กล้าต่อยอด! Brand Extension พาธุรกิจพ้นวิกฤตยอดขายตก
Brand Extension เป็นกลยุทธ์การขยายไลน์สินค้าให้มีหลากหลายประเภท เป็นการสร้างฐานลูกค้าใหม่ให้กับธุรกิจ และกระจายความเสี่ยงในกรณีที่สินค้าเดิมเริ่มมียอดขายไม่แน่นอน ที่สำคัญการทำ Brand Extension ช่วยทำให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์ในวงกว้างมากขึ้นด้วย
จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นว่าหลายธุรกิจเอาชื่อแบรนด์ที่คนรู้จัก มียอดขายดีไปต่อยอดเป็นสินค้าใหม่ จุดเด่นของกลยุทธ์นี้คือจะช่วยลดเวลา และงบประมาณในการปั้นแบรนด์ใหม่ แต่จะมีข้อเสียคือ ถ้าสินค้าใหม่ทำออกมาไม่ดี ก็อาจจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ในภาพรวม
ทำไมต้องใช้ Brand Extension?
- ลดความเสี่ยงในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เพราะลูกค้าคุ้นเคยกับชื่อแบรนด์เดิมอยู่แล้ว
- ประหยัดค่าใช้จ่ายทางการตลาด การใช้ชื่อแบรนด์เดิม ลดค่าใช้จ่ายในการสร้างแบรนด์ใหม่ และการทำการตลาดง่าย
- เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ เพราะการมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้
- สร้างความหลากหลายให้กับแบรนด์ สามารถเพิ่มโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจได้
แต่คำว่า Brand Extension ก็ไม่ได้หมายถึงการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่แต่เพียงอย่างเดียวนี่คือกลยุทธ์ที่นำไปใช้ได้หลากหลายมี 7 ประเภทด้วยกันคือ

- เปลี่ยนรูปแบบลักษณะสินค้า (Product Form) เช่น Google เปิดตัวโทรศัพท์มือถือที่ชื่อว่า Google Pixel หรือ Snickers ออกสินค้าตัวใหม่คือไอศครีมแท่ง
- สินค้าที่เข้าคู่กัน (Companion Product) เช่น Colgate ที่เดิมมีแต่ผลิตภัณฑ์ยาสีฟันและได้ขยายผลิตภัณฑ์ออกมาเป็นแปรงสีฟันภายใต้ชื่อแบรนด์เดิม
- ความเชี่ยวชาญของธุรกิจ (Company Expertise) เช่น Sony จากผู้ผลิต Sony Walkman และได้ขยายออกมาเป็นโทรศัพท์มือถือ ลำโพง สมาร์ทวอช หูฟัง และอื่นๆ
- ความแตกต่างของแบรนด์ (Brand Distinction) เช่น Apple ที่สร้างผลิตภัณฑ์ออกมาหลากหลายประเภท ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมจนกลายเป็นแบรนด์ด้านเทคโนโลยีอันดับต้นๆของโลก
- ศักดิ์ศรีและชื่อเสียงของแบรนด์ (Brand Prestige) เช่น BMW ที่ประสบความสำเร็จกับการผลิตรถยนต์และขยายไปสู่การผลิตมอเตอร์ไซค์ , การผลิตเครื่องแต่งกายและนาฬิกา
- ขยายส่วนประกอบ (Component Extension) แฟนต้า มิรินด้า ที่มีหลากหลายรสชาติและหลากหลายกลิ่น
- แสดงความเป็นไลฟ์สไตล์ (Leveraging a Lifestyle) เช่น รถยนต์ Jeep ที่เหมาะกับกิจกรรมท่องเที่ยวประเภท Outdoor ก็มีผลิตภัณฑ์อื่นที่เชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์นี้ เช่น มีด เต้นท์ รถจักรยาน เป็นต้น
ถ้าดูตัวเลขในด้านความสำเร็จของแบรนด์ที่ใช้กลยุทธ์นี้ ก็มีตัวอย่างน่าสนใจเช่น

- Dyson จากเครื่องดูดฝุ่น สู่ไดร์เป่าผม เครื่องฟอกอากาศ ผลสำรวจผู้บริโภคปี 2025 พบว่า 78% ของคนที่ใช้เครื่องดูดฝุ่นยินดีซื้อสินค้า personal care ของ Dyson
- Oishi (โออิชิ) จากร้านอาหารญี่ปุ่น ไปสู่ชาเขียวพร้อมดื่ม ก็มีกำไรเติบโตแบบก้าวกระโดด
- โก๋แก่ จากถั่วทอดธรรมดา สู่หลากหลายรสและแพ็กเกจใหม่ ยอดขายเพิ่มกว่า 4.3 เท่า จาก 600 ล้านกลายเป็น 2,600 ล้านบาท
- กาแฟพันธุ์ไทย แตกแบรนด์จากร้านกาแฟสู่ก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย ใช้ชื่อเสียงของแบรนด์สร้างฐานลูกค้าให้ธุรกิจใหม่ ช่วยประหยัดงบด้านการตลาดและทำให้แบรนด์ใหม่เป็นที่รู้จักได้เร็วขึ้น
หรือในด้านแฟรนไชส์เราก็เห็นหลายแบรนด์ที่นำ Brand Extension มาใช้ยกตัวอย่างเช่น ชายสี่บะหมี่เกี๊ยวที่มีหลาย แบรนด์ในเครือเช่น ชายสี่พลัส , ชายใหญ่ข้าวมันไก่ , พันปีบะหมี่เป็ดย่าง หรืออย่างห้าดาวก็มีหลายแบรนด์ในเครือเช่นไก่ห้าดาว , ไฮพอร์ค , เป็ดเจ้าสัว , ข้าวมันไก่ไห่หนาน เป็นต้น ซึ่งกลยุทธ์ Brand Extension คล้ายๆ กับการสร้างอาณาจักรธุรกิจให้มีหลายสินค้าที่ครอบคลุมในทุกความต้องการลูกค้าและขยายโอกาสในการสร้างรายได้ที่มากขึ้น
ในอีกมุมหนึ่งก็อาจวิเคราะห์ได้เช่นกันว่า Brand Extension คือการหว่านแหเพื่อดึงเอาลูกค้าจากทุกกลุ่มมาเป็นรายได้ให้ธุรกิจยิ่งมีแบรนด์ที่แตกต่างก็ยิ่งครอบคลุมทุกความต้องการ แต่ก็มีหลายเสียงที่บอกว่าวิธีนี้อาจไปขัดขาตัวเอง ทำให้ยอดขายสินค้าในบางชนิดลดลง แต่ถ้ามองในเชิงธุรกิจเรื่องนี้ก็คงไม่มีผลสักเท่าไหร่ เป็นกลยุทธ์ที่เรียกว่า Cannibalization ยอมขัดขาตัวเองแต่สุดท้ายผลประโยชน์ทั้งหมดที่ได้ก็เข้าสู่บริษัททั้งหมด
การนำ Brand Extension มาใช้ส่วนใหญ่จึงให้ผลดีมากกว่าผลเสียแต่ก็ต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตและอย่าให้แตกต่างจากภาพลักษณ์เดิมจนเกินไป ซึ่งอาจสร้างผลเสียที่กระทบไปถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์หลัก ยิ่งในยุคโซเชี่ยลทรงพลังแบบนี้อะไรที่คนพูดถึงในแง่ลบหรือแง่บวกกระจายไปไว การทำตลาดไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็ต้องระวังเอาไว้ให้ดีด้วย
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)