สูตรลับทำแบรนด์เล็ก…ให้กลายเป็นแฟรนไชส์ใหญ่

หลายคนที่เริ่มต้นธุรกิจจากร้านเล็กๆ พอมีลูกค้าประจำ สินค้าขายดีอยู่ในแต่ละพื้นที่ พอเริ่มมีคนถามว่า ขายแฟรนไชส์ไหม? เชื่อว่าเจ้าของกิจการร้านเล็กๆ หลายคน เริ่มที่จะมีความฝันอยากขยายกิจการให้ใหญ่ขึ้น

แฟรนไชส์สามารถช่วยให้ธุรกิจขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว เพราะเจ้าของกิจการไม่ต้องลงทุนเองทุกสาขา อีกทั้งช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในวงกว้าง

แต่ในความเป็นจริง คือ การจะทำให้ร้านเล็กๆ กลายเป็นแบรนด์แฟรนไชส์ใหญ่ๆ ไม่ใช่แค่ทำอาหารอร่อย หรือมีคนต่อคิวซื้อเยอะๆ แต่มันต้องมี “ระบบ” ที่คนอื่นสามารถเอาไปทำตามได้แล้วสำเร็จเหมือนกัน

ราคาพื้นที่เช่า

ร้านเล็กๆ แตกต่างจากระบบแฟรนไชส์อย่างไร

ร้านเล็ก จะเป็นลักษณะที่เจ้าของกิจการลงมือทำเองทุกอย่าง ตั้งแต่เปิด-ปิดร้าน ตัดสินใจหน้างาน ไม่มีคู่มือการทำงาน ใช้ประสบการณ์ของตัวเองล้วนๆ ทำงานเหนื่อยตั้งแต่เช้ายันเย็น ไม่ค่อยมีเวลาไปไหน

ส่วนแฟรนไชส์ เป็นลักษณะดำเนินงานด้วยระบบที่ “ทำซ้ำได้” พนักงานในร้านหรือคนอื่นสามารถทำแทนเจ้าของกิจการได้ โดยที่เจ้าของร้านไม่ต้องอยู่ร้านทั้งวันก็ได้ มีเวลาไปทำธุระอย่างอื่น หรือมีเวลาคิดวิเคราะห์ในการขยายสาขาเพิ่มได้

สูตรลับทำแบรนด์เล็ก ให้กลายเป็นแฟรนไชส์

สูตรลับทำแบรนด์เล็ก

1.สร้างจุดขายให้ชัดเจน แตกต่าง

ก่อนจะคิดขายแฟรนไชส์ คุณต้องตอบให้ได้ก่อนว่า สินค้าและบริการของร้านคุณแตกต่างจากร้านอื่นอย่างไรบ้าง เช่น ใช้วัตถุดิบออร์แกนิก 100%, มีเมนูสูตรเฉพาะที่ร้านอื่นทำไม่ได้ ทำได้เฉพาะร้านคุณ, ให้บริการรวดเร็วภายใน 3 นาที ฯลฯ ส่วนทางด้านจุดขายของร้านต้อง “ชัดเจน” และ “ลูกค้าจดจำได้” ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นแค่ร้านธรรมดาๆ เหมือนร้านทั่วไป

2.ธุรกิจประสบความสำเร็จ ทำซ้ำได้

ร้านคุณต้องมีสูตรการทำที่ชัดเจน เช่น ตวงวัตถุดิบแบบไหน, ปริมาณเท่าไหร่, ใช้อุปกรณ์อะไร, เสิร์ฟยังไง ก่อนขายแฟรนไชส์ต้องเขียนขั้นตอนและวิธีการทำออกมาเป็น “คู่มือ” ให้คนอื่นสามารถทำตามได้ แล้วได้ผลลัพธ์เหมือนกัน

3.สร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้แข็งแกร่ง

แบรนด์ที่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ต้องมีหน้าตา เป็นที่รู้จักของลูกค้าในวงกว้าง ที่สำคัญต้องมีเอกลักษณ์ที่ลูกค้าสามารถจดจำได้ง่าย เช่น โลโก้ สีประจำแบรนด์ ฟอนต์ ชุดพนักงาน การให้บริการ การตกแต่งร้าน ตลอดจนวิธีการพูดกับลูกค้า

4.ทดสอบระบบก่อนขายแฟรนไชส์

อย่าเพิ่งรีบขายแฟรนไชส์จนกว่าจะเปิดสาขาได้ประมาณ 2–3 สาขา ถือเป็นร้านต้นแบบ เพื่อดูยอดขายและปัญหาที่จะเกิดขึ้น เพื่อนำปัญหาที่เกิดขึ้นไปปรับปรุงแก้ไขให้มีความนิ่ง ก่อนนำไปใช้กับสาขาแฟรนไชส์ ที่สำคัญจะได้รู้ว่าระบบที่เขียนไว้ ใช้ได้จริงไหม เวลาคนอื่นมาบริหารแทน จะเจอปัญหาอะไรบ้าง ต้องปรับตรงไหนก่อนถ่ายทอดให้คนอื่นไปทำตาม

สร้างอัตรากำไรในยอดขาย

5.จัดทำคู่มือและเอกสารแฟรนไชส์

ก่อนขายแฟรนไชส์ เจ้าของกิจการต้องจัดทำ “คู่มือธุรกิจ” ที่แฟรนไชส์ซีสามารถนำไปปฏิบัติได้ ซึ่งประกอบด้วย คู่มือการดำเนินงาน (ขั้นตอนทำอาหาร การทำงาน บริการลูกค้า บริหารร้าน ฯลฯ), ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ (ค่าแฟรนไชส์, ค่ารอยัลตี้, สัญญา), งบลงทุนเบื้องต้น ผลกำไร เพื่อให้ผู้สนใจซื้อแฟรนไชส์สามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

6.สร้างระบบสนับสนุนแฟรนไชส์ซี

การขายแฟรนไชส์ไม่ใช่แค่ได้เงิน แล้วจบ คุณต้องมีระบบดูแลหลังบ้าน เช่น สอนเปิดร้าน, ช่วยหาทำเล, จัดส่งวัตถุดิบหรือแนะนำแหล่งซื้อวัตถุดิบ, ทำตลาดออนไลน์ให้ทุกสาขา เพื่อให้สาขาแฟรนไชส์ดำเนินธุรกิจได้ราบรื่น

7.คัดเลือกแฟรนไชส์ซีให้ดี

ก่อนขายแฟรนไชส์ เจ้าของกิจการต้องมีกระบวนการคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์ที่มีคุณภาพ ไม่ใช่ใครมีเงินก็ขายให้ เพราะถ้าแฟรนไชส์ซีทำพังก็จะกระทบชื่อเสียงทั้งระบบ โดยต้องเลือกคนที่เข้าใจแบรนด์, อยากทำธุรกิจจริง ไม่ใช่มองแค่ผลตอบแทน, พร้อมทำตามระบบ

ปัญหาที่พบบ่อย เมื่อร้านเล็กรีบขายแฟรนไชส์

การขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับร้านเล็กๆ ที่ต้องการขยายธุรกิจและเติบโตอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามหากขาดการวางระบบที่เข้มแข็ง และเตรียมความพร้อมที่เหมาะสม การรีบขายแฟรนไชส์โดยยังไม่พร้อม อาจส่งผลเสียต่อทั้งผู้ซื้อแฟรนไชส์ และชื่อเสียงของแบรนด์ในระยะยาว

ข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อย ที่เจ้าของกิจการควรระวัง

ออกบูธ

1.ยังไม่มีระบบชัดเจน แต่รีบขายแฟรนไชส์

บางธุรกิจยังไม่มีระบบการทำงานที่เป็นมาตรฐาน ไม่มีคู่มือ หรือวิธีการดำเนินงานที่ชัดเจน แต่ตัดสินใจเริ่มขายแฟรนไชส์ทันที ส่งผลให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์อาจทำธุรกิจไม่สำเร็จ เพราะไม่เข้าใจวิธีการทำงานที่ถูกต้อง หรือไม่มีแนวทางที่ชัดเจนในการบริหารร้าน

แนวทางแก้ไข ควรจัดทำคู่มือการปฏิบัติงาน (SOP) และระบบการจัดการที่สามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นนำไปใช้งานได้จริง

2.ไม่เคยทดลองระบบในหลายสาขา

ธุรกิจบางรายเริ่มขายแฟรนไชส์ตั้งแต่มีเพียงสาขาแรก โดยยังไม่เคยทดสอบระบบกับสาขาอื่นเลย ส่งผลให้เมื่อเกิดปัญหาในสาขาแฟรนไชส์ เจ้าของธุรกิจอาจไม่สามารถให้คำแนะนำหรือแก้ไขปัญหาได้ เนื่องจากยังไม่เคยบริหารในลักษณะนั้นมาก่อน

แนวทางแก้ไข ควรเปิดสาขาที่ 2 หรือ 3 ด้วยตนเองก่อน เพื่อทดสอบระบบ และเรียนรู้การบริหารหลายสาขาก่อนถ่ายทอดให้ผู้อื่น

3.แฟรนไชส์ซีดำเนินการไม่สำเร็จ และยกเลิกกิจการ

เมื่อระบบยังไม่พร้อม หรือไม่มีการสนับสนุนที่เหมาะสม แฟรนไชส์ซีอาจประสบปัญหาในการบริหารกิจการจนต้องปิดร้าน ส่งผลต่อภาพลักษณ์เชิงลบของแบรนด์ ทำให้ผู้สนใจซื้อแฟรนไชส์รายอื่นขาดความมั่นใจในการลงทุน

แนวทางแก้ไข ควรมีการอบรม ติดตามผลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้น เพื่อช่วยให้แฟรนไชส์ซีดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง

สูตรลับทำแบรนด์เล็ก

4.คุณภาพหรือรูปแบบสินค้าไม่สม่ำเสมอ

เมื่อรีบขายแฟรนไชส์ อาจทำให้แต่ละสาขาขายสินค้าที่ไม่มีมาตรฐานเหมือนกัน หรือทำอาหารรสชาติต่างกัน เช่น ราคา รสชาติ หรือเมนูต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้ลูกค้าเกิดความสับสน ไม่มั่นใจในแบรนด์ และอาจไม่กลับมาใช้บริการอีก

แนวทางแก้ไข ควรกำหนดมาตรฐานสินค้าและบริการให้ชัดเจน เพื่อให้ทุกสาขามีคุณภาพที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด

5.ไม่มีทีมสนับสนุนหลังบ้าน

เมื่อขายแฟรนไชส์ไปแล้ว เจ้าของธุรกิจบางรายอาจไม่มีทีมงานช่วยเหลือหรือให้คำปรึกษา ส่งผลให้แฟรนไชส์ซีต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ส่งผลให้แฟรนไชส์ซีรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับการสนับสนุน และอาจยกเลิกสัญญาในที่สุด

แนวทางแก้ไข ก่อนขายแฟรนไชส์ควรจัดตั้งทีมงานที่คอยให้คำปรึกษา เช่น ทีมฝึกอบรม ทีมตรวจสอบคุณภาพ หรือทีมการตลาด เพื่อช่วยเหลือแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่องตลอดอายุสัญญาแฟรนไชส์

สรุปก็คือ ร้านเล็ก สามารถเป็นแบรนด์แฟรนไชส์ใหญ่ได้ ถ้ามีระบบที่ดี แฟรนไชส์ซีที่ร่วมลงทุนสามารถ “ทำแล้วสำเร็จ” ได้เหมือนกับร้านต้นแบบ หากธุรกิจยังไม่มีระบบที่ชัดเจน ยังไม่เคยทดสอบกับหลายสาขา หรือยังไม่มีทีมสนับสนุนที่ดี การรีบขายแฟรนไชส์อาจทำให้แบรนด์…พังมากกว่าปัง

ดังนั้น เจ้าของกิจการร้านเล็กๆ ก่อนคิดจะขายแฟรนไชส์ ควรใช้เวลาเตรียมความพร้อมของธุรกิจให้ครบทุกด้าน เพราะเมื่อระบบแน่น ทั้งหน้าบ้าน-หลังบ้าน พร้อมถ่ายทอด คนอื่นก็จะอยากร่วมธุรกิจ และพร้อมเติบโตไปกับแบรนด์ของคุณ

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช