4 วิธี ขายของตลาดนัด ให้รวย!
ไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไร ก็ย่อมพบเจอกับปัญหาและ อุปสรรค กันได้ทั้งนั้น อาชีพค้าขาย ขายของตลาดนัด เองก็เช่นเดียวกัน ใช่ว่าจะค้าขายกันได้ราบรื่นเสมอไป บางครั้งก็มีหลายปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมหรือกำหนดให้เป็นไปอย่างใจหวังได้
วันนี้ ทาง ThaiSMEsCenter.com จึงอยากจะนำเสนอวิธีการจัดการกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการค้าขาย ขายของตลาดนัด เพื่อให้พ่อค้าแม่ขายได้นำไปใช้และสามารถผ่านพ้นมันไปได้ โดยได้แบ่งไว้เป็นหัวข้อดังนี้
จัดการกับตัวเองก่อน ขายของตลาดนัด (คนขาย อดทน มีใจรักการค้าขาย พร้อมให้บริการ)
ปัญหาสำหรับมือใหม่หัดขาย ที่ทำให้การค้าขายไม่ราบรื่น หรือ ต้องขาดทุนนั้น ก็เป็นเพราะว่า ผู้ขายยังขาดประสบการณ์และยังไม่มีข้อมูลความรู้ทางด้านงานค้าขายที่มากพอ ฉะนั้น ทางแก้ปัญหาสำหรับมือใหม่หัดขายก็คือ การกลับไปศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่คุณขาย ตลาด และการบริหารจัดการธุรกิจของคุณให้ดีเสียก่อน แล้วค่อยกลับมาเริ่มต้นขายใหม่
เพราะการกลับไปเตรียมตัวและสร้างความพร้อมย่อมส่งผลที่ดีต่อการขายในครั้งต่อไปอย่างแน่นอน ซึ่งนอกจากข้อมูลความรู้ที่คุณต้องกลับไปศึกษาจากแหล่งต่างๆ รอบตัวแล้ว คุณก็ควรนำเอาประสบการณ์ที่ได้จากการขายก่อนหน้ามาเป็นบทเรียนและวิเคราะห์แต่ละปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อกำหนดวิธีแก้ไขในการขายครั้งต่อไปด้วย
เริ่มที่ตัวเองก่อน พ่อค้าแม่ขายอย่างเราๆ
มีความอดทนเพียงพอ หรือไม่
หากมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ให้บริการอย่างเต็มที่
หมั่นหาลูกค้าประจำ ยังไงก็อยู่ได้ อย่างแน่นอน
มากไปกว่านั้น คุณยังต้องถามใจตัวเองอีกเช่นกันว่า ยังอยากเป็นพ่อค้าแม่ขายที่ประสบความสำเร็จอยู่หรือเปล่า เพราะในบางครั้งความท้อถอยที่เกิดขึ้นทางใจก็เป็นตัวฉุดรั้งให้คุณไม่อยากจะต่อสู้ต่อไป
หากคุณยังอยากจะเอาดีทางอาชีพค้าขายและอยากประสบความสำเร็จอยู่ละก็ คุณก็จะต้องท่องเอาไว้เสมอว่า ต้องอดทน มุ่งมั่น พยายาม และขยัน เพราะสิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นการกระทำพื้นฐานที่ทำให้ใครหลายคนประสบความสำเร็จมาแล้วนักต่อนัก
ปรับปรุงและพัฒนาสินค้า (สินค้าดี มีคุณภาพ ขายได้แน่นอน)
หากแต่เดิมที่คุณเริ่มค้าขาย สินค้าที่คุณขายนั้นขายได้ดีมาก ชนิดที่ว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนอย่างไม่เคยขาดสาย แต่ในระยะเวลาต่อมากลับพบว่าการค้าขายเริ่มที่จะไม่เหมือนเก่า ยอดขายในแต่ละวันเริ่มลดลงเรื่อยๆ นั่นก็อาจจะเป็นเพราะว่าสินค้าของคุณนั้นหมดความนิยมไปแล้วนั่นเอง
ดังนั้น การจะค้าขายอะไรก็ควรที่จะคิดถึงผลในระยะยาว ว่าสินค้านั้นๆ จะอยู่ในความสนใจและเป็นที่ต้องการของผู้คนได้ต่อๆ ไปหรือไม่
ควรปรับปรุง พัฒนาสินค้า
ให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง
ของกระแสนิยมอยู่เสมอ
หากสินค้าที่คุณเลือกขายนั้นไม่ได้เป็นสินค้าที่ผู้คนให้ความต้องการ หรือ ไม่ได้จำเป็นที่จะต้องซื้อหามาใช้ในชีวิตประจำวัน จนหมดความนิยมไปแล้วนั้น คุณก็ควรที่จะปรับปรุงและพัฒนาสินค้าของตัวเองให้ผู้คนกลับมาให้ความสนใจอีกครั้ง ซึ่งหากคุณไปรับสินค้าจากที่อื่นมาขาย ก็ควรเลือกสินค้าที่มีดีไซน์แปลกใหม่มาขายเพื่อลองตลาดดูบ้าง หรือ ลองไปรับสินค้าอื่นๆ มาวางขายเสริมในแผงควบคู่ไปกับการขายสินค้าหลัก
ซึ่งสินค้าที่นำเอามาขายเสริมก็ควรเป็นสินค้าที่อยู่ในหมวดหมู่หรือประเภทเดียวกันกับสินค้าหลักด้วย นอกจากนี้ หากคุณมีไอเดียและฝีมือ คุณก็อาจจะนำสินค้าเดิมมาคิดต่อยอด ออกแบบให้มันดูน่าสนใจเพื่อเพิ่มมูลค่าด้วยก็ได้
รู้จักปรับเปลี่ยนทำเลในการขาย ขายของตลาดนัด (ทำเล ขั้นเทพ คนเห็นทั้งขาไปขากลับ)
ต่อให้สินค้าของคุณจะน่าสนใจขนาดไหน แต่หากเลือกทำเลในการค้าขายที่ผิดที่ผิดทางโดยไม่ผ่านการวิเคราะห์ มันก็จะไม่มีความหมายอะไรเลย ก่อนขายคุณจึงควรสำรวจและสังเกตตลาดแต่ละแห่งที่คุณวางแผนว่าจะไปขายเสียก่อน ว่าตลาดนั้นๆ อยู่ใกล้แหล่งใดบ้าง มีกลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่หรือเปล่า มีมากน้อยแค่ไหน
รวมถึงมีความสะดวกสบายต่อการเดินทางด้วยหรือไม่ เมื่อคุณวิเคราะห์มันอย่างดีแล้วจึงค่อยตัดสินใจเลือก แต่หากเลือกไปขายแล้วกลับพบว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่ใจหวังไว้ทั้งหมด คุณก็ต้องรู้จักปรับเปลี่ยนหรือโยกย้ายไปตั้งร้านขายในทำเลอื่นๆ บ้าง โดยหาข้อมูลของทำเลที่ใหม่ๆ ไม่ใช่ขายอยู่แต่ที่เดิมๆ ทีเดียว ซึ่งไม่ได้เพิ่มโอกาสให้กับยอดขายของคุณ
สังเกตมั้ยว่า เวลาจองล๊อค
พ่อค้าแม่ขาย ที่มีประสบการณ์
จะรู้ได้โดยสัญชาติญาณ
ว่าทำเลไหน จะขายดี หรือ ขายไม่ได้
มีพ่อค้าแม่ขายจำนวนมากที่ไม่ได้ขายที่ตลาดแห่งเดียว แต่พวกเขาเลือกที่จะหมุนเวียนการขายไปตามตลาดต่างๆ หลายๆ แห่ง โดยแบ่งวันไปขาย ซึ่งวิธีนี้ก็ทำให้สินค้าของพวกเขาถูกพบเห็นจากลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น และทำให้มีโอกาสในการขายได้มากขึ้นไปอีกด้วย
รับมือกับสภาพแวดล้อมให้เป็น (สร้างเครือข่าย เพื่อนฝูง ร่วมด้วยช่วยกัน)
อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องพูดถึงซึ่งเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการค้าขายนั้นก็คือ ปัญหาสภาพแวดล้อมระหว่างแผงขายของคุณกับพ่อค้าแม่ขายแผงข้างเคียง ซึ่งในบางครั้งอาจเกิดการทะเลาะเบาะแว้งหรือไม่ชอบหน้ากันได้ ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุที่มาจากการขายสินค้าที่เหมือนกันแล้วเกิดการแย่งลูกค้า หรือการตั้งแผงที่กินพื้นที่ของกันและกัน
ในบางครั้งปัญหาเหล่านี้ก็ลุกลามใหญ่โตถึงขั้นเกิดการลงไม้ลงมือ จนไม่สามารถค้าขายในที่เดียวกันได้เลยก็มีการป้องกันและรับมือกับปัญหาในลักษณะนี้ก็คือ คุณจะต้องรู้จักผูกมิตรกับแผงใกล้เคียง ไม่ใช่ว่าคิดแต่จะขายอย่างเดียวโดยไม่สนใจใครรอบข้าง ต้องรู้จักที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับแผงรอบๆ ข้างบ้าง มีอะไรก็ควรแบ่งปันซึ่งกันและกัน
เพื่อนข้างแผง ไม่ต่างอะไรกับ เพื่อนข้างบ้าน ของคุณนั่นเอง
ทำดีกับเค้า แล้วเค้าจะดีตอบกลับมา อย่างแน่นอน
หากกระทบกระทั่งกันบ้างก็ต้องรู้จักให้อภัย เพราะในตลาดก็เป็นเสมือนบ้านหลังที่สองที่คุณใช้ประกอบอาชีพ และเป็นสังคมที่มีคนอยู่มากมาย การสร้างมิตรจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะนอกจากคุณจะมาค้าขายได้อย่างมีความสุขและสบายใจโดยที่ไม่ต้องเขม่นกับใครแล้ว
บางครั้งที่คุณต้องจากแผงเพื่อไปทำธุระ พ่อค้าแม่ขายแผงข้างเคียงก็เต็มใจที่จะอาสาเฝ้าแผงและขายของให้คุณ โดยที่คุณจะไม่ต้องพะวงหรือกังวลใจเลย
อุปสรรค และปัญหาก็เป็นเสมือนความท้าทายอย่างหนึ่งที่เข้ามาในชีวิต ไม่ว่าปัญหานั้นจะใหญ่โตสักแค่ไหน หากคุณสามารถแก้ไขและผ่านพ้นมันไปได้คุณก็จะเก่งและแกร่งขึ้น
ทาง ThaiSMEsCenter.com หวังว่า วิธีการที่เราได้นำเสนอไปนั้นจะสร้างประโยชน์และเป็นแนวทางให้คุณนำไปปรับใช้ และไม่ย่อท้อต่ออาชีพค้าขายกันนะคะ
ลิขสิทธิ์รูปภาพโดย ThaiSMEsCenter.com
อ้างอิงจาก https://bit.ly/3wTesOM