3 ข้อคิดธุรกิจจากรายการ Shark Tank อเมริกา

รายการ Shark Tank ของ ABC ในสหรัฐอเมริกา ถือเป็นรายการที่มีผู้ชมหลายล้านคน เพื่อดูผู้ประกอบการต่างๆ พยายามนำเสนอธุรกิจของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อเอาชนะกลุ่มนักลงทุนอย่างสุดความสามารถ

รายการ Shark Tank

ภาพจาก bit.ly/2JHJPEC

อย่างไรก็ตาม นอกจากรายการ Shark Tank จะมีทั้งความบันเทิงที่คนดูเฝ้าติดเป็นประจำ ในรายการยังมีข้อคิดธุรกิจดีๆ รวมถึงบทเรียนในการทำธุรกิจที่ได้จากนักลงทุนที่เข้าร่วมรายการมอบให้ด้วย

วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com ขอนำเสนอข้อคิดในการทำธุรกิจ หรือบทเรียนที่ได้จากการดูรายการ Shark Tank ครับ

1.พิสูจน์ให้ได้ว่าสินค้ามีตลาดรองรับ

44

ภาพจาก bit.ly/2LTwGdY

ผู้ประกอบการที่ได้คัดเลือกมารายการ Shark Tank จำเป็นต้องมีไอเดีย มีตัวสินค้าหรือธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่หลายๆ ครั้ง ทางรายการพยายามบอกว่า ผู้ประกอบการไม่ควรมองหานักลงทุน จนกว่าจะสามารถขายสินค้าได้

กล่าวคือ ผู้ประกอบการต้องพิสูจน์ให้แน่ชัดว่า สินค้าของตัวเองมีตลาดรองรับ หรือตลาดมีความต้องการ และมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายชัดเจน โดยวิธีการพิสูจน์ตำแหน่งทางการตลาดมีหลายทาง ขึ้นอยู่กับแต่ละธุรกิจ ผู้ประกอบการบางรายเลือกให้ความสำคัญที่การขายออนไลน์ ในขณะที่บางรายเลือกหาผู้ค้าส่งเพื่อกระจายสินค้าต่อให้ผู้ค้าปลีก

Joel Goldstein ประธานบริษัท Mr. Checkout Distributors เครือข่ายผู้ค้าปลีก และผู้ค้าส่งที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจัดส่งสินค้าของว่าที่ผู้ประกอบการจาก Shark Tank มากมายไปยังร้านค้านับร้อยๆ แห่ง ได้นำเสนอว่า “ยิ่งผลิตภัณฑ์ได้รับการพิสูจน์โดยการถูกผลักดันออกสู่ร้านค้าหลายแห่งมากเท่าไร ความเสี่ยงในความรู้สึกของผู้ลงทุนก็น้อยลงเท่านั้น”

43

ภาพจาก bit.ly/30xFsTl

Goldstein จึงให้ความสำคัญเรื่องการดันสินค้าออกสู่ร้านค้าให้เร็ว และการจัดเรียงสินค้าในตำแหน่งที่เหมาะสม เพราะจะมีผลต่อการขายโดยเขาบอกว่า ตำแหน่งและช่วงเวลาที่ถูกต้องที่ลูกค้าจะได้เห็นสินค้าเป็นสิ่งสำคัญ

ลูกค้าต้องเห็นสินค้าคุณ ไม่งั้นคุณจะขายไม่ได้ ดังนั้น เมื่อจะผลิตสินค้าใหม่ ๆ คุณควรทดสอบหลายอย่าง เช่น การทดสอบการตลาดในร้าน การทดสอบเรื่องแพ็คเกจสินค้า และการเสนอขายสินค้า เป็นต้น

Goldstein บอกว่า การนำสินค้าไปวางบนชั้นขายเป็นอุปสรรคขั้นแรก ผู้ประกอบการต้องคิดว่าจะวางสินค้ายังไงให้กลายเป็นแบรนด์ระดับประเทศ จากนั้นจะทำยังไงให้ผู้ค้าปลีกขายสินค้าได้มากขึ้น และอยู่ในรายการขายได้นานที่สุด

ที่สำคัญผู้ประกอบการควรสร้างเสียงฮือฮาในตัวสินค้าให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะเวลาเสนอขายให้ผู้ขายปลีก คุณต้องทำให้เขาได้รู้จักสินค้าคุณก่อนที่คุณจะเดินเข้าไปหา ถ้าคุณตอบโจทย์ทุกอย่างนี้ได้ ผู้ประกอบการจะผ่านด่านนักลงทุนไปอีกขั้นแน่นอน

2.เน้นที่จุดแข็งของสินค้าหรือธุรกิจตัวเอง

42

ภาพจาก bit.ly/2LemuNZ

อย่าขยายกิจการเร็วเกินไป จนกว่าผู้ประกอบการจะทำจุดเริ่มต้นแรกให้ดีที่สุดได้ บางครั้งการขยายกิจการอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่คำตอบ ความยึดมั่นในการพัฒนาคุณภาพแบรนด์ของตัวเอง

อาจพาคุณไปสู่ความสำเร็จได้ดีกว่า เมื่อคิดจะผลิตสินค้าก็ต้องพัฒนาไปให้ถึงที่สุด ผู้ประกอบการต้องใส่ใจกับแบรนด์ และทำแบรนด์ของตัวเองให้แกร่งก่อนจะลงทุนอย่างอื่น

หลายครั้งผู้ประกอบการไม่ผ่าน Shark Tank เพราะพลาดตรงจุดนี้ เหมือนกับกรณีของธุรกิจโบว์หูกระต่าย Mo’s Bows แม้ว่านักธุรกิจเด็กอย่าง Mo Bridges เดินออกจากรายการโดยไม่ชนะ เขาก็ได้รับบทเรียนเรื่องนี้โดยตรงจาก Daymond John

41

ภาพจาก bit.ly/2Ld2Gu8

Mo Bridges ได้รับคำเตือนจาก Daymond John เรื่องแผนธุรกิจที่จะขยายไปสู่เครื่องประดับชายอย่างเต็มรูปแบบ John บอกว่าการขยายธุรกิจอาจเร็วเกินไป Bridges ต้องโฟกัสที่ศักยภาพหลักของสินค้าตัวแรกที่เป็นของเขาจริงๆ คือ “โบว์หูกระต่าย”

นักลงทุนมักมองหาความหลงใหล ในการทำธุรกิจจากผู้ประกอบการตอนนำเสนอแผนธุรกิจ บางครั้งนักลงทุนต้องการลงทุนกับไอเดียแห่งอนาคต และความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจ ที่มองเห็นโอกาสเดียวกันมากกว่าตัวสินค้า

ดังนั้น ผู้ประกอบการควรนำเอาความหลงใหลมาสร้างความประทับใจ และเป็นจุดแข็งในช่วง 2-3 นาทีแรกของนำเสนอแผนธุรกิจ เพราะจะทำให้นักลงทุนมองเห็นว่า ผู้ประกอบการมีความตั้งใจอยากทำธุรกิจ ให้ประสบความสำเร็จจริงๆ

3.อย่าจำกัดกรอบแคบๆ ให้ตัวเอง

40

ภาพจาก bit.ly/2YQiztK

สินค้าที่แปลกใหม่และตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ มักประสบความสำเร็จ แต่ต้องไม่ใช่สินค้าที่จำกัดกลุ่มลูกค้า หรือการตลาดที่แคบเกินไป เพราะผู้ประกอบการจะเกิดปัญหาในการขยายกิจการและทำกำไร ซึ่งความจริงการจำกัดกลุ่มลูกค้าแบบเฉพาะด้านเป็นเรื่องที่ดี แต่คุณต้องมั่นใจว่าการตลาดแบบเฉพาะด้าน สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย และอยู่ในตลาดได้นาน

การจำกัดกลุ่มลูกค้าแคบ ถือเป็นการจำกัดศักยภาพการพัฒนาธุรกิจของตัวเอง เช่น Ledge Pillow หมอนที่ถูกออกแบบพิเศษเพื่อผู้หญิงที่ชอบนอนคว่ำ และเสริมหน้าอก แน่นอนว่าทาง Shark Tank มีคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า การตลาดของธุรกิจนี้แคบเกินไป เพราะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมีแค่ 3 อย่างเท่านั้น คือ 1. เป็นผู้หญิง 2. ชอบนอนคว่ำ และ 3. คนที่เสริมหน้าอก

นั่นหมายความว่า ผู้ประกอบการจะไม่มีโอกาสขายสินค้าให้คนส่วนมาก ที่อยู่นอกเหนือเงื่อนไข 3 ข้อนี้เลย และทำให้ผู้ประกอบการพลาดโอกาสทางธุรกิจก็ได้ แล้วจะตีกรอบให้ตัวเองทำไม ในเมื่อคุณสามารถเพิ่มการขายให้สูงกว่านี้ได้

ทั้งหมดเป็น 3 ข้อคิดทางธุรกิจได้ได้จากรายการ Shark Tank ของ ABC ในสหรัฐอเมริกา ถือเป็นบทเรียนสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ที่ผู้ประกอบการสามารถนำเอาไปเป็นแนวทาง ในการพัฒนาธุรกิจให้เป็นที่ต้องการของนักลงทุน ตลาด และผู้บริโภคได้


คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

01

อ่านบทความอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ www.thaifranchisecenter.com/document
เลือกซื้อแฟรนไชส์ไทยขายดี เปิดร้าน www.thaifranchisecenter.com/directory/index.php

SMEs Tips

  1. พิสูจน์ให้ได้ว่าสินค้ามีตลาดรองรับ
  2. เน้นที่จุดแข็งสินค้าและธุรกิจตัวเอง
  3. อย่าจำกัดกรอบแคบๆ ให้ตัวเอง

อ้างอิงข้อมูล
bit.ly/2fvG47T

อ้างอิงจาก https://bit.ly/3qqs41w

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช