เข้าใจ Blockchain อย่างง่าย! (สำหรับผู้เริ่มต้น)

เข้าใจ Blockchain อย่างง่าย! (สำหรับผู้เริ่มต้น)  Blockchain กลายเป็นเทคโนโลยี ที่มีผู้คนพูดถึงกันอยู่บ่อยครั้ง เชื่อว่าต่อจากนี้ไป เราคงจะได้ยินคำนี้กันมากขึ้นเรื่อยๆ และน่าจะเป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำของเราทุกคน

วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com จะนำเสนอเรื่องราวของ Blockchain ให้คุณผู้อ่านเข้าใจอย่างง่ายๆ แม้จะเป็นผู้เริ่มต้นก็ตาม รวมถึงวิธีการนำเอา Blockchain ไปใช้ประโยชน์

Blockchain คือ อะไร

Blockchain คือ อะไร

ก่อนจะเข้าใจ Blockchain เราต้องเข้าใจกันก่อนว่า ระบบในธนาคารที่เราใช้กันอยู่ในทุกวันนี้ เป็นระบบแบบรวมศูนย์กลาง (Centralized) คือ มีธนาคารเป็นคนกลาง เป็นศูนย์รวมในการจัดการระบบทุกๆ อย่าง

เช่น ธนาคารเป็นผู้จัดการข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับบัญชีของเรา ตั้งแต่ เปิดบัญชี ฝากเงิน ออมเงิน ถอนเงิน เป็นต้น ข้อเสียของระบบนี้คือ ความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของข้อมูลทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับคนกลางหรือธนาคารเป็นหลัก

ดังนั้น ระบบ Blockchain จึงถูกพัฒนาขึ้นมาจากข้อเสียจุดนี้ คือ แทนที่เราจะฝากชีวิตด้านการเงินของเราทั้งหมด ไว้กับธนาคารเพียงผู้เดียว (มีสมุดบัญชีส่วนตัว และฝากให้ธนาคารเป็นผู้จัดการตรวจสอบความถูกต้องทั้งหมด)

รายการเดินบัญชีหรือข้อมูลทั้งหมดของเราจะเป็นสาธารณะ (Public Ledger) และแจกจ่ายให้ทุกคนในเครือข่าย (Network) คนละฉบับ โดยทุกคนที่อยู่ในเครือข่าย ต้องช่วยกันยืนยันความถูกต้องของข้อมูล คล้ายๆ ระบบสหกรณ์ หรือระบบประชาธิปไตยที่ทุกคนมีส่วนร่วม มีอำนาจออกเสียง

2

ระบบแบบนี้จะตรงข้ามกับแบบรวมศูนย์กลาง (Centralized) และเรียกว่าระบบกระจาย (Distributed) โดยจำนวนบุคคลใน Network จะขึ้นอยู่กับประเภทของ Blockchain

ซึ่งมีทั้งแบบสาธารณะ (Public) ที่คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ แบบส่วนตัว (Private) ที่เป็นระบบที่ใช้ในองค์กรเท่านั้น และแบบสมาคม (Consortium) ที่ใช้เฉพาะในเครือข่ายองค์กรหนึ่งๆ เช่น ธนาคาร เป็นต้น

หรือพูดโดยสรุปได้ว่า การเปลี่ยนแปลงข้อมูลทางการเงินใดๆ (Transaction) ต้องมีการยืนยันจากทุกคนในระบบ (Network) ก่อนว่าข้อมูลนั้นๆ ถูกต้อง ข้อมูลจึงจะได้รับการอนุมัติและไปเรียงต่อในระบบบล็อกได้

แม้ Blockchain อาจดูเป็นศัพท์ที่ไกลตัวสำหรับผู้ที่ไม่ได้อยู่ในวงการการเงิน แถมยังเป็นระบบที่เข้าใจยากอยู่สักหน่อย แต่การมาของ Blockchain ก็สามารถบอกเทรนด์หลายๆ อย่างในอนาคต ที่อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคนได้

เช่น การนำ Blockchain มาใช้จัดการเรื่องภาษี และช่วยให้กลุ่มผู้อพยพสามารถส่งเงินข้ามประเทศได้ง่ายมากขึ้นในบางกรณีที่ธนาคารมีข้อจำกัด หรือการนำเทคโนโลยี Blockchain มาช่วยในระบบจัดส่งสินค้า (Supply chain)

ประโยชน์ของ Blockchain

3

  1. มีความโปร่งใสสูง สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้จากทุกฝ่าย
  2. ไม่สามารถเกิดการทุจริตได้ เพราะข้อมูลไม่สามารถถูกปลอมแปลงได้
  3. เมื่อธุรกรรมหรือสัญญาถูกจัดเก็บในรูปของข้อมูล การนำข้อมูลเหล่านั้นมาประมวลผล เพื่อบังคับให้ทำตามสัญญาหรือธุรกรรมต่างๆ เหล่านั้น ก็สามารถทำได้โดยอัตโนมัติ และยังนำไปประยุกต์ใช้รูปแบบอื่น เช่น การแจ้งเตือนเมื่อสัญญากำลังจะหมดอายุได้ เป็นต้น
  4. เมื่อการทำธุรกรรมหรือสัญญาเหล่านี้ ไม่ต้องมีตัวกลาง ก็จะสามารถประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายลงไปได้อีกมาก

นำ Blockchain ไปใช้งานต้องทำอะไรบ้าง

4

เนื่องจาก Blockchain นี้เป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูลเท่านั้น ดังนั้นในการนำ Blockchain ไปใช้งานก็ต้องมีการพัฒนา Application ขึ้นมาทำงานร่วมกับ Blockchain อีกทีหนึ่ง

เพื่อทำการจัดเก็บข้อมูลที่เราต้องการให้มีความโปร่งใส และน่าเชื่อถือในระบบของ Blockchain และเปิดให้ผู้ใช้งานคนอื่นๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลภายใน Blockchain หรือบันทึกข้อมูลลงไปยังระบบของ Blockchain ได้อย่างง่ายดาย

ตัวอย่างการนำ Blockchain ไปใช้งานจริง

5

  1. ใช้งานในธุรกิจที่มีการทำธุรกรรมหรือสัญญาเป็นหลัก เช่น การเงิน, การทำประกัน โดยสามารถใช้งานแทนเอกสารในรูปแบบเดิมๆ ได้เลย
  2. ใช้งานในธุรกิจที่ต้องการความโปร่งใส เช่น การบริจาคเงินให้กับองค์กรหรือบุคคลต่างๆ ก็จะมั่นใจได้ว่าเงินนั้นจะไปถึงปลายทางอย่างแน่นอน
  3. ใช้ในการติดตามสินค้าต่างๆ เช่น การติดตามเส้นทางขนส่งของอาหารสดแต่ละชิ้น ก็จะทำให้ทราบได้ทันทีว่าวัตถุดิบรายการไหนถูกส่งออกมาจากฟาร์มแห่งใด, ขายไปยังลูกค้ารายใด, หมดอายุวันไหน รวมถึงหากเกิดปัญหากับสินค้าชิ้นนั้นๆ ก็สามารถสืบสวนไปถึงต้นตอได้ทันที เป็นต้น
  4. การสำรองข้อมูลย้อนหลังให้มั่นใจว่า จะไม่ถูกทำลายหรือไม่ถูกเปลี่ยนแปลง ก็สามารถใช้ Blockchain ในการบันทึกข้อมูลที่ต้องการสำรองเอาไว้ได้
  5. ล่าสุดนี้ในประเทศไทย ก็มีการนำ Blockchain มาเปิดบริการการจัดเก็บเอกสารสำหรับใช้ทำสัญญาโดยเฉพาะแล้ว

นับว่าเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูกันต่อไป ว่ารัฐบาลและวงการสถาบันการเงิน จะยินยอมให้เทคโนโลยีใหม่ๆ และ Fintech เข้ามา Disrupt วงการการเงินหรือไม่ และเทคโนโลยี Blockchain จะเป็นที่ยอมรับในวงกว้างแค่ไหน

แต่แน่นอน “รู้ก่อน ได้เปรียบกว่า”

อ่านบทคามอื่นๆ จากไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ http://www.thaifranchisecenter.com/home.php
เลือกซื้อแฟรนไชส์ไทยขายดี ทำธุรกิจ http://www.thaifranchisecenter.com/directory/index.php


อ้างอิงข้อมูล

https://goo.gl/U5xEqZ
https://goo.gl/KSVeMg

ขอบคุณรูปภาพจาก https://pixabay.com

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช