เทรนด์การตลาดส่งท้ายปี 2025 เมื่อผู้บริโภค “คิดเยอะ” แบรนด์ต้อง “เข้าใจลูกค้ามากขึ้น”

ตลอดช่วงปี 2025 จนใกล้จะสิ้นปี กำลังกลายเป็นยุคเปลี่ยนผ่านสำคัญของโลกการตลาดอีกครั้งหนึ่ง เมื่อ “โฆษณาแบบเดิม” เริ่มไม่ได้ผล และผู้บริโภคเริ่มมีพฤติกรรมใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างชัดเจน นักการตลาดจึงต้องปรับมุมมองใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่แค่ยิงแอดให้โดน แต่ต้องเข้าใจ “ความรู้สึก” และ “เจตนา” ของผู้ซื้อหรือผู้บริโภคคอย่างลึกซึ้ง

คุณสโรจ เลาหสิริ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและเจ้าของเพจ สโรจขบคิดการตลาด เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเทรนด์การตลาดตลอดทั้งปี 2025 ไว้อย่างน่าสนใจ พอจะสรุปประเด็นคร่าวๆ ออกมาได้ดังนี้

ผู้บริโภคยุคใหม่ คิดก่อนซื้อ ด้วย 2 คำถาม

เทรนด์การตลาดส่งท้ายปี 2025

จากภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบาง หนี้ครัวเรือนพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับปัญหาความเครียดสะสม ทำให้ผู้บริโภคยุคนี้เริ่ม “ระมัดระวัง” กับการใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น โดยจะถามตัวเองก่อนซื้อทุกครั้งว่า

สินค้านี้จำเป็นต่อ “ชีวิต” ของฉันไหม?

ถ้าไม่จำเป็น เขาจะไม่จ่ายแม้ราคาจะถูก

สินค้านี้จำเป็นต่อ “จิตใจ” ของฉันไหม?

สินค้าใดที่ช่วยเยียวยาอารมณ์ ความเครียด ความเหนื่อยล้า หรือสร้างแรงบันดาลใจ จะมีโอกาสเกิดการตัดสินใจซื้อมากขึ้น ซึ่งหมายความว่า แบรนด์ต้องปรับกลยุทธ์ไม่ใช่แค่ “ขายสินค้า” แต่ต้องตอบโจทย์ชีวิต หรือ ตอบโจทย์ความรู้สึกให้ได้

กลุ่มเป้าหมายใหม่ ที่เป็น “โอกาส” ของปี 2025

เทรนด์การตลาดส่งท้ายปี 2025
ภาพจาก www.facebook.com/SarojKhobKid

โดยทั่วไป นักการตลาดมักโฟกัสกลุ่ม First Jobber หรือวัยทำงานตอนต้น (ช่วงอายุ 25–40 ปี) ซึ่งยังคงมีกำลังซื้อดี แต่ตลอดทั้งปี 2025 นี้ มี 2 กลุ่มที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ

  1. กลุ่มอายุ 40 ปีขึ้นไป มีกำลังซื้อสูง แต่เลือกซื้อของน้อยลง, ต้องการ “คุณภาพ” มากกว่า “โปรโมชั่น”, ต้องการความชัดเจน ตรงไปตรงมา และชอบเนื้อหาที่มีสาระและประโยชน์
  2. กลุ่มวัยรุ่นตอนต้น (อายุ 20 ปีลงมา) ชอบทดลองสิ่งใหม่ๆ, เปิดรับเทคโนโลยีเร็ว, ใช้โซเชียล โดยเฉพาะ TikTok, Instagram Reels และให้ความสนใจเนื้อหาสนุก กระชับ ไม่เป็นทางการ

การตลาดแบบ “ป้ายยา” เริ่มจะมาแรง

เมื่อ “การยิงแอด” บนโซเชียลเริ่มไม่ได้ผลเหมือนเดิม ผู้บริโภคเริ่มรู้ทันโฆษณา และไม่เชื่อถือแบรนด์ที่พูดถึงตัวเอง กลยุทธ์ที่มาแรงตลอดทั้งปี 2025 คือ “การตลาดแบบป้ายยา” หรืออาจเรียกว่า Word-of-Mouth Marketing ที่เน้นให้ผู้ใช้จริง หรือ ครีเอเตอร์ แนะนำสินค้าแบบเป็นธรรมชาติ ในประเทศจีนประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ผู้บริโภคมักซื้อตาม KOL

คนพูดว่า “อันนี้ดีมาก ฉันใช้เองแล้วเห็นผล” จะน่าเชื่อกว่าคำว่า “แบรนด์เราดีมาก ซื้อสิ”

AI Marketing เปลี่ยนโลกการตลาดใหม่ทั้งระบบ

เทรนด์การตลาดส่งท้ายปี 2025
ภาพจาก www.facebook.com/SarojKhobKid

ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า Personal AI จะกลายเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของผู้บริโภคทุกคน จะอยู่ในมือถือ ช่วยค้นหาข้อมูล แนะนำสินค้า และเปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายแบรนด์

โดยมีเทรนด์สำคัญเกี่ยวกับ AI เช่น

  • AI จะกลายเป็น “ผู้ช่วยซื้อ” ไม่ต้องเสิร์ชเองเหมือนเดิม
  • AI จะหาสินค้าให้เลย โดยอิงจากพฤติกรรม ความสนใจ และพื้นที่ที่ผู้ใช้กำลังอยู่ จาก SEO มาเป็น GEO (Generative Engine Optimization) แบรนด์ต้องปรับกลยุทธ์จากการเขียนบทความเพื่อให้ Google หามาเจอ ไปสู่การ “ป้อนข้อมูลให้ AI เข้าใจ” แล้วเอาไปแนะนำผู้ใช้ได้ถูกต้อง
  • AI ในองค์กร (Enterprise AI) องค์กรขนาดใหญ่จะสร้าง AI ของตัวเองจากข้อมูลภายใน เพื่อช่วยให้พนักงานตัดสินใจเร็วขึ้น ฉลาดขึ้น และลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน

Privacy-First Marketing ความไว้ใจคือแต้มต่อ

ภาพจาก www.facebook.com/SarojKhobKid

เมื่อผู้บริโภคเริ่มหวาดระแวงการให้ข้อมูลส่วนตัว กลัวว่าจะถูกหลอกลวงและเป็นมิจฉาชีพ แบรนด์จึงต้องสร้าง “ความน่าเชื่อถือ” ว่าสามารถเก็บข้อมูลลูกค้าไว้อย่างปลอดภัย เช่น

  • ใช้ระบบความปลอดภัยขั้นสูง
  • สื่อสารอย่างโปร่งใสว่าใช้ข้อมูลไปเพื่ออะไร
  • อนุญาตให้ลูกค้าควบคุมข้อมูลของตัวเองได้

แบรนด์ที่ “ติดดิน” และ “จริงใจ” จะครองใจลูกค้า

ภาพจาก www.facebook.com/SarojKhobKid

ผู้บริโภคยุคนี้ไม่ชอบแบรนด์ที่ดูหรูหราเกินไป หรือนำเสนอแบบโฆษณา พวกเขาอยากเห็นแบรนด์ที่ตอบคอมเมนต์เอง พูดภาษาเดียวกัน กล้ายอมรับจุดอ่อนตัวเอง และให้ความรู้มากกว่าการขายของ พูดง่ายๆ อีกมุมหนึ่ง ก็คือ แบรนด์ที่ “เป็นคน” จะชนะใจคน

สรุป แนวทางนักการตลาดช่วงท้ายปี 2025 คือ เข้าใจความรู้สึกผู้บริโภคมากกว่าแค่พฤติกรรม, สื่อสารอย่างจริงใจ ตรงไปตรงมา, ใช้ AI และข้อมูลอย่างฉลาด, เน้นความเชื่อถือมากกว่าการขาย และต้องกล้าลองกลยุทธ์ใหม่ “การตลาดแบบป้ายยา”

ที่สำคัญก็คือ หากคุณกำลังทำธุรกิจ หรือดูแลการตลาดให้กับแบรนด์ใดอยู่ ลองกลับไปดูว่าแบรนด์ของคุณ ตอบคำถามสองข้อของผู้บริโภคได้ไหม เช่น มันจำเป็นกับชีวิตของเขาไหม, มันจำเป็นกับจิตใจของไหม?

ถ้าหาคำตอบได้ คุณก็พร้อมสำหรับขายสินค้าตลอดช่วงท้ายปี 2025 ไปจนถึงปี 2026

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช