มาแรง! “น้ำนมกัญชง” เครื่องดื่มใหม่ของสายเฮลตี้

จากที่มีการปลดล็อกกัญชงและกัญชา ให้ทุกภาคส่วนทั้งเกษตรกร ภาครัฐ เอกชน ประชาชนทั่วไป สามารถขออนุญาตและนำพืชทั้งสองชนิดนี้ไปใช้ในทางการค้า การแพทย์ การศึกษาวิจัย หรือการนำไปเป็นส่วนประกอบในสินค้าต่างๆ ซึ่งแต่เดิมเรารู้กันอยู่แล้วว่า “กัญชง” คือพืชที่มีประโยชน์มาก และเมื่อมีการปลดล็อคเกิดขึ้น

www.ThaiSMEsCenter.com เชื่อว่านับแต่นี้เราจะได้เห็นค้าที่เกี่ยวกับ “กัญชง” อย่างแพร่หลายและหนึ่งในสินค้าที่ชัดเจนตอนนี้คือ “น้ำนมกัญชง” ที่ขอบอกว่าเหมาะกับคนรักสุขภาพมาก

กัญชงกับกัญชา พืช 2 ชนิดที่อยู่ตระกูลเดียวกัน

น้ำนมกัญชง

ภาพจาก zenbiotech.co.th

กัญชงและกัญชาเป็น พืช 2 ชนิดในตระกูลเดียวกัน ที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายกัน โดยลักษณะของกัญชงจะมีลำต้นสูงกว่า 2 เมตร ปล้องหรือข้อยาว แตกกิ่งก้านน้อยและแตกกิ่งไปในทิศทางเดียวกันใบเป็นสีเขียวอมเหลือง ใบมีแฉกประมาณ 7-9 แฉกการเรียงตัวของใบค่อนข้างห่างเมื่อออกดอกจะมียางที่ช่อดอกไม่มากเมล็ดมีขนาดใหญ่และเป็นลายบ้าง ผิวเมล็ดหยาบด้าน

แต่ที่สำคัญคือ ไม่มีสารเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทเหมือนกับกัญชา โดยในหลายๆ ประเทศมีการควบคุมการเพาะปลูกให้มีสาร THC ที่เป็นตัวก่อให้เกิดอาการหลอนนั้นไม่เกิน 0.3% ยกเว้นในบางประเทศรวมถึงประเทศไทยที่มีการควบคุมค่า THC ไม่เกิน 1.0% ไม่เพียงแค่กัญชงจะมีสาร THC ที่ต่ำมากจนไม่นับว่าเป็นพืชสารเสพติด

นมกัญชงคืออะไร?

21

ภาพจาก bit.ly/3bSwZkZ

นมกัญชง (Hemp Milk) เป็นน้ำนมที่ได้จากการนำเมล็ดกัญชง มาปั่นผสมกับน้ำเปล่า จนได้เป็นของเหลวเนื้อครีม เนียนละเอียด ลักษณะคล้ายนมวัวแต่มีรสชาติมันกว่า ที่เรียกว่า “นมกัญชง” หากเป็นนมกัญชงสำเร็จรูปที่วางขายตามท้องตลาดอาจมีการเติมกลิ่น รสชาติ สารให้ความหวาน รวมถึงเติมวิตามิน หรือแร่ธาตุบางชนิดลงไปด้วย

นมจากพืชอย่างนมกัญชง ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น แพ้นมวัว แพ้ถั่ว แพ้กลูเตน มีภาวะไม่ทนน้ำตาลแลคโตส (Lactose intolerance) ต้องการกินอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ นอกจากนี้ ยังเหมาะกับผู้ที่กินอาหารแบบวีแกน และมังสวิรัติด้วย

ประโยชน์ของนมกัญชง

22

ภาพจาก freepik

1. บำรุงกระดูก

แคลเซียมในนมกัญชงเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายใช้ในการสร้างกระดูกและฟัน ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ทั้งยังช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูกได้ด้วย เมื่อกระดูกแข็งแรง จะลดความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ และเมื่อเราได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอ ยังช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้อย่างเป็นปกติ และช่วยป้องกันการเกิดภาวะขาดแคลเซียมที่ทำให้มีอาการ เช่น ผิวแห้ง เหนื่อยล้า ซึมเศร้า นอนไม่หลับ ปวดกล้ามเนื้อ

2. บำรุงหัวใจ

ในเมล็ดกัญชงมีกรดอะมิโนที่ชื่อว่า อาร์จินีน (Arginine) ที่กระตุ้นให้ร่างกายผลิตกรดไนตริก (Nitric acid) ซึ่งมีส่วนช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว เลือดจึงไหลเวียนได้ดี โดยงานวิจัยหลายชิ้นเผยว่า คนที่บริโภคอาร์จินีนมากกว่าจะมีระดับของซี-รีแอคทีฟ โปรตีน (C-reactive protein หรือ CRP) ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อการอักเสบต่ำกว่าคนที่บริโภคอาร์จินีนน้อยกว่า จึงส่งผลให้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่าตามไปด้วย

3. บำรุงสุขภาพผิว

นมกัญชงมีกรดไขมันโอเมก้า 3 และกรดไขมันโอเมก้า 6 ที่ช่วยกระตุ้นการตอบสนองต่อการอักเสบของผิวหนัง โดยงานวิจัยชิ้นหนึ่งชี้ว่า ผู้ป่วยโรคผิวหนังอักเสบ (Eczema) ที่บริโภคน้ำมันเมล็ดกัญชงเป็นประจำทุกวันมีปัญหาผิวแห้งและอาการคันน้อยกว่า และงานวิจัยอีกชิ้นก็ยังได้ผลลัพธ์ไปในทางเดียวกัน คือ ผู้หญิงที่บริโภคกรดไขมันโอเมก้า 6 มากกว่าจะมีปัญหาผิวแห้ง ผิวบาง น้อยกว่า ถึงแม้งานวิจัยเหล่านี้จะเป็นการวิจัยประโยชน์ของเมล็ดกัญชง ไม่ได้วิจัยนมกัญชงโดยตรง แต่เนื่องจากนมกัญชงทำมาจากเมล็ดกัญชง ผู้เชี่ยวชาญจึงเชื่อว่า ประโยชน์ที่ได้ก็น่าจะเหมือนกัน

4. ช่วยบำรุงสมอง

ไขมันดีอย่างกรดไขมันโอเมก้า 3 และกรดไขมันโอเมก้า 6 ที่มีมากในนมกัญชง นอกจากจะดีต่อผิวแล้ว ยังดีต่อสมองและระบบประสาทด้วย โดยงานศึกษาวิจัยหลายชิ้นพบว่า กรดไขมันทั้งสองชนิดนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงในการเกิดโรคที่เกิดจากความเสื่อมของระบบประสาท (Neurodegenerative disorder) เช่น โรคอัลไซเมอร์ คือ ช่วยให้ความเสี่ยงดังกล่าวลดลงได้

ความเสี่ยงที่ควรรู้ก่อนเลือกดื่มนมกัญชง

20

ภาพจาก bit.ly/3sOR2Yr

แม้นมกัญชงจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกดี ๆ ที่คุณไม่ควรพลาด แต่ก็มีความเสี่ยงบางประการที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจบริโภคนมกัญชง ดังนี้

1. โรคภูมิแพ้กัญชง แม้ภาวะนี้จะพบได้ไม่บ่อย แต่บางคนก็อาจแพ้กัญชงได้ หากดื่มนมกัญชงแล้วมีอาการของโรคภูมิแพ้ เช่น ผื่นขึ้น เป็นลมพิษ บวมบริเวณใบหน้า คลื่นไส้อาเจียน ควรหยุดดื่มทันที และไปพบคุณหมอ

2. โรคเบาหวาน นมกัญชงบางยี่ห้อที่วางขายในท้องตลาดอาจเติมน้ำตาลหรือสารให้ความหวานบางชนิด หากดื่มมาก ๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน หรือทำให้ผู้ป่วยเบาหวานมีอาการแย่ลงได้

3. อาการปวดท้อง ในเมล็ดกัญชงมีสารแทนนิน (Tannins) และซาโปนิน (Saponins) เมื่อบางคนดื่มเข้าไปแล้ว อาจทำให้เกิดอาการปวดท้องอย่างอ่อนได้

4. คนที่มีโรคประจำตัว หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพใด ๆ ควรให้ปรึกษาคุณหมอก่อนตัดสินใจดื่มนมกัญชง หมอจะได้ช่วยแนะนำให้ได้ว่า นมจากพืชชนิดนี้เหมาะกับเราหรือไม่ และควรบริโภคอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ

อย่างไรก็ดีน้ำนมกัญชง ถือได้ว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่าและให้สารอาหารที่จัดว่าดีกว่าน้ำนมทั่วไปมากซึ่งถ้าประเมิณออกจะเห็นได้ว่า ในน้ำนมกัญชง 240 ml. ให้โปรตีนอยู่ที่ 3 กรัม ไขมันรวม 4.51 กรัม แคลเซียม 283 ม.ก.แต่ส่วนของแคลอรี่จะได้รับแค่ 60 เท่านั้นที่สำคัญปริมาณน้ำตาลยังเป็น 0 อีกด้วย

สำหรับในประเทศไทยผลิตภัณฑ์จากกัญชงอาจยังไม่เป็นที่แพร่หลาย เพราะในการเพาะปลูกกัญชงในไทยถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีการควบคุมให้ปลูกได้ใน 6 จังหวัด 15 อำเภอ ทางภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่ทดลองเพาะปลูกของหน่วยราชการเท่านั้น แต่หลังจากปลดล็อคทางกฏหมายแล้วก็ต้องมาดูกันต่อไปว่ากัญชงจะมีบทบาทในฐานะพืชทางเศรษฐกิจตัวใหม่ของไทยได้หรือไม่

ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3aOZtfU , https://bit.ly/2ZOwMcY , https://bit.ly/3uuZMV1 , https://bit.ly/3qTIcYK

อ้างอิงจาก https://bit.ly/2O1PX0j

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise


8 ขั้นตอน การพัฒนาระบบแฟรนไชส์

1. การวางแผนธุรกิจ ก่อนทำแฟรนไชส์

  • กำหนดรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ให้มีความชัดเจน โดนใจลูกค้า
  • ชื่อกิจการ (Brand)
  • การสร้างผลการดำเนินธุรกิจที่ดี ได้ผลกำไร มีความมั่นคง (Good ROI)
  • การสร้างแบรนด์ ตราสินค้า ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักผู้บริโภค
  • การพัฒนาสินค้าบริการ ให้มีคุณภาพมาตรฐาน และระบบการจัดการที่เป็นมาตรฐาน
  • การพัฒนาระบบบริการจัดการ จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • วางโครงสร้างองค์กรใหม่ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ทีมงาน สนับสนุนระบบแฟรนไชส์
  • การวางแผน และกำหนดเป้าหมายการขยายธุรกิจ การขยายสาขา ทั้งในและต่างประเทศ
  • การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุรกิจ ทำเลที่ตั้ง และรูปแบบของร้านค้า
  • การเลือกใช้สื่อต่างๆ ช่องทางต่างๆ ในการจัดกิจกรรม เพื่อสร้างแบรนด์แฟรนไชส์

2. การรวบรวมข้อมูลธุรกิจ

  • ระบบการปฏิบัติงาน วิธีการบริหารจัดการธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
  • ระบบการเงิน การบัญชี
  • งบประมาณในการลงทุนธุรกิจ การขยายสาขา
  • รูปแบบของร้านค้า รูปแบบของตราสินค้า ที่เป็นเอกลักษณ์
  • ระบบการสต็อกสินค้า จัดส่งสินค้า วัตถุดิบ
  • แผนงานการตลาด การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • กระบวนการพัฒนาบุคลากร ทีมงานด้านต่างๆ

3. การวิเคราะห์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • ธุรกิจเปิดมานานหลายปี จำนวนไม่น้อยกว่า 1สาขา
  • แบรนด์มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในวงกว้าง
  • สินค้าและบริการ มีคุณภาพมาตรฐาน เป็นที่ต้องการของตลาด
  • เป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีผลกำไร ต่อเนื่อง เป็นที่น่าพอใจ
  • มีระบบการทำงาน การปฏิบัติงาน แผนการทำงานที่ชัดเจน สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้
  • มีระบบการพัฒนาบุคลากร และสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง เป็นมาตรฐาน
  • ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การส่งเสริมการขายต่างๆ
  • แผนกลยุทธ์การขยายสาขา และเติบโตต่อเนื่อง เป็นรายเดือน หรือ รายปี

4. การวางโครงสร้างของระบบแฟรนไชส์

  • กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค
  • การสร้างองค์ความรู้ ระบบปฏิบัติงานต่างๆ ที่พร้อมถ่ายทอดให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • วางระบบการปฏิบัติงานของแต่ละขั้นตอนธุรกิจ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ง่าย
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย แต่ละแผนกให้ชัดเจน รวมถึงขั้นตอนการอบรม ระบบตรวจสอบ เพื่อสร้างมาตรฐานธุรกิจแฟรนไชส์
  • สร้างระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซี หรือผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • การกำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ ในการขยายสาขาแฟรนไชส์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า (ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์)
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ช่วงเริ่มต้นได้
  • เงื่อนไขการเปิดสาขาในด้านต่างๆ

5. การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายแฟรนไชส์
  • ระบบการเงิน
  • ค่าธรรมเนียมต่างๆ
  • ข้อเสนอแฟรนไชส์ซี
  • การจดทะเบียนแฟรนไชส์
  • เรื่องกฎหมาย อายุสัญญาแฟรนไชส์
  • ระบบปฏิบัติงาน รูปแบบการให้สิทธิ
  • การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์
  • แพ็คเกจต่างๆ ระบบการสนับสนุนแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง
  • การจัดทำคู่มือแฟรนไชส์ หรือโปรแกรมแฟรนไชส์
  • การจัดทำสัญญาแฟรนไชส์ รวมถึงเครื่องหมายการค้า

6. การวางแผนเพื่อขยายสาขาธุรกิจแฟรนไชส์

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ เจ้าของแฟรนไชส์จะบริหารจัดการเองทุกอย่าง เพื่อสร้างความโดดเด่น สร้างความเด่นชัดให้แก่นักลงทุน ได้เห็นภาพของร้านที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนเปิดสาขาแฟรนไชส์ในภายหลัง
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟนไชส์ คือ เมื่อสาขาแรกมีความแข็งแกร่ง มั่นคง มีผลกำไรต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ แล้ว ก็ทดลองขยายสาขาเพิ่มอีก เพื่อทดสอบสาขาที่ 2 เป็นอย่างไร โดยนำเอาระบบการปฏิบัติงานทุกอย่างของร้านสาขาแรกมาปฏิบัติ ถ้าประสบความสำเร็จ ก็ค่อยขยายสาขาตัวเองเพิ่มอีก 2-3 สาขา ถ้าประสบความสำเร็จเหมือนสาขาแรก ก็ค่อยคิดขายแฟรนไชส์ให้กับคนอื่น

7. กระบวนการพัฒนาและปรับปรุงระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น (ระบบการบริหารจัดการในร้าน ขั้นตอนการปฏิบัติงาน)วิเคราะห์ระบบการเงิน การลงทุน ในแต่ละสาขาที่เปิดทดลอง
  • พิจารณาปรับปรุงระบบงาน ระบบการทำงานต่างๆ ให้เหมาะสม
  • ระบบการพัฒนาทีมงานรองรับการขยายงาน ขยายสาขา
  • การวางแผนงานขยายสาขาแฟรนไชส์
  • เก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ กลุ่มลูกค้า ผลประกอบการ การดำเนินงาน ของสาขาแรก หรือสาขาต้นแบบ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ก่อนเปิดสาขาที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และขายแฟรนไชส์
  • จัดวางงบประมาณ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการขยายธุรกิจแฟรนไชส์

8. แผนการตลาดของธุรกิจแฟรนไชส์

  • การจัดทำคู่มือต่างๆ เพื่อแนะนำธุรกิจแฟรนไชส์
  • กระบวนการขายแฟรนไชส์ การคัดเลือกผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • กระบวนการติดตามลูกค้าเป้าหมาย
  • การนำเสนอธุรกิจแฟรนไชส์ในงานแสดงธุรกิจแฟรนไชส์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • การจัดงาน สัมมนาการขายธุรกิจ แฟรนไชส์
  • การเปิดเยี่ยมชมธุรกิจ ร้านต้นแบบแฟรนไชส์
  • กระบวนการคัดเลือกแฟรนไชส์ซีที่เหมาะสม ตามหลักมาตรฐานแฟรนไชส์สากล
  • กระบวนการถ่ายทอดความรู้ การอบรม และให้คำปรึกษาแก่แฟรนไชส์ซี

สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด