โชคดีติ่มซำ ติ่มซำเมืองกรุง วันนี้ไปไหน
โชคดีติ่มซำ ก่อตั้งขึ้นในปี 2543 โดย ธีรภพ ศิรประภาธรรม เปิดสาขาแรกที่ย่านบรรทัดทอง (จุฬา ซอย 12) ชูจุดขายติ่มซำแบบนึ่งสด พร้อมด้วย บักกุดเต๋รสชาติที่แสนอร่อย หลังจากเปิดดำเนินการที่สาขาแรกได้ไม่นาน ได้ผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
มีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นลูกค้าชาวจีน กลุ่มครอบครัว วัยรุ่น นักศึกษา คนทำงาน จึงขยายสาขาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ในปี 2546 ร้านได้เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมงเป็นครั้งแรก เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่อยากทานติ่มซำได้ทุกเวลา
หลังจากนั้น โชคดีติ่มซำ ได้สมัครเข้าร่วมโครงการ Franchise B2B รุ่นที่ 2 กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อสร้างระบบธุรกิจให้เป็นมาตรฐานและขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์
- ปี 2543 ก่อตั้งร้านโชคดีติ่มซำสาขาแรก ที่สาขาบรรทัดทอง (จุฬาซอย 12)
- ปี 2546 เปิดบริการ 24 ชั่วโมง เป็นครั้งแรก
- ปี 2547 จัดตั้งครัวกลางขึ้นที่จุฬา ซอย7 เป็นจุดกระจายสินค้า
ต่อมาปี 2549 โชคดีติ่มซำขยายสาขาเพิ่มมีทั้งหมด 17 สาขา แบ่งเป็นบริษัทบริหารเอง 8 สาขา แฟรนไชส์ 9 สาขา โดยมี 2 สาขาที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง คือ บรรทัดทอง และ สีลม

ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีหลังจากโชคดีติ่มซำเปิดดำเนินการ โชคดีติ่มซำมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นธุรกิจค่อยๆ มีปัญหาเกิดขึ้น บางสาขาที่เป็นแฟรนไชส์มีอัตราการเปิด-ปิดอยู่ตลอดเวลา โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด
ในปี 2558 คุณธีรภพ ศิรประภาธรรม ได้ ส่งต่อธุรกิจ โชคดีติ่มซำ ให้กับ ดร. จิรศักดิ์ จิยะจันทน์ เพื่อที่จะไปทำ Farmstay Uncle Tom’s Cabin (กระท่อมน้อยของลุงทอม), ร้านพิซซ่าอิตาเลียน Uncle Tom’s Pizzeria (พิซซ่าเตาถ่านของลุงทอม) และ ร้านผัดไทยโบราณเมืองเพชร ที่เขาค้อ
ต่อมา “ดร.จิรศักดิ์ จิยะจันทน์” ประธานบริหาร บมจ. เวิลด์ คอร์ปอเรชั่น แต่งตั้งให้ “ดร.กฤษดา ตันเปาว์” เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท ริช เรสเตอรองค์ จำกัด บริษัทจัดตั้งขึ้นมาเพื่อบริหารจัดการธุรกิจ “โชคดีติ่มซำ” และ “โคขุนโพนยางคำ” โดยเฉพาะ
“ดร.กฤษดา ตันเปาว์” ไม่ใช่ใครที่ไหนเขาเป็นแฟรนไชส์ซีร้านโชคดีติ่มซำสาขาสาธุประดิษฐ์ 35 ที่ซื้อแฟรนไชส์มาตั้งแต่ปี 2553 เขาเดินหน้าภารกิจขับเคลื่อนธุรกิจโชคดีติ่มซำให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง ด้วยการสร้างความสมดุลระหว่างต้นทุนกับรายรับของสาขาแฟรนไชส์ ถือเเป็นปัญหาที่ส่งผลให้สาขาแฟรนไชส์มีอัตราการปิดบ่อยครั้ง

นอกจากนี้ ยังปรับรูปแบบการทำงานเป็นทีม จัดระบบบริหารจัดการใหม่ พัฒนาครัวกลางให้ได้มาตรฐาน พร้อมกับส่งวัตถุดิบที่สดใหม่ให้ทันเวลา เพิ่มเมนูให้มีความกลาหลาย และมีการเก็บข้อมูลเมนูที่ขายดีในแต่ละสาขา เพื่อบริหารสต็อกให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
หลังจากที่ได้ปรับระบบบริหารจัดไปไปได้ระยะหนึ่ง ต้นปี 2559 โชคดีติ่มซำ กลับมาเปิดขายแฟรนไชส์อีกครั้ง เตรียมวางแผนที่จะเข้าไปขยายสาขาในปั๊มน้ำมัน ปตท. และทำเลอื่นๆ ทั่วประเทศกว่า 100 สาขา
กลางปี 2559 โชดีติ่มซำ เปิดสาขาเพิ่ม 3 สาขา คือ สุขุมวิท 23, ราชบุรี และ เชียงใหม่ พอถึงสิ้นปี 2559 มีสาขารวมกว่า 20 สาขานอกปั๊มน้ำมัน
สำหรับในปั๊มน้ำมัน ปตท. ได้นำร่อง 2 สาขาแรกที่ถนนบางนา-ตราด และย่านถนนพระราม 2 ในช่วงแรกบริษัทเป็นดำเนินการเปิดร้านเอง ต่อมาในช่วงหลังๆ เปิดขายแฟรนไชส์ให้นักลงทุนทั่วแไป แบ่งเป็น 2 โมเดล
ขนาดเล็ก
- ค่าแฟรนไชส์ 3 แสนบาท
- เงินประกัน 1 แสนบาท
- งบลงทุนก่อสร้าง+ตกแต่งร้าน 1-1.5 ล้านบาท
ร้านเต็มรูปแบบ
- ค่าแฟรนไชส์ 6.55 แสนบาท
- เงินประกัน 2 แสนบาท
- งบลงทุนก่อสร้าง+ตกแต่งร้าน 1.5-2.5 ล้านบาท
ต่อมาปี 2563 ผู้บริหารบริษัท ริช เรสเตอรองค์ จำกัด ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจร้านอาหารประเภทติ่มซำ เป็นบริษัท โชคดีติ่มซำ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
จากข้อมูลจากเว็บไซต์โชคดรติ่มซำ พบว่า ช่วงปี 2562-2564 เปิดสาขาแบบแฟรนไชส์ใหม่ราวๆ 10-15 สาขาทั่วประเทศ

แต่ปัจจุบันร้านโชคดีติ่มซำเหลือเพียงแค่ 11 สาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้แก่
- บรรทัดทอง
- ท่าพระ
- ลาดพร้าว
- นวมินทร์
- แม็คโครวังหิน
- ทาวน์อินทาวน์
- ประชานิเวศน์
- มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น
- เอกชัย-บางบอน
- นครพนม (พรีเมี่ยม)
- เอกมัย (DIMM)
เมนูในร้านโชคดีติ่มซำมากกว่า 60 เมนู โดยมีเมนูเด่นๆ ที่หลายคนสั่งเมื่อไปใช้บริการที่ร้าน อาทิ ติ่มซำ บักกุดเต๋ ขนมจีบ ฮะเก๋า ซาลาเปา กะหล่ำห่อกุ้งปูอัด ก๋วยเตี๋ยวหลอด สาหร่ายห่อกุ้งแซลมอน เกี๊ยวซ่า ซี่โครงอ่อนเต้าซี่ ขาไก่ ปลาแต้มหน้าหมู หมี่หยกพันหมู ปลานึ่งซีอิ้ว เหยื่อไผ่พันหมู ปลาหมึกกระดองแต้มหน้าหมู

รายได้บริษัท โชคดีติ่มซำ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
- ปี 2562 รายได้ 101,779,510 บาท กำไร 531,197 บาท
- ปี 2563 รายได้ 80,565,123 บาท ขาดทุน 9,430,308 บาท
- ปี 2564 รายได้ 62,682,212 บาท ขาดทุน 13,040,848 บาท
- ปี 2565 รายได้ 77,010,567 บาท ขาดทุน 933,804 บาท
- ปี 2566 รายได้ 58,358,122 บาท ขาดทุน 15,305,169 บาท
วิเคราะห์ตลาดติ่มซำในประเทศไทย

แนวโน้มตลาด
- ความนิยมในอาหารจีนและติ่มซำยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าวัยทำงานและครอบครัว ที่มองหาทางเลือกในการรับประทานอาหารที่หลากหลายและแบ่งปันกันได้บนโต๊ะอาหาร
- ตลาดขยายตัวสู่ระดับแมส ในอดีตร้านติ่มซำจากที่เคยอยู่ในกลุ่มร้านอาหารและภัตตาคารจีนหรู ปัจจุบันเริ่มเข้ามาสู่กลุ่มลูกค้าระดับกลาง เช่น ศูนย์อาหาร ร้านในปั๊มน้ำมัน รวมถึงมีการเปิดขายแฟรนไชส์ให้ประชาชนในราคาไม่สูงมากนัก
คู่แข่งของโชคดีติ่มซำ
- ติ่มซำปักกิ่ง (ตามศูนย์อาหาร) ราคาถูก, เข้าถึงง่าย
- S&P / HKN Dimsum เมนูหลากหลาย, ช่องทางจำหน่ายกว้าง (ร้าน+Frozen)
- ร้านติ่มซำท้องถิ่น (ทั่วไทย) วัตถุดิบสดจากแหล่งท้องถิ่น, ราคาถูก
- ร้านอาหารจีนทั่วไป ที่มีเมนูติ่มซำบางส่วน เช่น ฮั่วเซ่งฮง, MK Gold
- Delivery Platform เช่น GrabFood, LINEMAN ที่นำเสนอเมนูติ่มซำจากหลายร้านท้องถิ่น
- อาหารทางเลือกที่แชร์เวลากินเดียวกัน เช่น ก๋วยเตี๋ยว ข้าวมันไก่ โจ๊ก หรือซูชิราคาประหยัด

โชคดีติ่มซำ อยู่ในตำแหน่ง “แบรนด์ติ่มซำราคากลาง-บน ที่เน้นจำนวนสาขาและความเข้าถึงง่าย” ซึ่งประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายจากร้านอาหารจีนพรีเมียมที่ตีตลาดด้วยคุณภาพและบรรยากาศ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจถดถอย การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพ และกินข้าวนอกบ้านน้อยลง
ดังนั้น โชคดีติ่มซำมีจุดแข็งเรื่องแบรนด์ การเข้าถึงง่าย และคุณภาพที่คนไทยคุ้นเคย หากสามารถปรับตัวในเรื่อง
- สร้างความแตกต่างจากร้านติ่มซำทั่วไป
- ขยายตลาดไปยังกลุ่มสุขภาพและวัยรุ่น จัดโปรโมชันตามช่วงเวลา เช่น “ติ่มซำตีห้าราคาเดียว”, หรือ “เซตบักกุดเต๋+ติ่มซำ+ชาไข่มุก” ราคาพิเศษ
- เพิ่มรายได้จากช่องทางใหม่ๆ โดยไม่ต้องพึ่งแค่หน้าร้าน เช่น วางขายใน 7-Eleven, Lotus’s Go Fresh หรือผ่านแอป Food Delivery
ต้องจับตาดูกันว่า โชคดีติ่มซำ จะมีการปรับตัวและสามารถเอาตัวรอดในตลาดธุรกิจร้านอาหารในเมืองไทยที่มีการแข่งขันกันสูงได้ยาวนานแค่ไหน เพราะเห็นร้านอาหารหลายๆ แบรนด์ดังในไทยประกาศกิจการ ประกาศเซ้งกิจการไปเป็นจำนวนมากตั้งแต่ต้นปี 2568 เป็นต้นมา ยิ่งผลประกอบการตั้งแต่ปี 2564 แม้จะมีรายได้เกือบถึงร้อยล้านแต่ก็ขาดทุนหลักสิบล้านเช่นกัน
อ้างอิง
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)