โอกาสมาแล้ว! 13 แบรนด์แฟรนไชส์ระดับโลกพร้อมเปิดตลาดในไทย

ในยุคที่เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว “ธุรกิจแฟรนไชส์” ได้กลายเป็นหนึ่งในโมเดลการลงทุนที่มีความยืดหยุ่นและมั่นคงที่สุดสำหรับนักลงทุนยุคใหม่ โดยเฉพาะในประเทศไทย ที่ถือเป็นตลาดสำคัญที่ถูกจับตามองว่าเป็น “ประตูสู่อาเซียน” สำหรับแบรนด์แฟรนไชส์ระดับโลก ที่ต้องการขยายเข้าสู่ภูมิภาคซึ่งมีประชากรกว่า 650 ล้านคน

งาน ThaiFranchise Discovery Day 2025 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 14-15 ตุลาคม 2568 มี 13 แบรนด์แฟรนไชส์ระดับโลกจากหลายอุตสาหกรรม ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม, ฟิตเนสและสุขภาพ รวมถึงธุรกิจบริการและเทคโนโลยี ได้นำเสนอโมเดลธุรกิจที่พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จในระดับสากล พร้อมเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ

ตลาดแฟรนไชส์ในประเทศไทยเติบโตต่อเนื่องจากแรงขับเคลื่อนของการท่องเที่ยว การบริโภคภายในประเทศ และเทรนด์ไลฟ์สไตล์ที่เปิดรับแบรนด์ต่างชาติ ส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็น “ตลาดยุทธศาสตร์” สำหรับการขยายแฟรนไชส์ในภูมิภาคเอเชีย

สกู๊ปวันนี้ได้รวบรวม 13 แบรนด์แฟรนไชส์ระดับโลก ที่พร้อมเปิดโอกาสให้นักงทุนไทยเข้ามาเป็น Master Franchise หรือ Area Developer ตั้งแต่ร้านอาหารชื่อดัง Applebee’s & IHOP, Texas Roadhouse, Tony Roma’s ไปจนถึงธุรกิจสุขภาพและฟิตเนสชั้นนำอย่าง CRUNCH Fitness, Pure Barre และ YogaSix รวมถึงแบรนด์แฟรนไชส์ด้านการบริการและเทคโนโลยี ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกอย่าง Sanondaf และ GapMaps

นี่คือโอกาสสำคัญที่นักลงทุนไทยจะได้ก้าวสู่เวทีโลก ผ่านการร่วมมือกับแบรนด์แฟรนไชส์ที่มีระบบการบริหารจัดการระดับสากล พร้อมองค์ความรู้และประสบการณ์ที่พิสูจน์แล้วจากตลาดทั่วโลก

1. Applebee’s & IHOP

เงินลงทุนขั้นต่ำ 3,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ประเภทธุรกิจ Casual Dining (ร้านอาหารบริการเต็มรูปแบบ)

สองแบรนด์ในเครือ Dine Brands Global Inc. ที่มีชื่อเสียงระดับโลก Applebee’s นำเสนออาหารอเมริกันสไตล์โฮมเมด เช่น สเต็ก เบอร์เกอร์ และเมนูจานร้อน ในบรรยากาศอบอุ่น ส่วน IHOP (International House of Pancakes) คือ ผู้นำในตลาดอาหารเช้าและแพนเค้กระดับโลก เปิดดำเนินการกว่า 3,700 สาขาในกว่า 20 ประเทศ

จุดเด่น

• เป็นแบรนด์ที่ได้รับการจดจำสูงในตลาดอเมริกาและทั่วโลก
• โมเดลการจัดการร้านมีมาตรฐานสูงและสนับสนุนโดย Dine Brands Global
• สามารถพัฒนาในรูปแบบ Dual Brand Franchise คือ เปิดร่วมกันในพื้นที่เดียว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่และรายได้

โอกาสในตลาดไทย

ตลาดอาหารสไตล์อเมริกันในไทยมีแนวโน้มเติบโต โดยเฉพาะในเมืองใหญ่และศูนย์การค้า นักท่องเที่ยวต่างชาติและกลุ่มครอบครัวไทยระดับกลางถึงสูงให้ความนิยมแบรนด์ต่างประเทศที่มีภาพลักษณ์ชัดเจน Applebee’s และ IHOP จึงมีศักยภาพสูงในการเป็นร้าน Casual Dining ชั้นนำในประเทศไทย

2. The Coffee Bean & Tea Leaf

เงินลงทุนขั้นต่ำ 1,500,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ประเภทธุรกิจ Coffee & Beverage Café

แบรนด์กาแฟและชาชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งในปี 1963 ปัจจุบันมีร้านกว่า 1,170 แห่งใน 27 ประเทศทั่วโลก โดยมีจุดยืนคือ “รสชาติแห่งคุณภาพและความเป็นต้นตำรับ” ทั้งกาแฟ Cold Brew และชา Ice Blended สูตรเฉพาะ

จุดเด่น

• มีชื่อเสียงระดับโลกและฐานลูกค้าประจำเหนียวแน่น
• ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงจากแหล่งเพาะปลูกที่ยั่งยืน
• มีระบบแฟรนไชส์ชัดเจน สนับสนุนด้านการฝึกอบรม โลจิสติกส์ และการตลาดครบวงจร

โอกาสในตลาดไทย

ตลาดกาแฟพรีเมียมในไทยยังคงขยายตัว โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต และเมืองท่องเที่ยวสำคัญ การเข้ามาของ The Coffee Bean & Tea Leaf จะช่วยเพิ่มการแข่งขันและตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มองหาประสบการณ์ร้านกาแฟระดับโลก

3. Abiko Curry

เงินลงทุนขั้นต่ำ 750,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ประเภทธุรกิจ Quick Service Restaurant (อาหารญี่ปุ่น-เกาหลี)

Abiko Curry เป็นเครือร้านแกงกะหรี่ที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ เริ่มต้นจากย่าน Sinchon กรุงโซล และขยายสาขามากกว่า 130 แห่งทั่วโลก จุดขายคือ “แกงกะหรี่สูตรพิเศษที่เข้มข้นและปรุงสดใหม่ทุกจาน”

จุดเด่น

• เมนูหลักชัดเจน บริหารง่าย
• แฟรนไชส์มีต้นทุนเริ่มต้นต่ำกว่าแบรนด์ F&B รายใหญ่
• เมนูปรับรสชาติได้หลากหลายตามตลาดปลายทาง

โอกาสในตลาดไทย

อาหารเกาหลีและญี่ปุ่นยังคงเป็นที่นิยมในไทย โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น และคนทำงานในเมือง การนำ Abiko Curry เข้ามาในห้างสรรพสินค้า หรือ community mall จะช่วยตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่ชอบอาหารจานด่วนคุณภาพดี

4. AseerTime

เงินลงทุนขั้นต่ำ 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ประเภทธุรกิจ Juice & Dessert Concept

AseerTime ก่อตั้งในปี 2011 เป็นแบรนด์เครื่องดื่มและขนมหวานจากตะวันออกกลางที่เติบโตอย่างรวดเร็ว มีสาขามากกว่า 220 แห่งใน 15 ประเทศ โดดเด่นด้วยน้ำผลไม้ผสมสด ไอศกรีม และของหวานสูตรเฉพาะ

จุดเด่น

• รูปแบบร้านสวยงาม ดึงดูดกลุ่มวัยรุ่นและครอบครัว
• ใช้ส่วนผสมสดใหม่ และการตกแต่งสไตล์ Modern Arabic
• มีระบบแฟรนไชส์ที่ให้การสนับสนุนเต็มรูปแบบ

โอกาสในตลาดไทย

ตลาดน้ำผลไม้และขนมหวานในไทยมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยว AseerTime สามารถเจาะตลาดได้ดีในกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน และผู้ที่ต้องการประสบการณ์ใหม่ด้านรสชาติ

5. Farouj Abo El Abd

เงินลงทุนขั้นต่ำ 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ประเภทธุรกิจ Fast Casual Middle Eastern Cuisine

แบรนด์อาหารริมทางจากเลบานอน โด่งดังจากไก่ย่าง ชอว์มาร์ และอาหารจานด่วนสไตล์อาหรับแท้ ปัจจุบันมี 67 สาขาใน 10 ประเทศ

จุดเด่น

• เมนูแปลกใหม่ในตลาดเอเชีย สร้างความแตกต่างสูง
• ต้นทุนวัตถุดิบต่ำ และระบบปฏิบัติงานในร้านไม่ซับซ้อน
• เหมาะกับพื้นที่ขายปลีกและ food court ในห้าง

โอกาสในตลาดไทย

อาหารตะวันออกกลางเริ่มได้รับความนิยมจากทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และภูเก็ต แบรนด์นี้สามารถเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่และลูกค้าชาวมุสลิมได้ดี

6. Texas Roadhouse

เงินลงทุนขั้นต่ำ 3,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ประเภทธุรกิจ Casual Dining Steakhouse

ผู้นำร้านอาหารสไตล์อเมริกัน มีมากกว่า 750 สาขาใน 49 รัฐ และ 10 ประเทศทั่วโลก ขึ้นชื่อเรื่องสเต็กคุณภาพ ขนมปังอบสด และบรรยากาศสนุกสนาน

จุดเด่น

• แบรนด์มีความแข็งแกร่งในระดับโลก
• ระบบบริหารจัดการและเทรนนิ่งเป็นมาตรฐานสูง
• ความสำเร็จของร้านในหลายประเทศเอเชียพิสูจน์แล้วว่าปรับตัวได้ดี

โอกาสในตลาดไทย

ตลาดร้านสเต็กคุณภาพในไทยยังมีช่องว่าง โดยเฉพาะในกลุ่ม Casual Premium Texas Roadhouse สามารถตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มครอบครัว และนักท่องเที่ยวต่างชาติได้อย่างลงตัว

7. Jagger

เงินลงทุนขั้นต่ำ 1,500,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ประเภทธุรกิจ Fast Casual Restaurant

Jaggers อยู่ภายใต้เครือ Texas Roadhouse นำเสนออาหารแนว Fast Casual เช่น เบอร์เกอร์ ไก่ทอด สลัด และมิลค์เชคคุณภาพสูง ได้รับการจัดอันดับโดย Technomic ให้เป็น “Top Emerging Concept” ปี 2020

จุดเด่น

• อาหารคุณภาพระดับร้านเต็มรูปแบบ แต่บริการรวดเร็ว
• ต้นทุนและขนาดร้านยืดหยุ่น เหมาะกับตลาดเมืองใหญ่
• ได้รับการสนับสนุนจากทีม Texas Roadhouse โดยตรง

โอกาสในตลาดไทย

เหมาะกับกลุ่มวัยรุ่น และคนทำงานในเมือง สามารถขยายใน community mall หรือ high-street ได้ดี โดยใช้ภาพลักษณ์อเมริกันพรีเมียมเป็นจุดขาย

8. Tony Roma’s

เงินลงทุนขั้นต่ำ 1,500,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ประเภทธุรกิจ Casual Dining BBQ Ribs & Grill

Tony Roma’s ถือกำเนิดในปี 1972 และเป็นสัญลักษณ์ของซี่โครงหมูบาร์บีคิวระดับโลก ปัจจุบันมีร้านมากกว่า 100 สาขาใน 25 ประเทศ

จุดเด่น

• เมนูซี่โครงหมูสูตรเฉพาะที่มีชื่อเสียงทั่วโลก
• แบรนด์มีอายุยาวนานกว่า 50 ปี ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าหลายรุ่น
• สนับสนุนการฝึกอบรม การตลาด และวัตถุดิบหลักจากเครือข่ายทั่วโลก

โอกาสในตลาดไทย

ตลาดอาหาร Western BBQ ในไทยเติบโตต่อเนื่อง Tony Roma’s สามารถเข้ามาเติมเต็มเซ็กเมนต์ร้านอาหารครอบครัวระดับกลาง-บนได้อย่างแข็งแกร่ง

9. CRUNCH Fitness

เงินลงทุนขั้นต่ำ 2,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ประเภทธุรกิจ Fitness Club / Health Lifestyle

ก่อตั้งในนิวยอร์กในปี 1989 โดยมีแนวคิด “No Judgments Fitness” ปัจจุบันมีมากกว่า 500 สาขาใน 7 ประเทศ

จุดเด่น

• เน้นความสนุกและเปิดกว้าง เหมาะกับทุกระดับความฟิต
• โปรแกรมออกกำลังกายเฉพาะ เช่น HIIT / Zumba / Personal Training
• แฟรนไชส์ได้รับการสนับสนุนครบด้าน การตลาด อุปกรณ์ และระบบสมาชิก

โอกาสในตลาดไทย

กระแสสุขภาพในไทยเติบโตต่อเนื่อง แฟรนไชส์ CRUNCH จึงเหมาะกับตลาดในเมืองใหญ่ๆ ที่มีคนรุ่นใหม่และชาวต่างชาติจำนวนมาก เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต

10. Pure Barre

เงินลงทุนขั้นต่ำ 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ประเภทธุรกิจ Boutique Fitness (Barre Studio)

แฟรนไชส์ Barre ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสตูดิโอกว่า 600 แห่ง นำเสนอการออกกำลังกายที่ผสมผสานระหว่าง โยคะ พิลาทิส และบัลเลต์ แรงกระแทกต่ำแต่เข้มข้น

จุดเด่น

• เหมาะกับผู้หญิงทุกวัยที่ต้องการฟิตแอนด์เฟิร์ม
• มีระบบเทรนนิ่งและซอฟต์แวร์บริหารสตูดิโอครบวงจร
• อยู่ภายใต้เครือ Xponential Fitness ซึ่งเป็นเจ้าของหลายแบรนด์สุขภาพระดับโลก

โอกาสในตลาดไทย

คนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพและรูปร่างมากขึ้น ตลาด boutique studio ในไทยมีแนวโน้มเติบโต โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่

11. YogaSix

เงินลงทุนขั้นต่ำ 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ประเภทธุรกิจ Yoga & Wellness Studio

YogaSix เป็นหนึ่งในแบรนด์ภายใต้ Xponential Fitness เน้นประสบการณ์โยคะรูปแบบทันสมัย มีสตูดิโอกว่า 200 แห่งทั่วโลก

จุดเด่น

• บรรยากาศสตูดิโอหรูหรา บริการระดับพรีเมียม
• โปรแกรมโยคะหลากหลายระดับ ตั้งแต่ Beginner ถึง Hot Yoga
• ระบบสนับสนุนด้านการตลาดและสมาชิกจาก Xponential Fitness

โอกาสในตลาดไทย

ตลาดโยคะและ wellness ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงวัยทำงาน YogaSix สามารถสร้างความแตกต่างจากสตูดิโอทั่วไปด้วยคุณภาพและมาตรฐานสากล

12. Sanondaf

เงินลงทุนขั้นต่ำ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ประเภทธุรกิจ Cleaning & Disinfection Service

Sanondaf เป็นผู้นำด้านบริการฆ่าเชื้อแบบไร้สัมผัส Touchless Disinfection จากยุโรป ใช้เทคโนโลยีชีวภาพในการกำจัดเชื้อโรค ไวรัส และแบคทีเรีย ในพื้นที่อาคาร สำนักงาน และโรงพยาบาล

จุดเด่น

• ใช้นวัตกรรมปลอดภัยและได้รับการรับรองมาตรฐานสากล
• ตลาดมีการแข่งขันต่ำ และความต้องการสูงหลังโควิด-19
• ระบบแฟรนไชส์ลงทุนไม่สูง บริหารง่าย

โอกาสในตลาดไทย

ตลาดบริการฆ่าเชื้อยังคงมีดีมานด์สูงจากอาคารสำนักงาน โรงเรียน และสถานพยาบาล เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการธุรกิจบริการที่มีการเติบโตมั่นคง

13. GapMaps

เงินลงทุนขั้นต่ำ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ประเภทธุรกิจ Location Analytics Software / B2B Service

GapMaps เป็นบริษัทซอฟต์แวร์จากออสเตรเลีย ให้บริการวิเคราะห์ทำเลทางธุรกิจแก่แบรนด์แฟรนไชส์ และค้าปลีก ปัจจุบันให้บริการในกว่า 25 ประเทศทั่วโลก

จุดเด่น

• ช่วยธุรกิจเลือกทำเลเปิดร้านได้อย่างแม่นยำด้วย data analytics
• ใช้งานง่าย รองรับทั้งข้อมูลประชากร การเดินทาง และพฤติกรรมผู้บริโภค
• เงินลงทุนเริ่มต้นต่ำมาก เหมาะกับนักลงทุน SME และผู้ประกอบการธุรกิจแฟรนไชส์

โอกาสในตลาดไทย

ไทยเป็นตลาดค้าปลีกและแฟรนไชส์ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง GapMaps สามารถช่วยผู้ประกอบการใช้ข้อมูลเชิงลึกในการตัดสินใจด้านทำเลและการขยายสาขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุปภาพรวม

งาน ThaiFranchise Discovery Day 2025 สะท้อนแนวโน้มสำคัญของตลาดแฟรนไชส์ไทย คือ การเปิดรับแบรนด์ระดับโลกที่มีชื่อเสียง ระบบมาตรฐาน และแนวคิดที่ทันสมัย อีกทั้งประเทศไทยกำลังกลายเป็นศูนย์กลางตลาดแฟรนไชส์ของอาเซียน เพราะมีเศรษฐกิจที่มั่นคง กำลังซื้อเติบโต และตลาดผู้บริโภคหลากหลาย

นักลงทุนที่มองหาโอกาสระยะยาว สามารถเลือกลงทุนแฟรนไชส์ตามงบประมาณและประเภทธุรกิจที่เหมาะสม ตั้งแต่แฟรนไชส์ขนาดเล็กอย่าง GapMaps ไปจนถึงแฟรนไชส์ร้านอาหารขนาดใหญ่ เช่น Texas Roadhouse หรือ Applebee’s / IHOP

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจ แฟรนไชส์ และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

• อยากสร้างแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Ive14C
• อยากทำเป็นแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3IrrH0k
• รู้เรื่องกฎหมาย สัญญาแฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Iu5WNu
• รวมความรู้แฟรนไชส์ > https://bit.ly/3Pe0m5s

อ้างอิงจาก คลิกที่นี่

---

สำหรับคนที่อยากเอาตัวรอดในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แนะนำเข้ารับคำปรึกษาผ่านหน่วยงาน ที่น่าเชื่อถือ เช่น

ไทยแฟรนไชส์ คอนซัลแทนซี่ (ThaiFranchise Consultancy)เป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ยินดีให้คำปรึกษาในทุกกระบวนการสร้างระบบแฟรนไชส์ ทางบริษัทฯ มีอาจารย์และทีมงานที่พร้อมให้บริการ คอยให้คำแนะนำ และร่วมค้นหาคำตอบจากประสบการณ์บนเส้นทางของธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มายาวนานกว่า 14 ปี

ลักษณะงาน

• เน้นการทำงานร่วมกับทีมงานของบริษัท
• ให้แนวทางในการทำงานในทุกๆ ด้าน
• มอบหมายงานและติดตามงาน
• อื่นๆ ทุกด้านที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ

1. วิเคราะห์ธุรกิจปัจจุบันเบื้องต้น หัวข้อดังนี้

• ลักษณะธุรกิจในปัจจุบัน
• ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
• การปฏิบัติงาน
• เป้าหมายในอนาคต

2. กลยุทธ์ในการสร้างธุรกิจ

• การสร้างแนวคิดธุรกิจ (Business Concept)
• การกำหนดเป้าหมาย (Business Objective)
• การจำลองงบกำไร-ขาดทุน (Profit-Loss)
• การพัฒนาในด้านต่างๆ (Development Plan)

3. การวางแผนการปฏิบัติงาน (Operation Plan)

• การวางแผนการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน
• สร้างคู่มือการทำงานแต่ละฝ่าย
• กำหนดเงื่อนไขในด้านต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าสิทธิ์ รูปแบบร้าน ทำเล การให้สิทธิต่างๆ แก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์
• มีโครงสร้างทีมงานที่เหมาะสม

4. กลยุทธ์ในการขยายธุรกิจ

• แผนการขยายสาขาของบริษัท หรือ ร้านสาขาต้นแบบ
• แผนการทดสอบขยายสาขาแฟรนไชส์

5. ขั้นตอนการพัฒนาระบบแฟรนไชส์

• รวบรวมปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
• ดูผลประกอบการ การดำเนินของร้านแฟรนไชส์จำลอง หรือร้านต้นแบบ
• ปรับปรุงแก้ไข
• พัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ อย่างไม่หยุดยั้ง

การปฎิบัติงาน

1. สัปดาห์ละ 1 คาบเวลา (ประมาณ 3-4 ชม.)
2. ติดต่อปรึกษางานได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขอื่นๆ

• การ Consult ไม่รับกลุ่มเดียวกัน ในช่วงเวลาเดียวกันและรับไม่เกิน 5 แบรนด์

อนึ่ง รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการรับคำปรึกษา อาจมีนอกเหนือจากแผนงานดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบบแผนโครงสร้างของธุรกิจเดิม และเป้าหมายที่กำหนดไว้ 

สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-1019187
ฝ่ายที่ปรึกษาโครงการ (ThaiFranchise Consultancy)