3 ทหารเสือ เชนร้านสเต็ก พันล้าน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ธุรกิจร้านอาหารและร้านเครื่องดื่มในปี 2568 เติบโตแบบชะลอตัวลง จากภาวะเศรษฐกิจไทยชะลอ ตัว ส่งผลกระทบการใช้จ่ายผู้บริโภค และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่โต คาดว่ามูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 646,000 ล้านบาท เติบโต 2.8% จากปี 2567 (ปรับลดจากคาดการณ์เดิมที่เติบโต 4.6% หรือมีมูลค่า 657,000 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2567)

ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารในปี 2568 คาดว่ามูลค่าตลาดอยู่ที่ 562,000 ล้านบาท เติบโต 3.0% จากปี 2567 กลุ่มร้านอาหารให้บริการเต็มรูปแบบ (Full service restaurant) เติบโตต่ำกว่ากลุ่มอื่น

สำหรับธุรกิจร้านเครื่องดื่ม (รวมร้านเบเกอรี่และไอศกรีม) ในปี 2568 คาดมูลค่าตลาดอยู่ที่ 84,200 ล้านบาท เติบโต 1.9% จากปี 2567 กลุ่มเบเกอรี่ยังเติบโตดีจากความหลากหลายประเภทของเบเกอรี่และร้านค้าที่มากขึ้น

ในส่วนของธุรกิจร้านอาหารสเต๊กในเมืองไทย ถือว่ามีการแข่งขันกันสูงมาก แต่ละแบรนด์สามารถนำเสนออาหารที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้หลากหลายกลุ่ม ทั้งในแง่ของรสชาติ ความอิ่มคุ้ม จนถึงประสบการณ์การรับประทานที่แตกต่างกันออกไป

โดยเฉพาะแบรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่าง Sizzler, Santa Fe’ Steak และ Eat Am Are แต่ละแบรนด์ต่างก็มีจุดขายและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเฉพาะตัวในการดึงดูดลูกค้ามาใช้บริการ

กลยุทธ์การแข่งขันของทั้ง 3 ทหารเสือ เชนร้านสเต็ก มีวิธีการดึงดูดลูกค้าอย่างไร กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของแต่ละแบรนด์เป็นใคร และจุดเด่นอะไรบ้างที่ทำให้แบรนด์แตกต่างและสามารถยืนหยัดในตลาดที่มีการแข่งขันสูงได้

Sizzler (ซิซซ์เล่อร์)

3 ทหารเสือ เชนร้านสเต็ก
ภาพจาก hwww.facebook.com/SizzlerThai

Sizzler เกิดขึ้นในปี 2501 โดย มร. เดล จอห์นสัน และภรรยา เฮเลน เปิดสาขาแรกที่เมืองคลูเวอร์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยชื่อ Sizzler มีที่มาจากเสียง “ฉ่า” ของสเต๊กเมื่อเสิร์ฟบนกระทะร้อนๆ

ในปี 2509 มร. จอห์นสัน ได้เสนอขายกิจการร้าน Sizzler ให้กับ มร. จิมคอลลินส์ ซึ่งเป็นเพิ่มของเขาไปบริหารต่อ จิมคอลลินส์ยังบริหารร้านอาหารอยู่หลายแบรนด์ เช่น KFC ด้วย ซึ่งภายหลังเป็นเจ้าของร้านแฟรนไชส์ฟาสต์ฟู้ดที่ใหญ่สุดในฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา

ต่อมาในปี 2528 Sizzler ได้ขยายธุรกิจไปถึงประเทศออสเตรเลีย ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท คอลลินส์ ฟู้ด (Collins Foods) สาขาแรกตั้งอยู่ที่เมืองแอนเนอร์เลย์ รัฐควีนส์แลนด์ ก่อนที่จะขยายสาขากระจายไปทั่วรัฐควีนส์แลนด์ นิวเซาท์เวลล์ ออสเตรเลียเหนือ และออสเตรเลียตะวันตกในปัจจุบัน

สำหรับ Sizzler ในไทย อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด (ปัจจุบันถูกควบรวมเป็นบริษัท เอ็มเอฟ คาเฟ่ แอนด์ เรสเตอรองต์ จำกัด) บริษัทในเครือไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ “MINT” โดยได้ไปซื้อแฟรนไชส์จากบริษัท Collins Foods ของออสเตรเลียมาบริหารตั้งแต่ปี 1992 หรือ พ.ศ. 2535

3 ทหารเสือ เชนร้านสเต็ก
ภาพจาก hwww.facebook.com/SizzlerThai

เปิดสาขาแรกที่อาคารฟิฟฟ์ตี้ฟิฟฟ์ พลาซ่า (Fifty Fifth Plaza) สุขุมวิท 55 (ปิดบริการแล้ว) และได้ขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมี 68 สาขา ซึ่งเป็นประเทศที่มีจำนวนสาขา Sizzler มากที่สุดในเอเชีย

ในปี 2566 หลังจาก Collins Foods บริษัทเจ้าของแบรนด์แฟรนไชส์ Sizzler ทั่วโลก ปิดกิจการทุกสาขาในออสเตรเลียได้ 3 ปี บริษัท ไมเนอร์ฯ ก็ได้ไปซื้อแบรนด์แฟรนไชส์ Sizzler ต่อจาก Collins Foods ในวงเงิน 547 ล้านบาท ทำให้ไมเนอร์ฯ เป็นเจ้าแบรนด์แฟรนไชส์ Sizzler เต็มตัว ยกเว้นในสหรัฐอเมริกา กัวเตมาลา และเปอร์โตริโก

หลังจากซื้อ Sizzler มาแล้ว ทำให้ไมเนอร์ฯ กลายเป็นบริษัทแม่แฟรนไชส์ Sizzler ในญี่ปุ่นอีก 10 สาขา และยังจะได้รับค่า Royalty Fee ปีละ 90-100 ล้านบาท อีกทั้งไม่ต้องจ่ายค่า Royalty Fee ในไทยให้กับ Collins Foods ของออสเตรเลียอีกต่อไป

โดยมีเป้าหมายขยายสาขาในอาเซียน ตะวันออกกลาง และเมื่อต้นปี 2567 ไมเนอร์ฯ ได้เปิด Sizzler สาขาแรกในเวียดนาม

ภาพจาก www.sizzler.co.th

ปัจจุบัน Sizzler ในประเทศไทย ภายใต้การบริหารของบริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด ในเครือไมเนอร์ฯ ถือว่าประสบความสำเร็จอยู่ไม่น้อย ทั้งจำนวนสาขา และรายได้

  • ปี 2562 รายได้ 2,690 ล้านบาท กำไร 124 ล้านบาท
  • ปี 2563 รายได้ 1,757 ล้านบาท ขาดทุน 53 ล้านบาท
  • ปี 2564 รายได้ 1,455 ล้านบาท ขาดทุน 38 ล้านบาท
  • ปี 2565 รายได้ 2,359 ล้านบาท กำไร 95 ล้านบาท
  • ปี 2566 รายได้ 2,461 ล้านบาท กำไร 98.6 ล้านบาท
  • ปี 2567 รายได้ 3,617 ล้านบาท กำไร 198 ล้านบาท (ควบรวมเป็นบริษัท เอ็มเอฟ คาเฟ่ แอนด์ เรสเตอรองต์ จำกัด)

กลยุทธ์ Sizzler เติบโตในไทย

3 ทหารเสือ เชนร้านสเต็ก
ภาพจาก www.sizzler.co.th

Sizzler สามารถเติบโตได้ในประเทศไทยจากหลายปัจจัยที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในท้องถิ่น โดยเฉพาะการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ตอบสนองต่อพฤติกรรมและแนวโน้มในตลาดไทย ดังนี้:

1.ความนิยมอาหารบุฟเฟ่ต์

คนไทยชื่นชอบอาหารบุฟเฟ่ต์ที่สามารถเลือกทานได้หลายรูปแบบ โดย Sizzler ให้บริการบุฟเฟ่ต์ มีทั้งสเต๊ก สลัดบาร์ที่ใหญ่ที่สุด ซีฟู้ด และของหวานที่หลากหลาย จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการความหลากหลาย

ภาพจาก hwww.facebook.com/SizzlerThai

2. กลยุทธ์การตลาดที่ดี

Sizzler ทำการตลาดที่มุ่งเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ในการทานอาหารที่ดี โดยออกเมนูใหม่ๆ และการจัดโปรโมชั่นต่างๆ ที่ดึงดูดลูกค้า เช่น โปรโมชั่น “บุฟเฟ่ต์” หรือ “เซตเมนู” ทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่าในการใช้บริการ

3. สาขาที่ตั้งในทำเลที่ดี

Sizzler มีสาขาส่วนใหญ่ในห้างสรรพสินค้าที่มีการเดินทางสะดวก ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงร้านได้ง่าย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่นหรือมีผู้คนเดินทางมาก เช่น เซ็นทรัล, ฟิวเจอร์พาร์ค สยามพารากอน และอื่นๆ

ภาพจาก hwww.facebook.com/SizzlerThai

4. ปรับเมนูเข้ากับผู้บริโภค

Sizzler นำไทยได้ปรับเมนูให้สอดคล้องกับรสชาติและความชอบของคนไทย เช่น การนำเสนออาหารที่มีรสชาติแบบไทยๆ หรือเมนูที่เป็นที่นิยมในประเทศ เมนูตามฤดูกาลต่างๆ จึงทำให้ร้านสามารถดึงดูดลูกค้าได้ดี

5. การบริการที่ดี

การบริการที่ใส่ใจและอบอุ่น ทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจและอยากกลับมาใช้บริการซ้ำ Sizzler ให้บริการที่มีคุณภาพและมอบประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าที่ไปใช้บริการ เป็นสิ่งที่ทำให้ Sizzler ได้รับการตอบรับที่ดีในประเทศไทย

ซิซซ์เล่อร์ (Sizzler)

  • ปีก่อตั้ง (ในไทย) ปี 2535
  • บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด (ปัจจุบัน…บริษัท เอ็มเอฟ คาเฟ่ แอนด์ เรสเตอรองต์ จำกัด)
  • จำนวน 68 สาขา+
  • ราคาเริ่มต้น 199 บาท
  • สโลแกน อร่อยกับจานหลัก อิ่มกับสลัดบาร์
  • เปิดบริการ 10.00-22.00 น.
  • รายได้ ปี 2565 2,359 ล้านบาท กำไร 95 ล้านบาท
  • รายได้ ปี 2566 2,461 ล้านบาท กำไร 98 ล้านบาท
  • รายได้ ปี 2567 3,617 ล้านบาท กำไร 198 ล้านบาท
  • ไม่ขายแฟรนไชส์

Santa Fe´ (ซานตาเฟ่)

3 ทหารเสือ เชนร้านสเต็ก
ภาพจาก www.facebook.com/santafesteak.th

ซานตาเฟ่ สเต๊ก เปิดตัวสาขาแรกที่แฟชั่นไอส์แลนด์ เมื่อปี 2546 ภายใต้บริษัท เคที เรสทัวรองท์ จำกัด บริหารกิจการโดยคุณสุรชัย ชาญอนุเดช ซึ่งประสบความสำเร็นจนเป็นที่มาของการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 ซานตาเฟ่ สเต๊กมีสาขาราวๆ 100 สาขาทั่วประเทศ ทำเลส่วนใหญ่อยู่ในห้างสรรพสินค้า

ซานตาเฟ่ สเต๊ก เป็นร้านอาหารที่ไม่มีครัวกลาง ต่างจากร้านอาหารขนาดใหญ่ เพราะผู้บริหารมองว่าระบบครัวกลางแม้จะเป็นระบบที่ดี แต่ก็มีต้นทุนที่สูง จึงได้นำเงินทุนในส่วนนี้ไปพัฒนางานในด้านอื่นน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า ซานตาเฟ่ โดยหันมาใช้ระบบโลจิสติกส์ ด้วยการให้ซัพพลายเออร์ของร้านส่งวัตถุดิบโดยตรง

นอกจากนี้ ร้านยังมีระบบควบคุมการผลิตซอสสูตรลับ Rambo อย่างดี โดยให้ซัพพลายเออร์ 2 ราย ผลิตส่วนผสมของซอสที่ยังไม่สำเร็จรูป และทางร้านค่อยนำมาผสมปรุงรสชาติเบ็ดเสร็จภายในร้านอีกที

สิ่งที่ทำให้ซานตา เฟ่ สเต็ก ประสบความสำเร็จ มาจาก 3 หัวใจหลัก คือ 1.สินค้าคุ้มราคา 2.มีความอร่อย หลากหลาย และ 3.คุณภาพคงความเป็นมาตรฐาน ส่วนหนึ่งของความสำเร็จยังมาจากการบอกปากต่อปากของลูกค้า มีการจัดโปรโมชั่นหน้าร้านอย่างต่อเนื่อง และเมื่อขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ ก็เน้นการทำงานร่วมกับแฟรนไชส์อย่างใกล้ชิด ปัจจุบันซานตาเฟ่ สเต๊ก มีสาขามากกว่า 140 สาขาทั่วประเทศ

ภาพจาก www.facebook.com/santafesteak.th

กลยุทธ์การแข่งขัน

  • ใช้กลยุทธ์ต้นทุนต่ำ (Cost Leadership) ควบคู่กับการมีเมนูหลากหลาย
  • โฟกัสที่การ “ให้ความคุ้มค่า” ในราคาที่เข้าถึงได้
  • ปรับเมนูให้เข้ากับรสนิยมคนไทย เช่น สเต็กซอสพริกไทยดำ ไก่ย่าง ซุปแบบไทย

กลุ่มลูกค้า

  • วัยรุ่น นักเรียน-นักศึกษา และวัยทำงานตอนต้น
  • รายได้ปานกลางถึงต่ำ มองหามื้อพิเศษที่ยังอยู่ในงบ

จุดเด่น

  • ราคาเข้าถึงง่าย
  • สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะในห้างระดับกลาง
  • การโปรโมชันบ่อย เช่น ลดราคา Combo Set
3 ทหารเสือ เชนร้านสเต็ก
ภาพจาก www.facebook.com/santafesteak.th

รายได้บริษัท เคที เรสทัวรองท์ จำกัด

  • ปี 2565 รายได้ 1,107 ล้านบาท กำไร 3.32 แสนบาท
  • ปี 2566 รายได้ 1,061 ล้านบาท ขาดทุน 36 ล้านบาท
  • ปี 2567 รายได้ 1,011 ล้านบาท กำไร 4.6 ล้านบาท

Santa Fe’ Steak เป็นแบรนด์ร้านอาหารที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาและปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดยการนำเสนอเมนูคุณภาพ บริการที่รวดเร็ว และการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ในระยะยาว

3 ทหารเสือ เชนร้านสเต็ก
ภาพจาก www.facebook.com/santafesteak.th

ซานตาเฟ่ (Santa Fe´ )

  • ปีก่อตั้ง (ในไทย) ปี 2546
  • บริษัท เคที เรสทัวรองท์ จำกัด
  • จำนวน 140 สาขา
  • ราคาเริ่มต้น 139 บาท
  • สโลแกน ความอร่อยทันใจ แบบซานตาเฟ่ อีซี่
  • เปิดบริการ 10.00-21.00 น.
  • ปี 2565 1,107 รายได้ ล้านบาท กำไร 3.32 แสนบาท
  • ปี 2566 1,061 รายได้ล้านบาท ขาดทุน 36 ล้านบาท
  • ปี 2567 รายได้ 1,011 ล้านบาท กำไร 4.6 ล้านบาท
  • แฟรนไชส์ งบลงทุน 4-7 ล้านบาท

Eat am are (อีท แอม อา)

3 ทหารเสือ เชนร้านสเต็ก
ภาพจาก www.facebook.com/CentralWestGateFanpage

ร้านสเต๊กขวัญใจคนรุ่นใหม่ ร้านสเต๊กที่มีการพูดถึงกันมากในประเทศไทย แต่ละสาขามีลูกค้ารอคิวนานหลายชั่วโมง หนึ่งในนั้นคงหนี้ไม่พ้น Eat Am Are ร้านสเต๊กขวัญใจมวลชน มีเมนูและเครื่องเคียงหลากหลาย ราคาเริ่มต้น 129 บาท ปัจจุบันมี 19 สาขา เปิดตามคอมมิวนิตี้มอลล์ ศูนย์การค้า และห้างสรรพสินค้า

Eat am are สาขาแรกเปิดอยู่ที่ซอยรางน้ำ ถนนพญาไทย มีคุณธัช เกษมสิทธิโชค เป็นผู้ก่อตั้งเมื่อราวๆ ปี 2557 ได้เสียงตอบรับค่อนข้างดีตั้งแต่ดเปิดบริกานวันแรก หลังจากนั้นมีการขยายสาขาเพิ่ม โดยโฟกัสทำเลโซนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปก่อนในช่วงแรก ก่อนขยายสาขาไปทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล

จุดเด่นร้านสเต๊ก Eat am are ที่ลูกค้าหลายๆ คนพูดถึงกันมาก ก็คือ ปริมาณอาหารต่อจานเยอะ ชิ้นใหญ่ ราคาไม่แพง รสชาติดีถูกปาก เข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลากหลาย นับว่าเป็นร้านสเต๊กตลาด Mass ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว มีลูกค้ารอคิวแน่นเกือบทุกสาขา

ภาพจาก www.facebook.com/CentralWestGateFanpage

นอกจากให้ปริมาณเยอะแล้ว Eat am are ยังทำเมนูออกมาหลากหลาย และมีเครื่องเคียงให้เลือกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเมนูสปาเก๊ตตี ของทอด ข้าวผัด ส้มตำ มันบด และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งในแต่ละเมนูรสชาติตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ทำให้แต่ละสาขาของ Eat am are มีลูกค้าทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่หมุนเวียนไปใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

ถ้าหากวิเคราะห์หลักการบริหารจัดการและกลยุทธ์ของร้านสเต๊ก Eat am are ตามหลัก Business Canvas จะพบว่ามีหลายอย่างมากที่ Eat am are นำเสนอคุณค่าให้แก่ลูกค้าจนได้รับความนิยม

3 ทหารเสือ เชนร้านสเต็ก
ภาพจาก www.facebook.com/CentralChaengwattanapage

เริ่มต้นที่…

  • ราคาไม่แพง เข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลากหลาย ทั้งนักศึกษา พนักงานออฟฟิศ ครอบครัว
  • ปริมาณอาหารต่อจานเยอะ คุ้มราคา ถ้าคนกินน้อย สเต๊ก 1 จาน แบ่งทานได้ 2 คน ราคาเฉลี่ย 100-250 บาท
  • ของเครื่องเคียงและของทานเล่นปริมาณเยอะ รสชาติอร่อย เช่น ส้มตำ สปาเก็ตตี
  • เมนูหลากหลาย เป็นทางเลือกให้กับลูกค้า
  • อาหารรสชาติอาหารอร่อย เป็นมาตรฐานเหมือนกันทุกสาขา ควบคุมมาตรฐานรสชาติจากการทำ Standard Operating Procedure (SOP) เขียนขั้นตอนการปฏิบัติงานต่างๆ ให้เหมือนกันทุกสาขา
  • การตกแต่งร้าน สะอาด ดูดี กว้างขวาง สะอาด
  • พนักงานบริการดีและรวดเร็ว

เมื่อวิเคราะห์กลยุทธ์ตามหลัก Value Proposition ของ Business Canvas ก็ไม่แปลกที่ร้านสเต๊ก Eat am are จะมีลูกค้าต่อคิวนานหลายชั่วโมง นับว่าเป็นสเต็กตลาด Mass ชิ้นใหญ่ ราคาถูกของไทย ที่ลูกค้าพร้อมตามไปต่อคิวทุกเมื่อที่อยากกิน

3 ทหารเสือ เชนร้านสเต็ก
ภาพจาก www.facebook.com/CentralChaengwattanapage

รายได้ Eat am are (บริษัท อีท แอม อา กรุ๊ป จำกัด)

  • ปี 2565 รายได้ 494 ล้านบาท กำไร 4.2 ล้านบาท
  • ปี 2566 รายได้ 772 ล้านบาท กำไร 4.1 ล้านบาท
  • ปี 2567 รายได้ 1,269 ล้านบาท กำไร 15 ล้านบาท

สุดท้าย ถ้าถามว่าคู่แข่งของ Eat am are จริงๆ คิดว่าไม่น่าจะเป็นสเต๊กลุงหนวดโดยตรง แต่เป็น The Steak & More ในเครือไมเนอร์ฯ เจ้าของเดียวกันกับ Sizzler พึ่งจะเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัล เวสต์เกต ไปเมื่อต้นปี 2568 ขนาด 150-220 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 129 บาทต่อจาน เหมือนกับ Eat am are เจาะกลุ่มตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา ไปจนถึงพนักงานออฟฟิศ

อีท แอม อา (Eat Am Are)

  • ปีก่อตั้ง (ในไทย) ปี 2557
  • บริษัท อีท แอม อา กรุ๊ป จำกัด
  • จำนวน 19 สาขา
  • ราคาเริ่มต้น 129 บาท
  • สโลแกน ร้านสเต๊กที่ดีจริงใจ
  • เปิดบริการ 10.00-23.00 น.
  • ปี 2565 รายได้ 494 ล้านบาท กำไร 4.2 ล้านบาท
  • ปี 2566 รายได้ 772 ล้านบาท กำไร 4.1 ล้านบาท
  • ปี 2567 รายได้ 1,269 ล้านบาท กำไร 15 ล้านบาท
  • ไม่ขายแฟรนไชส์
ภาพจาก www.facebook.com/CentralChaengwattanapage

สรุป 3 ทหารเสื้อร้านสเต๊ก ใครได้เปรียบ?

  • Sizzler ได้เปรียบในตลาดบนถึงกลาง ด้วยจุดขายที่แข็งแรงและประสบการณ์ผู้บริโภค
  • Santa Fe’ ได้เปรียบในตลาดกลาง มีการจับกลุ่มกว้างและเข้าใจรสนิยมคนไทย
  • Eat Am Are แข็งแกร่งในตลาดล่าง-กลาง ที่เน้นปริมาณและราคาถูก โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น นักศึกษา

ปัจจัยความสำเร็จของร้านสเต๊กในไทย

  • รสชาติถูกปากคนไทย
  • ความคุ้มค่ากับเงิน ได้ปริมาณเยอะ
  • โลเคชั่นดี หรือมีระบบเดลิเวอรี่มารองรับ
  • สร้างแบรนด์ ให้มีภาพจดจำได้ง่าย
  • คุณภาพอาหารและวัตถุดิบดี
  • บรรยากาศร้านหรือการตกแต่งสวยงามเป็นเอกลักษณ์

สุดท้าย ตลาดร้านสเต๊กในไทยแข่งขันสูงและหลากหลายแบรนด์ ตั้งแต่ร้านสไตล์พรีเมียมไปจนถึงสเต๊ก 60 บาทข้างทาง การแข่งขันขึ้นอยู่กับการจับตลาดให้ตรงกลุ่ม การควบคุมคุณภาพ รสชาติถูกปาด และการใช้ช่องทางการตลาดให้มีประสิทธิภาพ หากผู้เล่นรายใหม่ต้องการเข้าสู่ตลาด ควรพิจารณาว่าอยากเล่นในกลุ่ม “ราคา” “คุณภาพ” หรือ “ประสบการณ์ในการทาน”

อ้างอิง

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช