10 เทรนด์แฟรนไชส์มาแรง ในสหรัฐอเมริกา ปี 2026

อุตสาหกรรมแฟรนไชส์ในสหรัฐอเมริกายังคงขยายตัวและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้เศรษฐกิจจะเผชิญความท้าทายจากเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูง รายงานของ International Franchise Association (IFA) ซึ่งจัดทำร่วมกับ FRANdata ชี้ให้เห็นแนวโน้มที่ชัดเจนว่าธุรกิจแฟรนไชส์อเมริกา ยังคงเติบโตในอัตราที่เหนือกว่าตลาดรวมมาอย่างต่อเนื่อง

ในปี 2024 อุตสาหกรรมแฟรนไชส์ในอเมริกาขยายตัว 2.2% และคาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นราว 2.4% ในปี 2025 ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่าผู้บริโภคและผู้ประกอบการยังคงเชื่อมั่นในระบบแฟรนไชส์ ซึ่งมีจุดแข็งเรื่องมาตรฐาน ความน่าเชื่อถือ และรูปแบบธุรกิจที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถแข่งขันได้ในสภาวะเศรษฐกิจผันผวน

อีกหนึ่งสัญญาณบวกคือจำนวนสาขาแฟรนไชส์ทั่วประเทศที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดว่าสิ้นปี 2025 จะมีธุรกิจแฟรนไชส์เปิดใหม่มากกว่า 20,000 สาขา ส่งผลให้ยอดรวมแตะประมาณ 851,000 สาขา นับว่าเป็นตัวเลขสูงที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปี

ด้านการจ้างงาน แฟรนไชส์ยังคงมีบทบาทสำคัญในตลาดแรงงานของประเทศ โดยสิ้นปี 2025 คาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 210,000 ตำแหน่ง ทำให้จำนวนแรงงานรวมในภาคธุรกิจแฟรนไชส์สูงเกือบ 9 ล้านคน การเติบโตอุตสาหกรรมแฟรนไชส์ในอเมริกา สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงแข็งแกร่งของอุตสาหกรรม และมีบทบาทในเสริมสร้างเศรษฐกิจในวงกว้าง

สำหรับปี 2026 เว็บไซต์ Entrepreneur รายงานว่ามี 10 หมวดธุรกิจแฟรนไชส์ในอเมริกาที่เติบโตโดดเด่นที่สุด ได้แก่

1. อาหารเอเชีย (Asian Food)

ภาพจาก freepik.com

ความนิยมในอาหารเอเชียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วสหรัฐฯ โดยเฉพาะอาหารที่ตอบโจทย์สุขภาพ เช่น ซูชิ ราเมง เกาหลี ญี่ปุ่น เวียดนาม จีน และอาหารเอเชียร่วมสมัย ผู้บริโภคมีแนวโน้มเปิดรับอาหารนานาชาติมากขึ้นตามกระแสโลกาภิวัตน์ และมองว่าอาหารเอเชียมีความหลากหลาย รสชาติอร่อย และดีต่อสุขภาพ นอกจากนี้ ธุรกิจร้านอาหารเอเชียจำนวนมากมีโมเดลแฟรนไชส์ ครัวขนาดเล็ก ร้าน take-out และระบบบริการรวดเร็ว ทำให้ต้นทุนและความเสี่ยงต่ำกว่าร้านอาหารเต็มรูปแบบ

2. เครื่องดื่ม (Beverages)

ภาพจาก freepik.com

ตลาดเครื่องดื่มในสหรัฐฯ เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเครื่องดื่มในกลุ่มชา กาแฟ เครื่องดื่มสุขภาพ และชานมสไตล์เอเชีย จุดแข็งของหมวดนี้ คือ ผู้บริโภคมีพฤติกรรมการซื้อแบบซื้อต่อเนื่องเป็นประจำ ขณะที่การลงทุนเปิดร้านแฟรนไชส์ที่ใช้พื้นที่ไม่มาก ทำให้ต้นทุนเริ่มต้นต่ำ และยังสามารถให้บริการสั่งออนไลน์หรือ Drive-Thru ได้ดี ยิ่งกระแสรักสุขภาพในสหรัฐฯ จึงมีส่วนช่วยผลักดันเครื่องดื่มประเภท plant-based, low sugar และ functional drinks ให้เติบโตมากขึ้น

3. ธุรกิจบริการ (Business Services)

ผู้ประกอบการและบริษัทขนาดเล็กจำนวนมากต้องการใช้บริการ Outsource เช่น การตลาดดิจิทัล บัญชี บริหารสำนักงาน ไอที และบริการที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมาย ยิ่งธุรกิจรายย่อยและธุรกิจออนไลน์มีการเติบโต จึงทำให้มีความต้องการใช้บริการสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น แฟรนไชส์ในหมวดนี้มักใช้เงินลงทุนไม่สูง และมีรายได้สม่ำเสมอจากลูกค้าประจำ

4. การศึกษาและกิจกรรมพัฒนาเด็ก (Children’s Education & Enrichment)

10 เทรนด์แฟรนไชส์มาแรง
ภาพจาก https://citly.me/Ri6ZS

แม้ในประเทศไทยธุรกิจด้านการศึกษาอยู่ในภาวะวิกฤต เพราะเด็กเกิดน้อยลง แต่ในสหรัฐอเมริกาพ่อแม่ชาวอเมริกันเพิ่มการลงทุนด้านการศึกษาและเสริมทักษะให้กับเด็กอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับทักษะด้าน STEM ภาษา ศิลปะ และกิจกรรมเสริมสร้างความมั่นใจ ธุรกิจการศึกษาสำหรับเด็กจึงได้รับความนิยมเพราะสอดคล้องกับความคาดหวังของครอบครัวรุ่นใหม่ นอกจากนี้ ยังถูกมองว่าเป็นธุรกิจที่ทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากผู้ปกครองมักไม่ลดค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา

5. สุขภาพและความเป็นอยู่ (Health & Wellness)

10 เทรนด์แฟรนไชส์มาแรง
ภาพจาก https://citly.me/FY3Pg

แนวโน้มดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและการให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตยังคงเป็นกระแสใหญ่ในสหรัฐฯ ผู้บริโภคมองหาบริการด้านฟิตเนสแบบเฉพาะทาง คลินิกสุขภาพป้องกัน สปาเพื่อสุขภาพ คลินิกดูแลน้ำหนัก และบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิตและการผ่อนคลาย แฟรนไชส์ในหมวดนี้เติบโตเพราะตอบโจทย์ความต้องการในระยะยาวของประชากรทั้งวัยทำงานและผู้สูงอายุ

6. บริการกำจัดขยะและเช่าถังขยะ (Junk Removal & Dumpster Rentals)

10 เทรนด์แฟรนไชส์มาแรง
ภาพจาก www.bintheredumpthat.com

แฟรนไชส์ในหมวดนี้เติบโตเร็วเพราะความต้องการใช้บริการกำจัดขยะและของใช้เก่าจากเจ้าของบ้านเพิ่มขึ้นอย่างมาก ปัจจัยสำคัญคือการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ การรีโนเวทบ้าน และความนิยมในงานซ่อมแซมภายในบ้าน นอกจากนี้ ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ที่ผู้บริโภคต้องการพื้นที่จัดเก็บและที่อยู่อาศัยที่เป็นระเบียบ สะอาด จึงทำให้บริการนี้ได้รับความต้องการต่อเนื่อง

7. การดูแลส่วนบุคคล (Personal Care)

ธุรกิจแฟรนไชส์ด้านเสริมสวย สปา เล็บ สกินแคร์ และซาลอนในรูปแบบใหม่ในสหรัฐอเมริกามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ self-care และภาพลักษณ์ส่วนตัว ขณะเดียวกัน ธุรกิจบางรูปแบบ เช่น Salon Suites ยังช่วยจ้างงานให้ช่างเสริมสวยอิสระ ซึ่งตอบโจทย์ตลาดแรงงานแบบ Freelance ที่กำลังเติบโต การเติบโตของแฟรนไชส์หมวดนี้จึงมาจากทั้งฝั่งผู้บริโภคที่ต้องการดูแลตัวเอง และกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ

8. สัตว์เลี้ยง (Pets)

10 เทรนด์แฟรนไชส์มาแรง
ภาพจาก www.facebook.com/CentralBarkUSA

ผู้บริโภคสหรัฐฯ มองสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกในครอบครัว ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสัตว์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งการอาบน้ำ ตัดขน ฝากลี้ยง โรงแรมสัตว์เลี้ยง การฝึกสัตว์ รวมถึงบริการสุขภาพสัตว์เลี้ยง การเติบโตของแฟรนไชส์หมวดนี้มั่นคง ไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ และมีอัตราการใช้จ่ายต่อหัวสูงขึ้นทุกปี ทำให้เป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ที่นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุด

9. กิจกรรมสันทนาการ (Recreation)

ความต้องการหากิจกรรมผ่อนคลาย นันทนาการ และการออกกำลังกายเพิ่มสูงขึ้น หลังจากช่วงเวลาที่ผู้คนใช้ชีวิตอยู่บ้านเป็นเวลานาน ธุรกิจแนว Recreation เช่น ฟิตเนสเฉพาะทาง สตูดิโอฟิตเนส สนามกีฬาในร่ม กิจกรรมสำหรับครอบครัว และศูนย์ความบันเทิง จึงเติบโตดี จุดเด่นคือเป็นธุรกิจที่สร้างประสบการณ์และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ทำให้มีฐานลูกค้าประจำสูง

10. การฟื้นฟูซ่อมแซม (Restoration)

10 เทรนด์แฟรนไชส์มาแรง
ภาพจาก www.facebook.com/SERVPRO

ธุรกิจบริการฟื้นฟูและซ่อมแซม เช่น ซ่อมแซมบ้านหลังเกิดน้ำท่วม ไฟไหม้ เชื้อรา หรือความเสียหายต่างๆ ได้รับความต้องการสูงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบ้านและอาคารต้องการบริการบำรุงรักษาสม่ำเสมอ รวมทั้งเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ยังผลักดันให้แฟรนไชส์บริการซ่อมแซมเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีความต้องการสูงและเติบโตอย่างสม่ำเสมอในอเมริกา

ทั้ง 10 หมวดธุรกิจแฟรนไชส์ในสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มเติบโตและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในปี 2026 เพราะตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และมาตรฐานที่เชื่อถือได้ พร้อมทั้งธุรกิจแฟรนไชส์เหล่านี้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ การดูแลสัตว์เลี้ยง การใช้ชีวิตในบ้าน และครอบครัว

หมวดธุรกิจแฟรนไชส์เหล่านี้ยังมีลักษณะมีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน ทำให้ความต้องการไม่ผันผวนแม้เศรษฐกิจไม่แน่นอน ขณะเดียวกันระบบแฟรนไชส์ช่วยลดความเสี่ยงให้ผู้ประกอบการมือใหม่ที่ต้องการอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง และยังสามารถนำเทคโนโลยี เช่น ระบบจองคิว แอปสั่งงาน หรือระบบบริหารจัดการร้าน มาเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานได้เป็นอย่างดี

ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดนี้ ทำให้ทั้ง 10 ประเภทแฟรนไชส์จึงถูกมองว่าเป็นหมวดธุรกิจที่มีพื้นฐานแข็งแรง มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และเป็นตัวเลือกที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นพิเศษในปี 2026

อ้างอิงข้อมูล

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช