Juewei Duck Neck (绝味食品) จูเว่ย จากคอเป็ดสู่ร้านขายของตุ๋น 1.5 หมื่นสาขาทั่วโลก เตรียมบุกไทย?
หากใครเคยไปเที่ยวจีน อาจเคยเห็นร้านของกินเล่นที่ตั้งเรียงรายตามถนนในเมืองใหญ่ โดยเฉพาะของตุ๋นรสพะโล้อย่างคอเป็ด ปีกเป็ด หรือหมึกพะโล้ ที่มีกลิ่นและรสชาติเข้มข้นแบบฉบับจีน หนึ่งในแบรนด์ที่คนจีนรู้จักกันดี ก็คือ Juewei Duck Neck
แบรนด์นี้ไม่ได้เป็นเพียงร้านขายคอเป็ดทั่วไป แต่เป็นเจ้าตลาดในจีนที่เคยเติบโตแบบก้าวกระโดด จนกลายเป็นเชนร้านอาหารกว่า 15,000 สาขาทั่วโลก ทั้งในจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และแคนาดา
จุดเริ่มต้นของ Juewei

Juewei Duck Neck ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 ที่เมืองฉางซา มณฑลหูหนาน มีจุดเริ่มต้นมาจากร้านเล็กๆ ที่ขายคอเป็ดพะโล้รสเผ็ดจัด สไตล์หูหนาน มีรสชาติถูกใจลูกค้าท้องถิ่นอย่างรวดเร็ว
จากนั้นแบรนด์ค่อยๆ เติบโตผ่านระบบแฟรนไชส์ จนขยายไปยังเมืองต่างๆ ทั่วจีน และขยายตลาดไปยังต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง และแคนาดา
สินค้าหลักของ Juewei ได้แก่ คอเป็ด ปีกเป็ด และซี่โครงเป็ดตุ๋นรสชาติเผ็ด เค็ม จุดแข็งของแบรนด์ คือ รสชาติแบบหูหนาน เผ็ดถึงใจ แพ็กเกจทันสมัย เน้นกินสะดวกแบบ Grab & Go ส่งผลให้ Juewei กลายเป็นแบรนด์ขวัญใจวัยรุ่นและคนทำงานในเมืองอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม แต่ในช่วงปี 2023-2024 ตลาดของว่างประเภทอาหารตุ๋นพะโล้เริ่มเผชิญกับแรงเสียดทานครั้งใหญ่ โดยเฉพาะสามแบรนด์ยักษ์ ได้แก่ Juewei Duck Neck, Zhou Hei Ya และ Huangshanghuang
ทั้ง 3 บริษัทได้รายงานผลประกอบการปี 2024 มีรายได้และกำไรลดลงอย่างมาก อีกทั้งยังมีการทยอยปิดสาขาจำนวนมากทั่วประเทศจีน สาเหตุมาจากพฤติกรรมลูกค้าในประเทศเปลี่ยนแปลงไป
ของกินเล่นแพง คนรุ่นใหม่ในจีนโบกมือลา

เสียงสะท้อนจากผู้บริโภคในจีนกลายเป็นประเด็นร้อนบนโซเชียล เพราะหลายคนเริ่มรู้สึกว่า ของว่างกลายเป็นของแพงเกินเหตุ
เช่น หมึก 2 ชิ้น + คอเป็ด 5 ชิ้น ราคา 40 หยวน (ราว 184 บาท) หรือหมึกเล็กๆ แค่ 2 ชิ้น ก็โดนไป 20 หยวน แม้ใช้คูปองแล้ว
หลายร้านตั้งราคาต่อ 250 กรัม แทนที่จะเป็น 500 กรัม (หรือ “1 ชั่ง” ซึ่งเป็นหน่วยมาตรฐานที่คนจีนคุ้นเคย)
เมื่อลูกค้าหยิบของไปชั่ง พอได้ใบเสร็จถึงกับช็อก เช่น คอเป็ดราคา 98 หยวนต่อ 500 กรัม
ที่สำคัญสินค้าซ้ำซาก ขาดความหลากหลาย แม้จะออกสินค้าใหม่ แต่ไม่ตอบโจทย์ตลาด ขายอยู่แค่คอเป็ด ปีกเป็ด ซี่โครงเดิมๆ
คู่แข่งใหม่ ตีตลาดแตก

ในขณะที่แบรนด์ของกินเล่นประเภทตุ๋นรุ่นเก่าๆ เริ่มได้รับความนิยมน้อยลง ทางด้านแบรนด์น้องใหม่อย่าง Wangxiaolu กลับมาแรงแซงทางโค้ง ด้วยจุดขายที่แตกต่าง โฟกัส “ตีนไก่” เป็นเมนูหลัก มีทั้งแบบไม่มีกระดูก, แบบเผ็ด, เปรี้ยว, และรสชาติหลากหลาย ขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และการรีวิวผ่านโซเชียลฯ สร้างกระแสได้เร็ว เข้าถึงกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ได้ดี ราคาคุ้มค่ากว่าแบรนด์เก่าๆ
ร้านเล็ก จับต้องได้ง่ายกว่า ชนะใจลูกค้าได้รวดเร็ว
ไม่เพียงแต่แบรนด์ใหม่เท่านั้น ยังมีร้านแผงลอยหน้าปากซอย หรือร้านท้องถิ่นก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น หากมีคุณสมบัติ เช่นรสชาติดี, ราคาเข้าถึงได้, โปร่งใสเรื่องน้ำหนักและราคา
ลูกค้าในจีนเริ่มหันหลังให้แบรนด์ดัง แล้วกลับมาอุดหนุนร้านเล็กๆ ที่ “จริงใจ” มากกว่า
ความพยายามดิ้นรน ไม่ช่วยอะไร
แม้แบรนด์ใหญ่พยายามปรับตัวและลองหาธุรกิจอย่างอื่นมาเสริมเพื่อสร้างรายได้ เช่น Zhou Hei Ya หันไปขายน้ำมะพร้าว และ Juewei ทดลองเปิดร้านขายชานมไข่มุก แต่สินค้าทดลองเหล่านี้ ยังไม่สร้างกระแส หรือความนิยมที่ชัดเจน เพราะไม่ได้ตอบโจทย์ผู้บริโภคจริงๆ
สรุป แม้ว่าตลาดของว่างพะโล้ในจีนจะประสบปัญหามากมาย แต่ก็ยังไม่ตาย แต่จะเหลือพื้นที่ให้เฉพาะแบรนด์ที่ปรับตัวได้เร็ว, เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค, ตั้งราคาสมเหตุสมผล, พัฒนาเมนูสินค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
แหล่งข้อมูล
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
- อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
- อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
- รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
- รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s
อ้างอิงจาก คลิกที่นี่
สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น
ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี
ลักษณะงาน
- เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
- ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
- มอบหมายงานและติดตามงาน
- อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ
1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้
- ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
- ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- การปฏิบัติงาน
- เป้าหมายในอนาคต
2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ
- การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
- การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
- การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
- การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)
3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)
- การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
- สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
- กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
- มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม
4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ
- แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
- แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์
5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์
- รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
- ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
- ปรับปรุงแก้ไข
- พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง
การปฎิบัติงาน
- สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
- ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา
เงื่อนไขอื่นๆ
- การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์
อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้
สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)