3 ทหารเสือแฟรนไชส์กาแฟสด “อเมซอน – พันธุ์ไทย – อินทนิล” ลงทุนวันนี้ คืนทุนวันไหน
ข้อมูลจาก Statista คาดการณ์ว่าในปี 2568 ตลาดกาแฟในไทยจะมีมูลค่ามากกว่า 119,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกาแฟในบ้านมูลค่ากว่า 25,357 ล้านบาท กาแฟนอกบ้านมูลค่ากว่า 93,555 ล้านบาท
มูลค่าตลาดกาแฟในไทย สะท้อนถึงธุรกิจร้านกาแฟโดยเฉพาะแฟรนไชส์ร้านกาแฟขยายตัวต่อเนื่องทุกปี นักลงทุนสนใจซื้อแฟรนไชส์จำนวนมาก แค่แบรนด์เดียวอย่าง “คาเฟ่ อเมซอน” มีถึง 4,507 สาขา ไม่รวมแบรนด์ดังอื่นๆ ที่มีเป็นร้อยเป็นพันสาขา
รู้หรือไม้ว่า ปัจจุบันยังมีอีก 2 แบรนด์ร้านกาแฟสด ที่นักลงทุนสนใจลงทุนแฟรนไชส์ เป็นรองเพียงแค่ “คาเฟ่ อเมซอน” นั่นคือ กาแฟพันธุ์ไทย และ อินทนิล
กาแฟพันธุ์ไทย เปิดตัวปี 2555 ภายใต้บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด ในเครือบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เจ้าของปั๊มน้ำมัน PT กว่า 2,200 แห่งทั่วประเทศ สาขาแรกเปิดที่ปั๊มน้ำมัน PT อ.บางปะหัน อยุธยา ปัจจุบันมี 1,580 สาขา ทั้งในไทยและลาว 1 สาขา ปี 2568 เปิดเพิ่ม 146 สาขา ปี 2571 เปิดให้ครบ 5,000 สาขาทั่วประเทศ
ส่วนแฟรนไชส์ “อินทนิล” จากเบอร์ 2 กลายเป็นเบอร์ 3 เปิดตัวปี 2548 ขายแฟรนไชส์ปี 2549 ภายใต้บริษัท บางจาก รีเทล จำกัด สาขาแรกเปิดที่เจริญกรุงตัดใหม่ ปัจจุบันมี 1,035 สาขา ลาว 5 สาขา กัมพูชา 1 สาขา เป็นร้านบริษัทเอง 25% ร้านแฟรนไชส์ 75% ตั้งเป้าแต่ละปีจะขยายสาขาเพิ่มอีกกว่า 200 สาขาต่อปี ตั้งเป้าขยายสาขาร้านอินทนิล 2,500 สาขาในอีก 5 ปี
มาดูกันว่า ทั้ง 3 แบรนด์แฟรนไชส์กาแฟสด ลงทุนวันนี้ คืนทุนวันไหน
1.คาเฟ่ อเมซอน
ข้อมูลเบื้องต้นแฟรนไชส์ คาเฟ่ อเมซอน
- บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
- เปิดตัว 2545
- สาขาแรก ปั๊ม ปตท. ศรีเจริญภัณฑ์ วิภาวดี
- จำนวน 4,507 สาชา
- เป้าหมาย 5,800 สาขา (2568)
- เมนูราคาเริ่มต้น 40-80 บาท/แก้ว
- รายได้บริษัทแม่ ปี 67 = 683,096 ล้านบาท
แฟรนไชส์ร้านกาแฟ “คาเฟ่ อเมซอน” มี 2 รูปแบบให้เลือกลงทุน
1. ในอาคาร (Shop) 40 ตารางเมตรขึ้นไป
- เงินลงทุน 2,349,000 – 3,709,000 บาท
- ค่า Royalty Fee + ค่า Marketing Fee 3% + 3% ของยอดขายรายเดือน
- ค่าเช่าเครื่อง Point of Sale (POS) 24,000 บาท/ปี
- อายุสัญญา 6 ปี (Renovate ร้านทุก 3 ปี)
2. นอกอาคาร (Stand Alone) 100-200 ตารางเมตร
- เงินลงทุน 2,649,000 – 4,209,000 บาท
- ค่า Royalty Fee + ค่า Marketing Fee 3% + 3% ของยอดขายรายเดือน
- ค่าเช่าเครื่อง Point of Sale (POS) 24,000 บาท/ปี
- อายุสัญญา 6 ปี (Renovate ร้านทุก 3 ปี)
คาเฟ่ อเมซอน คืนทุนกี่ปี?
ขอยกตัวอย่าง ลงทุนแฟรนไชส์ร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน ในอาคาร (Shop) ขนาด 40 ตารางเมตรขึ้นไป
ตามข้อมูลของ OR ใช้เงินลงทุน 2,349,000 – 3,709,000 บาท
แต่จากการสอบถามแฟรนไชส์ซีหลายรายให้ข้อมูลว่า ใช้เงินลงทุนเฉลี่ยประมาณ 3,500,000 บาท
ต้นทุนของกาแฟแต่ละแก้วอยู่ที่ประมาณ 35%
- ค่า Royalty Fee 3%
- ค่า Marketing Fee 3%
ต้นทุนที่ 35% รวมค่า Royalty Fee และ Marketing Fee เข้าไปด้วย (35+6 = 41)
- จะได้ต้นทุนกาแฟ 1 แก้ว 41%
- สมมติกาแฟแก้วละ 65 บาท
- ต้นทุนกาแฟอยู่ที่ 26.65 บาท
- กำไรประมาณ 38.35 บาท
#ค่าใช้จ่ายอื่นๆ
- ค่าเช่าประมาณ 50,000 บาท
- ค่าน้ำ+ไฟ 10,000 บาท
- รวมทั้งสิ้น 60,000 บาท
#ส่วนค่าจ้างพนักงาน
- จ้างพนักงาน 6 คน เงินเดือนเฉลี่ยคนละ 13,000 บาท
- รวมทั้งสิ้น 78,000 บาท
ร้านคาเฟ่ อเมซอน เฉลี่ยขายได้วันละ 200-300 แก้ว/วัน
- ขอเอาตัวเลข 250 แก้ว/วัน
- รายได้ต่อวัน 250 x 65 = 16,250 บาท
- รายได้ต่อเดือน 16,250 x 30 = 487,500 บาท
ต้นทุนวัตถุดิบ+ค่าธรรมเนียมรายเดือน = 41%
- รายได้หักต้นทุน = 199,875 บาท
- กำไรขั้นต้น 487,500 – 199,875 = 287,625 บาท
หักค่าเช่า+ค่าน้ำ+ค่าไฟ 60,000 บาท
- 287,625 – 60,000 = 227,625 บาท
หักค่าจ้างพนักงาน 78,000 บาท
- 227,625 – 78,000 = 149,625 บาท
เหลือกำไรต่อเดือน = 149,625 บาท
(กำไรที่ได้ ยังไม่ได้หักค่าภาษีป้าย+ภาษีโรงเรือน+ค่าซ่อมบำรุงอุปกรณ์)
เฉพาะฉะนั้น เปิดร้านคาเฟ่ อเมซอน ใช้เงินลงทุนประมาณ 3,500,000 บาท
เงินลงทุนทั้งหมดหารด้วยกำไรต่อเดือน
- ใช้เวลาคืนทุน 23 เดือน
- คาเฟ่ อเมซอน ใช้เวลาคืนทุนจริงๆ 3 ปี (36 เดือน)
ทั้งหมดเป็นการคำนวณตัวเลขคร่าวๆ ซึ่งแต่ละร้าน แต่ละทำเล อาจจะขายได้ไม่เท่ากัน แต่โดยเฉลี่ยแล้ว ร้านคาเฟ่ อเมซอน แต่ละสาขา จะมียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 200-500 แก้วต่อวัน สาขาที่อยู่ในทำเลดีหน่อยอาจจะได้ 700 แก้วต่อวัน
2.กาแฟพันธุ์ไทย
ข้อมูลเบื้องต้นแฟรนไชส์ กาแฟพันธุ์ไทย
- บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด
- เปิดตัว 2555
- สาขาแรก อ.บางปะหัน อยุธยา
- จำนวน 1,580 สาขา
- เป้าหมาย 2,000 สาขา (2568)
- เมนูราคาเริ่มต้น 40-70 บาท/แก้ว
- รายได้บริษัทแม่ ปี 67 = 3,049 ล้านบาท
โมเดลการลงทุนเปิดร้านแฟรนไชส์ กาแฟพันธุ์ไทย
1.Kiosk
- ขนาดพื้นที่ เริ่มต้นที่ 9 ตรม.
- ค่าก่อสร้าง,งานตกแต่ง,งานระบบ 378,000 บาท
- ค่าออกแบบพื้นที่ 50,000 บาท
- ค่าอุปกรณ์ภายในร้าน 400,000 บาท
- ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 150,000 บาท
- ค่าดำเนินการก่อนเปิดร้าน 80,000 บาท
- เงินประกันแบรนด์ 200,000 บาท
#รวมราคาเริ่มต้น (ไม่รวม VAT) 1,308,000 บาท
2.Built-In
- ขนาดพื้นที่ เริ่มต้นที่ 35 ตรม.
- ค่าก่อสร้าง,งานตกแต่ง,งานระบบ 800,000 บาท
- ค่าออกแบบพื้นที่ 50,000 บาท
- ค่าอุปกรณ์ภายในร้าน 750,000 บาท
- ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 150,000 บาท
- ค่าดำเนินการก่อนเปิดร้าน 80,000 บาท
- เงินประกันแบรนด์ 200,000 บาท
#รวมราคาเริ่มต้น (ไม่รวม VAT) 2,030,000 บาท
3.Stand Alone
- ขนาดพื้นที่ เริ่มต้นที่ 40 ตรม.
- ค่าก่อสร้าง,งานตกแต่ง,งานระบบ 1,320,000 บาท
- ค่าออกแบบพื้นที่ 50,000 บาท
- ค่าอุปกรณ์ภายในร้าน 750,000 บาท
- ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 150,000 บาท
- ค่าดำเนินการก่อนเปิดร้าน 80,000 บาท
- เงินประกันแบรนด์ 200,000 บาท
#รวมราคาเริ่มต้น (ไม่รวม VAT) 2,500,000 บาท
ทุกโมเดลการลงทุนแฟรนไชส์กาแฟพันธุ์ไทย ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มในส่วนอื่นๆ
- ROYALTY FEE + MARKETING FEE 3% (ของยอดขาย /เดือน)
- ค่าเช่าเครื่อง POS 2,000 บาท /เดือน (หรือ 24,000 /ปี)
- ยังไม่รวมค่าวัตถุดิบเปิดร้านครั้งแรก ประมาณ 120,000 – 200,000 ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่สาขา
- อายุสัญญา 6 ปี (ได้รับเงินประกันคืน)
ซื้อแฟรนไชส์กาแฟพันธุ์ไทย คืนทุนเมื่อไหร่?
เปิดร้านกาแฟพันธุ์ไทยที่คนนิยมมี 3 โมเดลให้เลือกลงทุน ได้แก่ คีออส บิ้วอิน และ สแตนด์อโลน ใช้เงินลงทุนตั้งแต่ 1.93 – 3.63 ล้านบาทต่อสาขา ซึ่งเป็นราคารวมค่าวัตถุดิบเปิดร้านครั้งแรก 200,000 บาท
ระยะสัญญา 6 ปี และ ค่า Royalty fee และ Marketing Fee 3% + 3% = 6%
ร้านกาแฟพันธุ์ไทย นอกจากจะมีเครื่องดื่มชา กาแฟขายแล้ว ยังขายเบเกอรี่และขนมอบ, ขนมแปรรูปจากชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศ, สินค้าที่ระลึกและของพรีเมียมจากแบรนด์ รวมถึงอุปกรณ์การชงกาแฟ เมล็ดกาแฟและกาแฟดริปพร้อมดื่มที่บ้าน
- ขอประมาณการราคากาแฟ+ขนมอื่นๆ เฉลี่ย 70 บาท/แก้ว/บิล
- ต้นทุนกาแฟประมาณ 35%
- ค่า Royalty fee และ Marketing Fee 3% + 3% = 6%
- เอาต้นทุนกาแฟ 35% + ค่าสิทธิ์ 6% = 41%
- ขายกาแฟราคา 70 บาท/แก้ว มีต้นทุน = 28.7 ปัดเป็น 29 บาท/แก้ว
- กาแฟหนึ่งแก้วมีกำไร 41 บาท
- ประมาณการเฉลี่ยวันหนึ่งขายกาแฟได้ 200 แก้ว
- ยอดขายต่อวัน 41 x 200 = 8,200 บาท
#ยอดขายต่อเดือน 8,200 x 30 = 246,000 บาท (กำไรยังไม่ได้หักค่าใช้จ่าย)
ค่าใช้จ่าย
- ประมาณการค่าเช่าอยู่ที่ 50,000 บาท/เดือน อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ก็ได้นะคับ
- ค่าจ้างพนักงาน 4 คน ประมาณ 52,000 บาท/เดือน
- ค่าน้ำ และ ค่าไฟอยู่ที่ 10,000 บาท/เดือน
- ค่าซ่อมบำรุงในร้าน 5,000 บาท/เดือน
- รวมค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายในแต่ละเดือน 117,000 บาท
#กำไรสุทธิต่อเดือน 246,000 – 117,000 = 129,000 บาท/เดือน (ยังไม่หักเงินเดือนตัวเอง)
สมมติถ้าเลือกลงทุนแฟรนไชส์กาแฟพันธุ์ไทยทั้ง 3 รูปแบบ
- Stand Alone ลงทุน 3,630,000 บาท หาร กำไรสุทธิ 129,000 บาท = คืนทุน 28.1 เดือน
- Built in ลงทุน 2,530,000 บาท หาร กำไรสุทธิ 129,000 บาท = คืนทุน 19.6 เดือน
- Kiosk ลงทุน 1,930,000 บาท หาร กำไรสุทธิ 129,000 บาท = คืนทุน 14.9 เดือน
#ขอย้ำว่าตัวเลขนี้ยังไม่ได้หักเงินเดือนตัวเอง และค่าภาษีอื่นๆ อีกด้วย
3.อินทนิล
ข้อมูลเบื้องต้นแฟรนไชส์กาแฟ อินทนิล
- บริษัท บางจาก รีเทล จำกัด
- เปิดตัว 2548
- สาขาแรก เจริญกรุงตัดใหม่
- จำนวน 1,035 สาขา
- เป้าหมาย 1,400 สาขา (2568)
- เมนูราคาเริ่มต้น 40-80 บาท/แก้ว
- รายได้ (บริษัทแม่) ปี 67 1,100 ล้านบาท
งบลงทุนเปิดร้านร้านกาแฟ อินทนิล
- ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 150,000 บาท
- ค่าดำเนินการ 50,000 บาท
- เงินค้ำประกันการบริหารร้าน 100,000 บาท
- ค่าบริการระบบ Point Of Sale (POS) 162,000 บาท
- ค่าออกแบบและจัดทำแบบก่อสร้าง เริ่มต้น 50,000 บาท
- เงินลงทุนค่าอุปกรณ์การขายและวัตถุดิบครั้งแรก 400,000 บาท
- สัญญา 6 ปี
- Royalty Fee 3%
- Marketing Fee 3%
โมเดลการลงทุนแฟรนไชส์ แบ่งเป็น 3 รูปแบบ
- ไซส์ S ขนาด 7-20 ตารางเมตร เงินลงทุนเริ่มต้น 1 ล้านบาท
- ไซส์ M ขนาด 25-40 ตารางเมตร เงินลงทุนเริ่มต้น 1.5 ล้านบาท
- ไซส์ L ขนา 40 ตารางเมตรขึ้นไป เงินลงทุนเริ่มต้น 2 ล้านบาทขึ้นไป
สมมติเลือกลงทุนแฟรนไชส์อินทนิล ไซส์ L (Stand Alone) ใช้เงินลงทุน 2 ล้านบาทขึ้น
ถ้ารวมค่าเช่าอาจจะเป็นเงินลงทุนอยู่ที่ 2.5 ล้านบาท
- ต้นทุนกาแฟประมาณ 35%
- ค่า Royalty fee และ Marketing Fee 3% + 3% = 6%
- เอาต้นทุนกาแฟ 35% + ค่าสิทธิ์ 6% = 41%
- ขายกาแฟราคา 70 บาท/แก้ว มีต้นทุน = 28.7 ปัดเป็น 29 บาท/แก้ว
- กาแฟหนึ่งแก้วมีกำไร 41 บาท
- ประมาณการเฉลี่ยวันหนึ่งขายกาแฟได้ 180 แก้ว (ความนิยมของลูกค้าอาจจะสู้อเมซอนและพันธุ์ไทยไม่ได้)
- ยอดขายต่อวัน 41 x 180 = 7,380 บาท
#ยอดขายต่อเดือน 7,380 x 30 = 221,400 บาท (กำไรยังไม่ได้หักค่าใช้จ่าย)
ค่าใช้จ่าย
- ประมาณการค่าเช่าอยู่ที่ 50,000 บาท/เดือน
- ค่าจ้างพนักงาน 4 คน ประมาณ 52,000 บาท/เดือน
- ค่าน้ำ และ ค่าไฟอยู่ที่ 10,000 บาท/เดือน
- ค่าซ่อมบำรุงในร้าน 5,000 บาท/เดือน
- รวมค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายในแต่ละเดือน 117,000 บาท
#กำไรสุทธิต่อเดือน 221,400 – 117,000 = 104,400 บาท/เดือน (ยังไม่หักเงินเดือนตัวเอง)
ใช้เงินลงทุนเปิดร้านไซส์ L อยู่ที่ 2.5 ล้านบาท
ระยะเวลาคืนทุน เงินลงทุนเปิดร้าน หาร กำไรต่อเดือน 2,500,000 / 104,400 = 13.9 (30 เดือน)
ย้ำอีกว่าตัวเลขนี้เป็นการประมาณการขึ้นมา บางสาขาอาจขายได้มากน้อยต่างกัน และยังไม่หักเงินเดือนตัวเองด้วย
3 แบรนด์แฟรนไชส์กาแฟสดน่าสนใจอย่างไร
คาเฟ่ อเมซอน
- ความน่าสนใจของแฟรนไชส์คาเฟ่ อเมซอน แต่ละเดือนมีคนสนใจสมัครแฟรนไชส์ถึง 500 ใบสมัคร แต่ OR อนุมัติได้ปีละ 500 สาขาเท่านั้น แต่ OR อนุมัติแฟรนไชส์ปีละ 500 สาขา เพราะทางบริษัทไม่ได้เน้นขยายสาขาในเชิงปริมาณ แต่ต้องการให้คาเฟ่ อเมซอน เป็นธุรกิจที่สร้างกำไรให้ผู้ลงทุน มีโอกาสคืนทุนใน 3 ปี
- Café Amazon มียอดขายไตรมาสแรกของปี 2568 รวม 104 ล้านแก้ว เพิ่มขึ้น 1 ล้านแก้ว หรือเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปี 2567 จากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง
- ไตรมาสแรก ปี 2568 Café Amazon มีสาขารวม 4,507 สาขา (เพิ่มขึ้น 45 สาขา ไตรมาส 4 ของปี 2567) แบ่งออกเป็นสาขาในประเทศไทย 4,472 และต่างประเทศ 35 สาขา ได้แก่ ญี่ปุ่น โอมาน เมียนมา มาเลเซีย ซาอุดีอาระเบีย และบาห์เรน
กาแฟพันธุ์ไทย
- ปัจจุบันยอดขายสุดแกร่ง เฉลี่ยเกือบ 200 แก้วต่อวันต่อสาขา (ข้อมูลเดือน พ.ค. 68)
- ปัจจุบันมี 1,580 สาขา ตั้งเป้าเปิดใหม่ขั้นต่ำ 600 สาขา ในปี 2568 (เฉลี่ยเดือนละ 50 สาขา และเร่งตัวขึ้นปลายปี) ด้วยงบลงทุนเฉลี่ย 2.5 ล้านบาทต่อสาขา
- เติบโตกว่า 30% ทั้งจำนวนลูกค้า จำนวนแก้วที่ขายได้ ยอดขายเติบโตต่อเนื่องทุกเดือน
- เจาะกลุ่ม Gen Y Z สำเร็จ จากฐานลูกค้าเดิม Gen X ขยับสู่ Gen Y และ Z มากขึ้น โดยเฉพาะ Gen Z ที่เพิ่มขึ้นถึง 10% (กลุ่มลูกค้าหลัก 35-45 ปี คิดเป็น 50-60%) ความถี่ในการซื้อไม่ต่ำกว่า 6 ครั้งต่อเดือนต่อคน
- กระแสเมนู DIY ที่ลูกค้า Gen Z คิดค้นและแชร์ต่อ สร้างยอดขายกว่า 200,000 แก้วต่อเดือน เช่น มัทฉะน้ำตาลโตนด ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
- มีสมาชิก “กาแฟพันธุ์ไทย แฟนคลับ” กว่า 500,000 คน และกลยุทธ์ “บัตรแดง” ดึงดูดผู้ใช้บริการกว่า 700,000 ราย
อินทนิล
- ปี 2566 ยอดขายของอินทนิล 2,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2565 14% จำหน่ายกาแฟได้มากถึง 30 ล้านแก้ว
- อินทนิลมีฐานลูกค้าสมาชิกบางจากกรีนสไมล์ที่มีอยู่ 7 ล้านราย เป็นฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปี 2565
- คอนเซ็ปต์ของอินทนิล คือ การรักษาสิ่งแวดล้อม บรรจุภัณฑ์เลือกใช้แก้วที่สามารถย่อยสลายในดินได้ภายใน 180 วัน และสามารถใช้เพาะชำกล้าไม้แทนการใช้ถุงพลาสติกสีดำได้อีกด้วย
- มีสมาชิกบางจากกรีนสไมล์ที่มีมากถึง 8 ล้านสมาชิก ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญ รวมถึงการมุ่งขยายสาขาสู่ Gen Z ทำให้อินทนิลต้องพัฒนาด้านการตลาดและผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ ผ่าน Social Media เพิ่มขึ้น เพื่อให้ทันต่อยุคสมัยไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Tiktok, X และช่องทาง Line Official Account @inthaninofficial
- เดินหน้าก้าวคู่ไปกับผู้ประกอบการ ด้วยรูปแบบการลงทุนที่ง่าย มีการดูแลในด้านการตลาด มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาในทุกขั้นตอน สิ่งที่พันธมิตรคู่ค้าต้องได้คือ มียอดขายและกำไรที่ดี สร้างความภาคภูมิใจ และเติบโตได้อย่างยั่งยืน
สุดท้าย การเลือกซื้อแฟรนไชส์ควรทำการศึกษาหาข้อมูลให้รอบคอบ เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของธุรกิจแฟรนไชส์แต่ละแบรนด์อย่างละเอียด อย่าลืมว่าการลงทุนแฟรนไชส์ร้านกาแฟ นอกจากงบการลงทุนที่ค่อนข้างสูง ยังมีค่าใช้จ่ายแฝง
เช่น ค่าเช่าพื้นที่ ค่าแรงพนักงาน ค่าสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าในแต่ละเดือน…แล้วคุณล่ะจะเลือกลงทุนแฟรนไชส์แบรนด์ไหน
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)