สมรภูมิชาเขียว สู่เพียวมัทฉะ กระแสใหม่ที่คนไทยเห่อ

ถ้าพูดถึงเครื่องดื่มที่มาแรงที่สุดในช่วงปี 2568 คงไม่มีใครไม่พูดถึง “มัทฉะ” โดยเฉพาะ “เพียวมัทฉะ” (Pure Matcha) ที่มาแรงแซงหน้าทุกเมนูในโซเชียล ทั้ง TikTok, Instagram, Facebook หรือแม้แต่ในบล็อกท่องเที่ยวของญี่ปุ่น

กลายเป็นเครื่องดื่มที่ถูกพูดถึงมากที่สุดบนโซเชียลมีเดีย ด้วยยอดเอ็นเกจเมนต์ทะลุ 5.2 ล้านครั้งภายใน 1 เดือนครึ่ง ส่งผลให้หลายร้านประสบปัญหาสินค้าขาดตลาด จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ใครจะคิดว่า จากแค่ผงชาเขียว จะกลายเป็นสินค้าขาดตลาดได้จริง

เทรนด์นี้มาได้ยังไง

ภาพจาก freepik.com

มัทฉะเริ่มเป็นที่นิยมในไทยตั้งแต่ปลายปี 2566 แต่กระแสเริ่มพีคสุดๆ เมื่อต้นปี 2568 โดยมีปัจจัยหลักมาจาก

  1. คนรุ่นใหม่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ดื่มมัทฉะให้พลังงาน และมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
  2. ภาพลักษณ์ Clean & Minimal มัทฉะเชื่อมโยงกับความเรียบง่าย คลีน สะอาด ดูดีแบบมีสไตล์
  3. โซเชียลมีเดียช่วยสร้างกระแส คอนเทนต์แนว “Japan Haul” หรือ “Morning Routine” ที่มีมัทฉะเป็นพระเอก ดึงดูดให้คนหันมาสนใจผงมัทฉะเกรดดีมากขึ้น
  4. ค่าเงินเยนอ่อน ทำให้คนไทยหอบเงินไปซื้อมัทฉะจากญี่ปุ่นกลับมาเป็นกระป๋องๆ ทำให้บางร้านต้องจำกัดจำนวน

มัทฉะ “ขาดตลาด” จริงหรือ

ภาพจาก freepik.com

ในประเทศไทยเอง ที่ผ่านมาจะเห็นว่าหลายๆ ร้านมัทฉะพรีเมียม เช่น MTCH, Peace Oriental หรือ Ksana ถึงกับประกาศ “จำกัดจำนวนการซื้อ” เพราะผงมัทฉะนำเข้าเริ่มขาดแคลน

ทางด้านประเทศญี่ปุ่นก็ไม่ต่างกัน แบรนด์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Marukyu Koyamaen และ Ippodo ต้องจำกัดการสั่งซื้อ หรือ หยุดขายชั่วคราว เพราะผลิตไม่ทัน

สาเหตุหลักที่ทำให้ “มัทฉะ” ขาดตลาด

  • ผลผลิตใบชา Tencha จำกัด
  • Tencha คือใบชาที่ใช้ทำมัทฉะโดยเฉพาะ มีฤดูเก็บเกี่ยวสั้น และต้องใช้เวลาในการบ่มก่อนนำมาบด
  • ปี 2568 สภาพอากาศร้อนจัดในญี่ปุ่น ทำให้ผลผลิตลดลงทันที 20–25% หลายโรงงานผลิตผงมัทฉะได้ไม่ถึงครึ่งที่ตลาดต้องการ
  • ความต้องการทั่วโลกพุ่ง ไม่ใช่แค่ไทย แต่ตลาดมัทฉะทั่วโลกเติบโตแรง คาดว่าแตะ 173,000 ล้านบาทภายในปี 2028 ธุรกิจทั้งในอเมริกา ยุโรป และเอเชียแห่กันสั่งซื้อมัทฉะ จนทำให้ “ดีมานด์แซงซัพพลาย” แบบชัดเจน
  • รีเซล + กักตุน ในหลายประเทศ รวมถึงไทย เริ่มมีการซื้อมัทฉะไปขายต่อในราคาที่สูงกว่าปกติ 2–4 เท่า ทำให้ผู้บริโภคทั่วไปยิ่งหาซื้อได้ยากเข้าไปอีก

สมรภูมิชาเขียว

เมนูมัทฉะยอดนิยม

  • Matcha Latte 41% กลุ่มเป้าหมายมือใหม่ ดื่มง่าย รสชาติกลมกล่อม
  • Pure Matcha 35% กลุ่มเป้าหมายสายเฮลท์ตี้ ต้องการรสชาติแบบดั้งเดิม
  • Matcha Coconut 10% กลุ่มเป้าหมายคนชอบรสแปลกใหม่ หอมกลิ่นมะพร้าว
  • Matcha Honey / Lemon รวม 8% กลุ่มเป้าหมายสำหรับคนชอบรสหวานสดชื่น

สมรภูมิชาเขียว

รสชาติที่โดนใจ

  • ครีมมี่ (38%) หวานนุ่ม ละมุน ดื่มง่าย
  • นัตตี้ (35%) หอมมัน เหมือนถั่วอบ
  • สาหร่าย (10%) รสเค็มนิดๆ กลิ่นน้ำทะเล
  • ช็อกโกแลต (9%) ขมละมุนแบบดาร์กช็อก
  • ฟลอรัล (5%) หอมบางเบา ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

สมรภูมิชาเขียว

โอกาสทางธุรกิจเกี่ยวกับมัทฉะ

  • คาเฟ่ทั่วไป เพิ่มเมนูมัทฉะสูตรต่างๆ ดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่
  • ร้านเครื่องดื่มเปิดไลน์ “มัทฉะแท้” เจาะกลุ่มลูกค้าระดับ Premium
  • สร้างแบรนด์ออนไลน์ (D2C) ด้วยผงมัทฉะคุณภาพสูง ส่งให้ลูกค้าถึงบ้าน
  • ต่อยอดสู่สินค้าใหม่ เช่น มัทฉะขนม มัทฉะสกินแคร์ หรือชุดของขวัญ

มาถึงตรงนี้ ถ้าถามว่ามัทฉะเป็นกระแสชั่วคราว หรือจะอยู่ยาวเหมือนกาแฟ? นี่คือคำถามที่ทุกธุรกิจต้องคิดให้ขาด

ถ้าแบรนด์ไหนสามารถสร้างประสบการณ์การดื่มที่มากกว่า “รสชาติ” เช่น มีเรื่องเล่า มีคุณภาพ มีความยั่งยืน ก็มีโอกาสที่มัทฉะจะไม่ใช่แค่เครื่องดื่ม แต่เป็นแบรนด์ที่มีความเป็นไลฟ์สไตล์ สามารถติดตลาดในระยะยาวได้

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่


สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

  • เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
  • ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
  • มอบหมายงานและติดตามงาน
  • อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

  • ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
  • ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
  • การปฏิบัติงาน
  • เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

  • การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
  • การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
  • การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
  • การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

  • การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
  • สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
  • กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
  • มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

  • แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
  • แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

  • รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  • ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
  • ปรับปรุงแก้ไข
  • พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

  1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
  2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

  • การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)

นักเขียน ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงข่าวสาร การค้า การลงทุน มีความสนใจเรื่องของธุรกิจเอสเอ็มอี และแฟรนไช