ค่าใช้จ่ายรักษามะเร็งสูงแค่ไหน ? ทำไมต้องมีประกันมะเร็ง
การวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งไม่เพียงแต่สร้างความสะเทือนใจทางอารมณ์ แต่ยังเป็นตัวเลขมหาศาลที่อาจทำลายสถานะทางการเงินของครอบครัวในพริบตา หลายคนอาจคิดว่าประกันสุขภาพที่มีอยู่เพียงพอแล้ว แต่ในความเป็นจริง การรักษาโรคมะเร็งนั้นมีค่าใช้จ่ายที่ซับซ้อนและสูงกว่าที่คิดมาก การทำความเข้าใจค่าใช้จ่ายที่แท้จริงจะช่วยให้คุณเห็นถึงความจำเป็นของการมีประกันมะเร็งโดยเฉพาะ
เจาะลึกค่าใช้จ่ายของการรักษามะเร็ง
ค่าใช้จ่ายในการรักษามะเร็งนั้นแตกต่างกันไปตามชนิด ระยะของโรค ไปจนถึงวิธีการรักษา แต่โดยภาพรวมแล้วสามารถแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ได้ ดังนี้
- ค่าตรวจวินิจฉัย : ก่อนจะเริ่มการรักษา แพทย์ต้องทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด ตั้งแต่การตรวจเลือด, การตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy), ไปจนถึงการทำ MRI หรือ PET Scan ที่มีราคาหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท และการตรวจเหล่านี้อาจต้องทำซ้ำหลายครั้งเพื่อติดตามผลการรักษา ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
- ค่าผ่าตัด : หากจำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อเอาเซลล์มะเร็งออก ค่าใช้จ่ายจะขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของการผ่าตัด อาจต้องมีการใช้เครื่องมือแพทย์พิเศษ หรือการผ่าตัดโดยแพทย์เฉพาะทาง ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงถึงหลักแสนหรือหลักล้านบาท
- ค่าเคมีบำบัดและฉายแสง : การรักษาด้วยคีโมหรือการฉายแสงเป็นกระบวนการที่ต้องทำต่อเนื่องหลายครั้ง ค่าใช้จ่ายต่อครั้งอาจสูงถึงหลักหมื่น และเมื่อรวมตลอดการรักษาอาจแตะหลักล้านบาทได้ ไม่รวมถึงผลข้างเคียงที่ต้องได้รับการรักษาเพิ่มเติมอีกด้วย
- ค่ายารักษา : ยามุ่งเป้า (Targeted Therapy) หรือภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ก็มีราคาแพงมาก ยาบางชนิดมีราคาเม็ดละหลายพันบาท หรือการฉีดครั้งละหลายหมื่นถึงหลักแสนบาท หากการรักษายาวนานต่อเนื่องหลายปี ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะกลายเป็นภาระทางการเงินที่หนักหนาที่สุด
- ค่าใช้จ่ายอื่นๆ : ยังมีค่าห้องพักฟื้น, ค่าเครื่องมือแพทย์, และค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพื่อไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายจิปาถะที่หลายคนมองข้าม นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้ดูแล หรือรายได้ที่ต้องเสียไปในระหว่างการรักษาอีกด้วย
เมื่อรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้เข้าด้วยกันจะพบว่าตัวเลขอาจสูงถึงหลักล้านบาทอย่างง่ายดาย และนี่คือเหตุผลสำคัญว่าทำไมประกันมะเร็งจึงไม่ใช่แค่ทางเลือกแต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน
ทำไมประกันมะเร็งจึงเป็นคำตอบที่ใช่
แม้จะมีประกันสุขภาพอยู่แล้ว แต่โดยทั่วไปแล้ววงเงินความคุ้มครองอาจไม่เพียงพอสำหรับค่ารักษามะเร็งที่สูงลิ่ว ประกันมะเร็งจึงเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวเสริมที่สำคัญ โดยมีจุดเด่นคือ
- วงเงินที่สูงและแยกจากประกันสุขภาพ : ประกันมะเร็งจะให้วงเงินความคุ้มครองที่สูงกว่าและแยกออกจากวงเงินของประกันสุขภาพ ทำให้สามารถใช้เงินก้อนนี้เพื่อรักษาโรคมะเร็งโดยเฉพาะโดยไม่ต้องกังวลว่าวงเงินจะหมด
- คุ้มครองตั้งแต่ตรวจเจอ : หลายแผนให้เงินก้อนทันทีที่ตรวจพบ เพื่อนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในช่วงแรกของการรักษา หรือนำไปใช้เป็นเงินทุนสำรองในชีวิตประจำวัน
- เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการรักษาที่ดีที่สุด : ด้วยเงินทุนที่เพียงพอจากประกันมะเร็ง ทำให้ผู้ป่วยสามารถเลือกเข้าถึงการรักษาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย หรือใช้ยาที่มีราคาแพงได้อย่างไม่ต้องกังวล
การมีประกันมะเร็งเปรียบเสมือนการโอนย้ายความเสี่ยงทางการเงินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไปให้บริษัทประกัน ทำให้คุณและครอบครัวสามารถมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับโรคได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องภาระทางการเงินที่จะตามมา