่นได้ เป็นคนเฉลียวฉลาด แต่คนที่เข้าถึงตัวเองได้ เป็นคนที่ตื่นรู้”
นั่นหมายถึงถ้าเราอยากทำธุรกิจใดๆสักอย่างไม่ต้องไปถามใครเค้าว่าเราจะทำอะไร แต่ให้ย้อนมาดูตัวเองว่ามี “จุดแข็ง” อยู่ที่ไหน และจะเปลี่ยนจุดแข็งนั่นให้เป็นธุรกิจได้อย่างไร ลองมาดู 5 เคล็ดลับน่าสนใจที่ www.ThaiSMEsCenter.com เอามาฝากสำหรับคนอยากสร้างธุรกิจให้เหมาะกับตัวเอง
1.สร้างธุรกิจจาก “สิ่งที่พบเห็นทุกวัน”
เป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดถ้าเราไม่รู้ว่าฉันจะทำธุรกิจอะไรดี การสร้างธุรกิจไม่จำเป็นต้องเริ่มจากการมีเงินลงทุนจำนวนมากก่อน แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องเริ่มต้นจากความคิดที่ต้องการประกอบธุรกิจ ต้องการจะประสบความสำเร็จในชีวิต มีความคิดสร้างสรรค์และมุ่งมั่นแสวงหาโอกาส เพื่อตกผลึกว่า “ต้องการจะทำ ธุรกิจอะไร” โดยจะมีคำ ถามที่ตามมามากมาย เช่น “จะทำ อย่างไร” “จะเริ่มต้นยังไง” “จะทำ ให้ประสบความสำเร็จอย่างไร” และ“ไม่แน่ใจว่าจะทำ ดีหรือไม่”
การจุดประกายทางธุรกิจ การสร้างและค้นหาไอเดียธุรกิจที่เหมาะกับเรา เช่น เดินเข้าซอยบ้าน อยากซื้อน้ำเต้าหู้ ทำไมไม่มีขาย ซอยนี้มีคนอยู่มาก และปัจจุบันคนดูแลสุขภาพน่าจะขายได้ นำไปสู่ความคิดในการเริ่มต้นที่จะตอบสนองความต้องการของตนเองและอีกหลายคน ซึ่งต้องมากพอสำหรับการสร้างเป็นธุรกิจ เช่น พัฒนาการบริการ รับซ่อมรถ/ล้างรถถึงบ้าน การบริการส่งผักสดผลไม้ตามเมนูสุขภาพเป็นประจำที่บ้าน
2.สร้างธุรกิจจาก “จุดแข็ง” ของตัวเอง
มีคำกล่าวว่า “หากต้องการเป็นอะไร เราต้องเป็นสิ่งนั้นที่ดีที่สุด” คนเราทุกคนมีความสามารถและความชอบไม่เหมือนกัน บางคนชอบวาดรูป บางคนชอบถ่ายภาพ บางคนชอบทำอาหาร ในขณะที่หลายคนบอกว่าฉันไม่รู้ว่าชอบอะไร แต่เชื่อเถอะว่าจะมีสิ่งหนึ่งที่คุณ “เก่งที่สุด” และจงขยายความสามารถนั้นออกมา แม้ว่าจะเป็นความสามารถที่ไม่น่าสนใจ แต่หากเราทำมันให้ดีที่สุด ก็จะกลายเป็น “ธุรกิจที่เหมาะสมกับตัวเราเองได้”
ยกตัวอย่าง ถ้าเราไม่รู้ว่าถนัดอะไร แต่เรารู้สึกว่าฉันดูหนัง ฟังเพลง ฉันมีความสุข และนี่คือสิ่งที่ฉันเก่งที่สุด เราอาจจะเริ่มต้นจากจุดนี้ กับการรีวิวหนังผ่าน Blog , ทำช่องยูทูปเรื่องหนัง เรื่องเพลง หรือถ้าเป็นคนที่ถนัดอยู่กับธรรมชาติชอบเกษตรก็อาจจะเปลี่ยนพื้นที่รอบบ้านเป็นสถานที่เพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ หรือบางคนเก่งเรื่องเย็บปักถักร้อย อาจทำสินค้าแฮนเมดด์ขายออนไลน์ เป็นต้น แรกๆ เราอาจไม่ต้องทำใหญ่โต ทำเล็กๆ ให้ตัวเองมีความสุข และค่อยๆ ทำการตลาดเพิ่มขึ้นให้กิจการเราเริ่มขยายตัวมากขึ้น สะสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ก็จะกลายเป็นธุรกิจที่เหมาะสมกับตัวเองได้ในอนาคต
3.สร้างธุรกิจแบบ “ติดไอเดียตัวเอง”
ถ้าเราไม่รู้เลยว่าจะทำอะไรดี คิดไม่ออก มองไปทางไหนก็ตัน ขอแนะนำว่าไม่ต้องคิดไปสร้างสรรค์สิ่งที่ใหม่ แต่ให้เอาสิ่งที่เห็นสิ่งที่มีมา “ติดไอเดีย” ในสไตล์ตัวเอง ก็จะกลายเป็นธุรกิจได้เช่นกัน ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องพูดง่ายแต่ที่จริงหลายคนบอกทำยาก ซึ่งวิธีนี้ก็คงจะยากจริงๆ และเหมาะสำหรับคนที่มีหัวศิลปะ หัวไอเดีย ซึ่งคำว่า “ไอเดีย” มันไม่ได้มีกันทุกคน แต่ก็ไม่เรื่องที่จะบอกว่าเป็นไปไม่ได้
ยกตัวอย่าง เช่นการนำผ้าขาวม้ามาทำเป็นผลิตภัณฑ์กระเป๋าต่างๆ ทำปกสมุด กระเป๋าใส่ไอแพด , หรือการนำกะลามะพร้าวที่เหลือใช้มาทำเป็นสินค้าต่างๆ , หรือการนำขยะเหลือใช้มาประดิษฐ์เป็นของต่างๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นงานอดิเรกแต่ถ้าเราทำให้เติบโตก็จะกลายเป็นธุรกิจได้เช่นกัน
4.สร้างธุรกิจตามใจ “ไม่ตามกระแส”
การจะทำธุรกิจที่เหมาะกับตัวเรา ต้องยึดถือตัวเองเป็นหลัก วิธีนี้จะไม่อิงเรื่องการตลาด จะไม่สนใจว่าคนส่วนใหญ่ต้องการอะไร แต่เราจะทำในสิ่งที่เราชอบ และคิดอยู่เสมอว่าสิ่งที่เราชอบก็ต้องมีคนที่ชอบเหมือนเรา ดังนั้นธุรกิจของเราอาจจะดูแหวกแนว เช่น เลี้ยงไส้เดือน , เลี้ยงตุ๊กแก , ทำปุ๋ยมุลสัตว์ ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้อาจะไม่ใช่สินค้าที่เป็นตลาดใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนสนใจ ขอให้เป็นธุรกิจที่เกิดจาก “ความพอใจ” ของเราในอันดับแรก และค่อยๆ ลงมือทำค่อยๆศึกษาแนวทาง ปรับปรุงวิธีการให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ตลาดจะเริ่มวิ่งเข้ามาเรามากขึ้น แต่อาจต้องใช้เวลาสักระยะ ซึ่งหากเป็นงานที่เราเองพอใจทำก็คงไม่รู้สึกเป็นเรื่องลำบากใจ และสักวันสิ่งที่เราทำมันจะเกิดประโยชน์จนถึงขั้นสร้างรายได้มากขึ้น
5.เลือกลงทุน “แฟรนไชส์”
การเลือกลงทุนกับแฟรนไชส์ก็คือการสร้างธุรกิจที่เหมาะสมกับตัวเองในอีกรูปแบบหนึ่งแต่ดีกว่าตรงที่เราไม่ต้องมาเริ่มต้นคิดเอง ทำเอง แต่มีแฟรนไชส์เป็นคนเริ่มให้ ช่วยเหลือดูแล สิ่งสำคัญคือเราต้อง “รู้จักเลือก” ว่าแฟรนไชส์แบบไหนที่เหมาะกับเรามากที่สุด ซึ่งมีวิธีสำรวจที่น่าสนใจหลายวิธีเช่น สำรวจและสอบถามจากผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์นั้นอยู่ก่อน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
เช่น การลงทุนธุรกิจนี้ คุณภาพสินค้าที่ขายเป็นอย่างไร ลูกค้านิยมหรือไม่ บริษัทแม่จัดส่งสินค้าให้ทันหรือไม่ และเพียงพอหรือไม่ อะไรคือปัญหาของธุรกิจนี้ หรือสำรวจบริษัทผู้ขายแฟรนไชส์มีตัวตนอย่างไร ชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ ความชำนาญในธุรกิจ เป็นอย่างไร และสุดท้ายคือประเมินว่าเราสนใจสินค้าเหล่านั้นหรือไม่และหากจะลงทุนมีงบประมาณในการลงทุนแค่ไหนอย่างไร
หลายคนที่บอกว่าฉันไม่รู้จะทำอะไร ฉันไม่มีเงิน ฉันไม่เคยทำมาก่อน แต่ดันบอกว่าทำไมเราไม่รวยเหมือนคนอื่น ลำพังแค่ความอยากไม่อาจสร้างฝันให้เป็นจริงได้ การลงมือทำและพยายามเปลี่ยนความอยากให้เป็นความจริงคือสิ่งสำคัญ ทุกคนมีความสามารถในตัวเอง ทุกคนมีเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่การจะดึงสิ่งเหล่านี้ออกมาน้อยคนนักจะทำได้ ดังนั้นเราต้องรู้จักตัวเรา เข้าใจตัวเอง และเดินหน้าเริ่มต้นทำในสิ่งที่เราถนัด เมื่อนั้นจะสามารถสร้างธุรกิจที่เหมาะสมขึ้นมาได้
ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/36oGJRR , https://bit.ly/3t39g9k , https://bit.ly/39oKNU5
อ้างอิงจาก https://bit.ly/30qIJpv
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
8 ขั้นตอน การพัฒนาระบบแฟรนไชส์
1. การวางแผนธุรกิจ ก่อนทำแฟรนไชส์
- กำหนดรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้มีความชัดเจน โดนใจลูกค้า
- ชื่อกิจการ (Brand)
- การสร้างผลการดำเนินธุรกิจที่ดี ได้ผลกำไร มีความมั่นคง (Good ROI)
- การสร้างแบรนด์ ตราสินค้า ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักผู้บริโภค
- การพัฒนาสินค้าบริการ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐาน
- การพัฒนาระบบบริการจัดการ จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
- วางโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ทีมงาน สนับสนุนระบบแฟรนไชส์
- การวางแผน และกำหนดเป้าหมายการขยายธุรกิจ การขยายสาขา ทั้งในและต่างประเทศ
- การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ทำเลที่ตั้ง และรูปแบบของร้านค้า
- การเลือกใช้สื่อต่างๆ ช่องทางต่างๆ ในการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างแบรนด์แฟรนไชส์
2. การรวบรวมข้อมูลธุรกิจ
- ระบบการปฏิบัติงาน วิธีการบริหารจัดการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
- ระบบการเงิน การบัญชี
- งบประมาณในการลงทุนธุรกิจ การขยายสาขา
- รูปแบบของร้านค้า รูปแบบของตราสินค้า ที่เป็นเอกลักษณ์
- ระบบการสต็อกสินค้า จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
- แผนงานการตลาด การส่งเสริมการขายต่างๆ
- กระบวนการพัฒนาบุคลากร ทีมงานด้านต่างๆ
3. การวิเคราะห์ธุรกิจแฟรนไชส์
- ธุรกิจเปิดมานานหลายปี จำนวนไม่น้อยกว่า 1สาขา
- แบรนด์มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง
- สินค้าและบริการ มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด
- เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีผลกำไร ต่อเนื่อง เป็นที่น่าพอใจ
- มีระบบการทำงาน การปฏิบัติงาน แผนการทำงานที่ชัดเจน สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้
- มีระบบการพัฒนาบุคลากร และสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง เป็นมาตรฐาน
- ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การส่งเสริมการขายต่างๆ
- แผนกลยุทธ์การขยายสาขา และเติบโตต่อเนื่อง เป็นรายเดือน หรือ รายปี
4. การวางโครงสร้างของระบบแฟรนไชส์
- กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค
- การสร้างองค์ความรู้ ระบบปฏิบัติงานต่างๆ ที่พร้อมถ่ายทอดให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- วางระบบการปฏิบัติงานของแต่ละขั้นตอนธุรกิจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่าย
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย แต่ละแผนกให้ชัดเจน รวมถึงขั้นตอนการอบรม ระบบตรวจสอบ เพื่อสร้างมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์
- สร้างระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซี หรือผู้ซื้อแฟรนไชส์
- การกำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ ในการขยายสาขาแฟรนไชส์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า (ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์)
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ช่วงเริ่มต้นได้
- เงื่อนไขการเปิดสาขาในด้านต่างๆ
5. การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจแฟรนไชส์
- แผนการขยายแฟรนไชส์
- ระบบการเงิน
- ค่าธรรมเนียมต่างๆ
- ข้อเสนอแฟรนไชส์ซี
- การจดทะเบียนแฟรนไชส์
- เรื่องกฎหมาย อายุสัญญาแฟรนไชส์
- ระบบปฏิบัติงาน รูปแบบการให้สิทธิ
- การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์
- แพ็คเกจต่างๆ ระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
- การจัดทำคู่มือแฟรนไชส์ หรือโปรแกรมแฟรนไชส์
- การจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ รวมถึงเครื่องหมายการค้า
6. การวางแผนเพื่อขยายสาขาธุรกิจแฟรนไชส์
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ เจ้าของแฟรนไชส์จะบริหารจัดการเองทุกอย่าง เพื่อสร้างความโดดเด่น สร้างความเด่นชัดให้แก่นักลงทุน ได้เห็นภาพของร้านที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนเปิดสาขาแฟรนไชส์ในภายหลัง
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟนไชส์ คือ เมื่อสาขาแรกมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มีผลกำไรต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ แล้ว ก็ทดลองขยายสาขาเพิ่มอีก เพื่อทดสอบสาขาที่ 2 เป็นอย่างไร โดยนำเอาระบบการปฏิบัติงานทุกอย่างของร้านสาขาแรกมาปฏิบัติ ถ้าประสบความสำเร็จ ก็ค่อยขยายสาขาตัวเองเพิ่มอีก 2-3 สาขา ถ้าประสบความสำเร็จเหมือนสาขาแรก ก็ค่อยคิดขายแฟรนไชส์ให้กับคนอื่น
7. กระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น (ระบบการบริหารจัดการในร้าน ขั้นตอนการปฏิบัติงาน)วิเคราะห์ระบบการเงิน การลงทุน ในแต่ละสาขาที่เปิดทดลอง
- พิจารณาปรับปรุงระบบงาน ระบบการทำงานต่างๆ ให้เหมาะสม
- ระบบการพัฒนาทีมงานรองรับการขยายงาน ขยายสาขา
- การวางแผนงานขยายสาขาแฟรนไชส์
- เก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ กลุ่มลูกค้า ผลประกอบการ การดำเนินงาน ของสาขาแรก หรือสาขาต้นแบบ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก่อนเปิดสาขาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และขายแฟรนไชส์
- จัดวางงบประมาณ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์
8. แผนการตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์
- การจัดทำคู่มือต่างๆ เพื่อแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์
- กระบวนการขายแฟรนไชส์ การคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์
- กระบวนการติดตามลูกค้าเป้าหมาย
- การนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- การจัดงาน สัมมนาการขายธุรกิจ แฟรนไชส์
- การเปิดเยี่ยมชมธุรกิจ ร้านต้นแบบแฟรนไชส์
- กระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม ตามหลักมาตรฐานแฟรนไชส์สากล
- กระบวนการถ่ายทอดความรู้ การอบรม และให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)