รถพ่วงข้าง SideCar ออกแบบสวย รวยไม่ใช่เล่น!
รถพ่วงข้าง รูปแบบของการประกอบอาชีพปัจจุบันนี้มีหลากหลายมาก หลายอย่างเป็นเทรนด์ที่กำลังก่อร่างสร้างตัวมาใหม่ แม้ปัจจุบันจะยังไม่เติบโตแบบที่พูดถึงใครๆก็รู้จักแต่ในแวดวงคนที่สนใจแล้วบางธุรกิจมีอนาคตที่สดใสเพียงแต่อาจจะต้องใช้เวลาที่จะสร้างกระแสให้ติดลมบนสักหน่อย
หนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจที่ทางทีมงาน www.ThaiSMEsCenter.com มองเห็นและคิดว่านี่คือสิ่งที่น่าสนใจบางทีก็เป็นเรื่องใกล้ๆที่เราอาจไม่คิดว่าจะพัฒนาไปได้ถึงเพียงนี้ ที่เรากำลังพูดถึงคือ “Sidecar” พูดคำนี้หลายคนอาจจะงงแต่ถ้าบอกว่านี่คือ “รถพ่วงข้าง” ทุกคนก็จะนึกภาพออกทันที
เพราะนี่คือรถเอนกประสงค์ที่หลายคนอาจจะมีไม่ว่าจะวิ่งขายของ ส่งของ แต่ถ้าเราเปลี่ยนแปลง ““Sidecar” ให้ดูล้ำสมัยขึ้นมาน่าจะกลายเป็นจุดขายแบบใหม่ที่ตอนนี้ก็มีผู้ประกอบการหลายคนเปิดตัวนำร่องกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มารู้จักจุดกำเนิดของ “Sidecar” กันสักหน่อย
Sidecar นี้เกิดขึ้นมาพร้อมกับความนิยมในการเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ในยุคต้นๆ ซึ่งหากดูจากบันทึกในเว็บไซต์ Wikipedia นั้น มีข้อมูลว่ามันถูกคิดค้นขึ้นเพื่อติดตั้งกับจักรยานเป็นครั้งแรกโดยนาย M Bertoux เจ้าหน้าที่ของกองทัพฝรั่งเศส ซึ่งได้รับรางวัลจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในปี 1893
และเมื่อแนวคิดในการใช้สอยจักรยานแบบมีการพ่วงข้างแพร่หลายออกไป ก็มีนักประดิษฐ์หลายคนเริ่มทดลองนำมันไปปรับปรุงใช้งานกับมอเตอร์ไซค์ จนในปี 1903 พี่น้องตระกูล Graham และหุ้นส่วน Jonathan A. Kahn ได้จดสิทธิบัตรและเริ่มต้นการผลิต Sidecar ในระดับโรงงานเป็นครั้งแรก
ลักษณะของ Sidecar ที่ควรจะมี
- โครง ซึ่งจะใช้เหล็กท่อขนาดต่างๆ มาเชื่อมต่อกันเพื่อขึ้นรูป ส่วนขนาด Sidecar จะเล็กหรือใหญ่นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าจะนำไปติดกับรถรุ่นไหนทั่วไปจะมีขนาดประมาณ150x100x80 cm (จากพื้นถนนถึงพื้นโต๊ะ ไม่รวมหลังคา)
- Fairing หรือเปลือกหุ้ม มีทั้งแบบที่เป็นแผ่นเหล็กและไฟเบอร์ขึ้นรูปและจะพ่นสีกันสนิม เพื่อความทนทานใช้งานได้นานหลายปี
- ล้อ ของ Sidecar นั้นจะมีขนาดเท่ากับล้อหลังของมอเตอร์ไซค์รุ่นนั้นๆ ที่นำไปติดตั้งมีขนาดมาตรฐานประมาณ 17 นิ้ว
- จุดเชื่อมต่อ กับตัวถังรถนั้นจะอยู่ในแนวเดียวกับพักเท้าหน้าและหลัง
- เพลาขับต่อเชื่อม (Driveshaft) จะมีอยู่บางรุ่น ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มสมรรถนะในการลุยในทางทุรกันดาร
- หลังคา จะมีหรือไม่มีก็ได้ แล้วแต่ค่ายผู้ออกแบบและวัตถุประสงค์การใช้งาน
ที่สำคัญ ธรรมเนียมที่ว่าจะติด Sidecar “ด้านซ้ายหรือขวา” เพื่อใช้งานบนท้องถนนนั้น เขาให้ยึดหลักสากลคือ หากถนนประเทศใดขับรถชิดเลนไหนให้ติดด้านนั้น เช่น ประเทศไทย ญี่ปุ่น อังกฤษ ออสเตรเลีย ฯลฯ จะขับชิดเลนซ้าย (คนขับจะอยู่ด้านขวา) ก็จะติด Sidecar ที่ด้านซ้ายเป็นต้น
ราคาของ Sidecar ที่เป็นแบบพื้นฐานคือไม่มีการดีไซน์อะไรมากนักหรือจะเรียกว่าเป็นรถพ่วงข้างแบบที่เราเห็นกันจนคุ้นเคยจะเริ่มต้นที่ประมาณ 8,000 บาทเท่านั้น
พัฒนา “Sidecar” ยุคเก่าสู่ธุรกิจการสร้างสรรค์ที่กำลังโตวันโตคืน
นี่คือการต่อยอดที่เรียกว่าเป็นการอัพราคาได้อย่างน่าสนใจจะว่าไปแล้วธุรกิจนี้ก็ไม่ใช่จะเพิ่งเริ่มมีแต่คนที่เอาจริงเอาจังจัดตั้งเป็นบริษัทมีทั้งการนำเข้า และรูปแบบกระบวนการผลิตที่ชัดเจน เพียงแต่ในประเทศไทยยังมีผู้ประกอบการที่ว่านี้ไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะของร้านที่รับดัดแปลงทั่วไป แต่เมื่อมองดูเรื่องราคาแล้วคิดว่าธุรกิจนี้ถ้าต่อยอดกันจริงจังสร้างรายได้มหาศาลทีเดียว
รูปแบบในการดีไซน์ “Sidecar” ส่วนใหญ่ลูกค้าจะขอมีส่วนร่วมในการออกแบบด้วยทั้งนี้เพื่อให้ทั้งสีและรูปทรงเหมาะสมกับจักรยานยนต์ที่ตนเองมีอยู่ โดยส่วนมากจะมีลักษณะเด่น 2 แบบคือ แบบล้อหุบเข้าไปข้างใน และแบบที่ล้อกางออกมาข้างนอกตัวถังรถซึ่งการออกแบบหรือผลิตนั้นก็จะต้องเน้นที่เรื่องความปลอดภัยและแข็งแรงเป็นหลัก โดยเฉพาะเรื่องระบบศูนย์ถ่วง เบรก ระบบไฟ ที่สำคัญคือเรื่องการรับน้ำหนัก
ราคาสำหรับการอัพเกรด “Sidecar” ให้ดูโมเดิร์นขึ้นมาก็ไม่ใช่จะถูกๆกันเลยทีเดียวเริ่มต้นกันตั้งแต่ 25,000 บาทเป็นต้นไป
ส่วนว่าจะแพงสุดเท่าไหร่อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับรูปแบบในการดีไซน์แต่ขอบอกว่ายิ่งโมเดิร์นมาก ทำยากมาก ราคาก็แพงสุดขั้วทีเดียว
อย่างไรก็ตามใช่ว่าธุรกิจที่เกี่ยวกับการดีไซน์เท่านั้นที่จะเติบโตกลุ่มลูกค้าอีกประเภทที่ไม่ต้องการเอา Sidecar เพื่อไปขับเล่นก็สามารถพลิกแพลงเอาไปใช้ในการประกอบฉาก การจัดงานอีเวนต์ ถ่ายรูปเวดดิ้ง ซึ่งราคาค่าเช่าที่ว่านี้ก็ดูใช่ย่อยประมาณครั้งละ 6,000 บาท/วัน/คัน
ภาพจาก http://goo.gl/gCedqC
หรือบางบริษัทก็ผุดไอเดียโดนๆด้วยการนำเข้า “Sidecar”เพื่อการพาณิชย์โดยเฉพาะคนที่สนใจต้องการเอาไปเป็นส่วนหนึ่งในการค้าขายก็จะได้ยานพาหนะรูปทรงสวยงามตามแต่ดีไซน์ที่ตัวเองต้องการ เป็นการสร้างจุดขายที่น่าสนใจซึ่งธุรกิจนี้กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเช่นกัน ณ ปัจจุบันรถ “Sidecar” ที่เป็นเชิงพาณิชย์แบบนี้มีด้วยกัน 4 แบบคือ
- รถขายน้ำผลไม้ปั่นหรือนมสด
- รถขายของแบบของฝากต่างๆ ตามสะดวก
- รถขายโชว์ห่วย สินค้าเบ็ดเตล็ดของขบเคี้ยว
- รถขายผลไม้ดอง
ภาพจาก http://goo.gl/gCedqC
รถทุกรุ่นจะเน้นให้ความสำคัญคือ สะดวกต่อการขาย และความปลอดภัยของผู้ขับขี่ รวมไปถึงการรักษาความสะอาดของตัวรถ และยังออกแบบมาเพื่อการปรับเปลี่ยนรูปแบบสำหรับการขายของตามที่ลูกค้าต้องการด้วย
เหตุนี้ภาพรวมวงการ Sidecar ในเมืองไทยจึงยังเดินหน้ากันได้อีกมาก มีไอเดียอีกนับไม่ถ้วนที่น่าจะเอามาผสมผสานกับความเป็น Sidecar ได้ และถ้าใครมีพื้นฐานเรื่องนี้บ้างแล้วช่องทางจะยิ่งเปิดกว้างหนทางแห่งกำไรมองเห็นชัดเจนครับ
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ https://bit.ly/3corFV2
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
ขอบคุณข้อมูล : http://goo.gl/ShnCBm , http://goo.gl/SDm9VO
รูปภาพ : https://goo.gl/MYOEW9 , http://goo.gl/PJ1woB
อ้างอิงจาก https://bit.ly/2sTvgsD