มวยถูกคู่ พิซซ่า ฮัท Vs เดอะ พิซซ่า คอมปะนี

ต้องยอมรับว่า “ พิซซ่า ” เริ่มเป็นที่รู้จักของคนไทยในช่วงสมัยสงครามเวียดนาม โดยสหรัฐฯ ได้มาตั้งฐานทัพในเมืองไทย ก่อนที่แบรนด์พิซซ่าชื่อดังระดับโลกอย่าง “พิซซ่า ฮัท” จะขยายสาขาเข้ามาภายใต้การบริหารและทำตลาดของ “วิลเลียม อี.ไฮเนคกี้ (William E. Heinecke)” ที่ได้สิทธิ์แฟรนไชส์ดำเนินงานในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2523 และเขาก็สามารถทำให้อาหารประเภทนี้ได้รับนิยมในหมู่คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ตลอดระยะเวลาร่วม 20 ปี 

เมื่อตลาดพิซซ่าในเมืองไทยเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ทางบริษัทแม่ของแบรนด์พิซซ่า ฮัทที่อเมริกาต้องการดำเนินงานในเมืองไทยเอง ไฮเนคกี้จึงตัดสินใจก่อตั้งแบรนด์ The Pizza Company ขึ้นในปี พ.ศ. 2543 ที่สร้างความฮือฮาเป็นอย่างสูงด้วยการเปลี่ยนป้ายร้านที่มีอยู่มือเวลานั้นกว่า 80 สาขาเป็น The Pizza Company ภายในเวลาชั่วข้ามคืน

ที่สำคัญในช่วงแรกๆ เขาได้ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดเชิงรุกที่มีสีสัน ร้อนแรง และเร้าใจ สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก ส่งผลให้ The Pizza Company สามารถแจ้งเกิดได้อย่างรวดเร็ว และกลายเป็นเบอร์ 1 ของอาหารประเภทนี้ในเมืองไทย โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 70% และมีเกือบ 367 สาขาทั่วประเทศในทุกวันนี้

วันนี้ www.ThaiSMEsCenter.com จะพาผู้อ่านไปดูมวยถูกคู่ระหว่าง “พิซซ่า ฮัท” กับ “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” ที่ถือเป็นไม้เบื่อไม้เม่ากันมายาวนาน และร่วมกันครองตลาดพิซซ่าในเมืองไทยมาโดยตลอด มาดูกันเลยจุดแตกหักของทั้ง 2 แบรนด์เป็นอย่างไรบ้าง แลกกันหมัดต่อหมัด ใครได้เปรียบเสียเปรียบครับ

ศึกสายเลือดที่ไม่มีใครยอมใคร

พิซซ่า

ภาพจาก goo.gl/8EI5De,goo.gl/P1f3ze ,goo.gl/urjBuJ

ศึกสายเลือดของสงครามพิซซ่า ได้ระเบิดขึ้นในประเทศไทยระหว่างร้านพิซซ่า ฮัท ซึ่งเป็นสาขาของบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกกับร้านเดอะพิซซ่า คอมปะนี ซึ่งเปรียบเสมือนร้านโชห่วย เพราะ William E. Heinecke ได้ปั้นแบรนด์เดอะพิซซ่า คอมปะนีขึ้นมาใหม่ และทำการเปลี่ยนป้ายชื่อพิซซ่า ฮัทที่ตนเองดูแลมาก่อน 80 ร้านเป็น เดอะพิซซ่า คอมปะนี ทันที

แม้ว่าพิซซ่า ฮัท จะเป็นที่รู้จักของตลาดและผู้บริโภคคนไทยมาก่อน แต่ทว่าเครือไมเนอร์ฯ ผู้บริหารแบรนด์แฟรนไชส์เดะพิซซ่า คอมปะนี ไม่หวั่นเกรงศักดิ์ศรีแต่อย่างใด โดยตระหนักว่าเดอะพิซซ่า คอมปะนี เป็นแบรนด์ใหม่ที่ไม่มีใครรู้จัก จึงต้องจ่ายเงินถึง 200 ล้านบาท ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์แบรนด์ใหม่ในรูปแบบต่างๆ

โดยคุณไฮเน็กกีถึงกับลงทุนเป็นพรีเซ็นเตอร์แบรนด์ของตนเอง โดยแต่งกายในชุดเด็กส่งพิซซ่า จากนั้นได้ขับรถจักรยานยนต์ฮาร์เลย์เดวิดสัน นำหน้าขบวนรถจักรยานยนต์ส่งพิซซ่าของค่ายเดอะพิซซ่า คอมปะนีจำนวนมากมาย ถึง 700 คัน ขับผ่านไปผ่านมาในย่านธุรกิจของกรุงเทพมหานคร นับเป็นการประกาศสงครามเต็มรูปแบบกับค่ายพิซซ่าฮัท

gh2

ปัจจุบันนับว่ากลุ่มไมเนอร์ประสบความสำเร็จค่อนข้างมากในสงครามพิซซ่า โดยครองส่วนแบ่งตลาดในประเทศสูงถึง 60% ขณะที่ค่ายพิซซ่าฮัทครองตลาดประมาณ 30% ขณะเดียวกัน เดอะพิซซ่า คอมปะนีมีสาขามากกว่า ถึง 367 แห่ง เปรียบเทียบกับพิซซ่าฮัทที่มีจำนวนน้อยกว่า คือ 92 สาขา และมีแผนขยายสาขาเพิ่ม 100 สาขาใน 4 ปี

นักวิเคราะห์ได้ให้ทัศนะว่าการที่เดอะพิซซ่า คอมปะนี ประสบผลสำเร็จอย่างมากในประเทศไทยนั้น เนื่องจากได้พัฒนารสชาติของพิซซ่าให้ถูกปากคนไทย

เพราะลูกค้าที่มารับประทานพิซซ่าในประเทศไทยนั้นไม่ได้เป็นชาวต่างประเทศ เกือบทั้งหมดเป็นลูกค้าชาวไทย แต่ก็ไม่สามารถประมาทค่ายพิซซ่าฮัทได้ เนื่องจากบริษัทแม่เป็นบริษัทข้ามชาติ มีเงินทุนมากมายมหาศาล

ปัจจุบันกลุ่มไมเนอร์ฯ นอกจากจะมีร้านเดอะพิซซ่า คอมปะนีในประเทศไทยแล้ว ยังมีชาวต่างประเทศสนใจติดต่อขอรับแฟรนไชส์เพื่อไปเปิดในตะวันออกกลาง จีน และเวียดนามด้วย

โดยเฉพาะในตะวันออกกลางมีชาวมุสลิมบอยคอตแบรนด์สหรัฐฯ รวมถึงร้านพิซซ่าฮัทด้วย จึงหันมารับประทานพิซซ่าแบรนด์เดอะพิซซ่า คอมปะนีของไทยแทน ทั้งนี้ ร้านเดอะพิซซ่าพยายามตกแต่งร้านของตนเองในสไตล์อิตาลีแทนที่ จะตกแต่งในสไตล์อเมริกัน

ปัจจุบันคุณไฮเน็กกีได้แปลงสัญชาติเป็นคนไทยแล้ว เพราะอาศัยอยู่ในเมืองไทยนาน จึงสามารถกล่าวได้ว่าแบรนด์ “เดอะพิซซ่า คอมปะนี” เป็นของคนไทยอย่างเต็มตัว

แย่งพื้นที่ตลาดภูธรเป็นเดิมพัน

gh6

ภาพจาก goo.gl/ARjmNf

เมื่อการทำตลาดเพื่อเจาะกลุ่มคนเมืองของ พิซซ่า ฮัท ใกล้ถึงระดับจุดอิ่มตัว เพราะสามารถยึดพื้นที่การทำตลาดหลักในกรุงเทพฯ จากเครือข่ายสาขาที่มีครอบคลุมพื้นที่ 92% และจากตลาดรวมอาหารพิซซ่ามูลค่า 4-5 พันล้านบาท

ในปัจจุบันนั้น พิซซ่า ฮัท มีสาขาเปิดให้บริการทั้งสิ้น 92 แห่ง ขณะที่สาขาต่างจังหวัดมีบริการเฉพาะในพื้นที่หัวเมืองใหญ่ ส่วนเดอะพิซซ่า คอมปะนี มีจำนวนสาขามากว่า 367 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ต่างจังหวัดในเมืองใหญ่

ดังนั้น การทำตลาดพิซซ่า ฮัท ต่อจากนี้ จึงไม่ใช่การแลกหมัดด้วยสงครามเมนูใหม่ โปรโมชั่นภายใต้กลยุทธ์ “คุ้มค่า คุ้มราคา” “ซื้อ 1 แถม 1 ฟรี” หรือ สงครามดิลิเวอรี่ ตอกย้ำเบอร์โทร 1150 และ 1112 ระหว่างพิซซ่า ฮัท และเดอะพิซซ่า คอมปะนี เพื่อช่วงชิงลูกค้าในตลาดโฮมเซอร์วิส

ตามกระแสการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาสั่งซื้ออาหารผ่านระบบดิลิเวอรี่เท่านั้น ทว่าเป้าหมายใหม่คือ ขยายแนวรุกการทำตลาดพิซซ่า เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ต่างจังหวัดให้ครอบคลุมได้มากที่สุด

อันที่จริง เป้าหมายการเปิดสงครามเพื่อช่วงชิงพื้นที่ใหม่ในสมรภูมิตลาดภูธรนั้น ไม่เพียงพิซซ่าฮัท ที่มีนโยบายขยายแนวรบไปต่างจังหวัด เพราะฟากคู่แข่งรายใหญ่ของพิซซ่า ฮัท อย่าง เดอะพิซซ่า คอมปะนี จากไมเนอร์ฟู้ดกรุ๊ปเอง ที่ออกมาประกาศความเป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 70% ก็มองเกมนี้ไว้เช่นเดียวกัน

gh4

ภาพจาก goo.gl/wYwPV8

หากเปรียบมวยด้านขุมพลังสำหรับการขยายฐานพื้นที่ต่างจังหวัดนั้น ต้องยอมรับว่าปัจจุบันเดอะพิซซ่า คอมปะนี ได้เปรียบพิซซ่าฮัทอยู่หลายช่วงตัว แต่ก็อย่าลืมว่า พิซซ่า ฮัท มีความแข็งแกร่ง จากบริษัทแม่เป็นยัม เรส เทอรองตส์ และกลุ่มมหากิจศิริ (ซื้อแฟรนไชส์) ที่มีกำลังเงินทุมหาศาลเป็นกำลังสนับสนุนที่สำคัญ อีกทั้งมีกลุ่มซีอาร์จี ที่มีเครือข่ายสาขาของเซ็นทรัลเป็นสะพานทอดในการขยายสาขาใหม่

ส่วนการวางหมากขยายสาขาไปตลาดภูธรในจังหวัดขนาดกลางและเล็กของ เดอะพิซซ่า คอมปะนี ส่วนใหญ่มุ่งขยายสาขาในระบบแฟรนไชส์นั้น ก็ได้แรงสนับสนุนจากนักธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่นที่หันมาให้ความสนใจกับ ธุรกิจร้านพิซซ่า เป็นแฟรนไชส์อันดับต้นๆ

นอกจากความเข้มข้นของการแข่งขันของผู้ 2 เล่นในตลาด ที่หลังจากเปิดศึกผ่านสงครามดิลิเวอรี่ เมนู และ โปรโมชั่นที่สูสีกันแล้ว หากเปรียบเทียบตัวเลขจำนวนสาขา ถือว่ามีความสำคัญในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ของทั้ง 2 ค่ายที่มีความแตกต่างกันนั่นเอง คือ ที่มาของพลังกดดันทางธุรกิจที่ทำให้สงครามพิซซ่า น่าจะขยายวงไปสู่ตลาดภูธร

ตารางเปรียบเทียบมวยถูกคู่ พิซซ่า ฮัท Vs เดอะพิซซ่า คอมปะนี

rt1


อ่านบทความแฟรนไชส์อื่นๆ goo.gl/E8R79L
สนใจซื้อธุรกิจแฟรนไชส์ต่างๆ goo.gl/B3MdC2

อ้างอิงจาก https://bit.ly/367Ax15

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช