เดินเข้าร้านรับซื้อนาฬิกาแบรนด์เนมยังไงไม่ให้เป็น “หมู” ?

ถ้าคุณเคยพก Rolex หรือ Omega เดินเข้าร้านรับซื้อนาฬิกาแบรนด์เนม แล้วรู้สึกเหมือนโดนตีราคาต่ำเกินจริง จนต้องเดินคอตกกลับออกมา…คุณไม่ได้โดดเดี่ยว เพราะนี่คือสถานการณ์ที่หลายคนเจอ เมื่อเข้าสู่ “เกมการต่อรอง” โดยไม่มีข้อมูลอยู่ในมือ ในตลาดรีเซลนาฬิกา ทุกคำพูด–ทุกท่าที–ทุกการตัดสินใจของคุณล้วนส่งผลต่อราคาที่จะได้รับ และบทความนี้จะช่วยให้คุณไม่กลายเป็น “หมูโดนเชือด” ในเกมที่ดูเหมือนง่าย แต่มีกลไกซ่อนอยู่มากมาย

ขั้นที่ 1: ทำการบ้านให้หนัก เหมือนจะไปสอบชิงทุน

อย่าเพิ่งรีบร้อนพานาฬิกาของคุณไปตระเวนตามร้านรับซื้อนาฬิกาแบรนด์เนม สิ่งที่คุณต้องทำก่อนคือ “รู้จักของในมือตัวเองให้ดีที่สุด”

  • รู้จักนาฬิกาของคุณแบบเจาะลึก: ไม่ใช่แค่รู้ว่ามันคือ Rolex Submariner แต่คุณต้องรู้ Reference Number ที่ถูกต้อง (เช่น 126610LN), ปีที่ซื้อจากใบรับประกัน, กลไกที่ใช้, และจุดเด่นของรุ่นนั้นๆ การที่คุณเรียก Ref. Number ได้อย่างแม่นยำ คือสัญญาณแรกที่บอกร้านว่า “คนนี้ไม่ธรรมดา”
  • สำรวจราคากลาง (Market Price) ให้แม่นยำ: โลกออนไลน์คือเครื่องมือที่ดีที่สุด เข้าไปดูราคาในแพลตฟอร์มสากลอย่าง Chrono24, กลุ่มซื้อขายนาฬิกาที่น่าเชื่อถือใน Facebook หรือฟอรั่มต่างๆ แต่มีข้อแม้ว่า อย่าดูแค่ราคาที่ตั้งขาย (Asking Price) ให้พยายามหาราคาที่ “ขายไปแล้วจริงๆ” (Sold Price) ซึ่งมักจะต่ำกว่าราคาที่ตั้งขายเสมอ นี่คือราคาตลาดที่แท้จริง
  • เตรียม “ของ” ให้ครบ หรือที่เรียกกันว่า “Full Set”: กล่อง, ใบรับประกัน (สำคัญที่สุด), ข้อสายที่ตัดออกไป, คู่มือ, เหรียญหรือแท็กต่างๆ ของพวกนี้มีมูลค่ามากกว่าที่คุณคิด การมีอุปกรณ์ครบชุดสามารถเพิ่มราคาได้ 5-15% หรือมากกว่านั้นในบางรุ่น เพราะมันการันตีความแท้และทำให้ร้านรับซื้อนาฬิกาแบรนด์เนมนำไปขายต่อได้ง่ายขึ้นมาก

ขั้นที่ 2: วางมาดให้เหนือกว่าในสนามจริง

เมื่อข้อมูลพร้อม อุปกรณ์ครบ ก็ถึงเวลาลงสนามจริง ท่าทีและจิตวิทยาในขั้นตอนนี้สำคัญไม่แพ้ข้อมูลที่คุณมี

  • บุคลิกต้องมาก่อน: แต่งตัวให้ดูดี สะอาดสะอ้าน พูดจาฉะฉานและมั่นใจ มองตาคู่สนทนา ไม่ต้องเกร็งหรือแสดงท่าทีร้อนเงิน เพราะนั่นคือจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุด
  • อย่าเป็นฝ่ายเปิดราคาก่อน: นี่คือกฎเหล็กของการเจรจา เมื่อเจ้าของร้านรับซื้อนาฬิกาแบรนด์เนมถามว่า “อยากปล่อยเท่าไหร่ครับ?” ให้ตอบกลับไปอย่างสุภาพว่า “รบกวนพี่ช่วยประเมินให้หน่อยครับ ว่ารับได้สุดๆ เท่าไหร่” การทำแบบนี้จะทำให้คุณเห็นเพดานราคาของฝั่งตรงข้ามก่อน และไม่เป็นการเผยไต๋ราคาในใจของคุณเร็วเกินไป
  • รับมือกับข้อเสนอแรก: ข้อเสนอแรกที่ได้รับ มักจะเป็นราคาที่ต่ำกว่าที่เขาตั้งใจจะจ่ายจริงเสมอ อย่าเพิ่งตกใจหรือเสียความมั่นใจ ให้ยิ้มรับแล้วเริ่มการเจรจาโดยใช้ข้อมูลที่คุณเตรียมมา เช่น “ขอบคุณสำหรับราคาครับ แต่ผมเช็คราคากลางที่เขาซื้อขายกันล่าสุดในรุ่น Ref. xxxx สภาพสวยของครบแบบนี้ จะอยู่ที่ประมาณ Y บาท ผมคาดหวังว่าจะได้ใกล้เคียงกว่านี้หน่อยครับ”
  • รู้ทันแทคติกการกดราคา: คุณอาจจะได้ยินประโยคคลาสสิกอย่าง “รุ่นนี้ตลาดไม่ค่อยเดินแล้ว”, “มีรอยขนแมวตรงนี้นิดหน่อยต้องเอาไปปัด”, “นาฬิกาไม่มีใบต้องหักเยอะหน่อย” ให้คุณรับฟังอย่างเข้าใจ แต่ก็แย้งด้วยเหตุผลอย่างนุ่มนวล เช่น “รอยขนแมวเป็นรอยปกติจากการใช้งานครับ แต่ตัวเรือนไม่เคยขัดแต่งเลย เหลี่ยมมุมยังคมกริบ” หรือ “จริงอยู่ที่ตลาดอาจจะชะลอ แต่ Demand ของรุ่นนี้ยังมีตลอดนะครับ”

ขั้นสุดท้าย: รู้ว่าเมื่อไหร่ควร “จบ” หรือ “เดินออก”

ก่อนเดินเข้าร้านรับซื้อนาฬิกาแบรนด์เนม คุณต้องมีราคาขั้นต่ำในใจ (Reservation Price) ที่รับได้จริงๆ ซึ่งเป็นราคาที่คุณจะไม่ยอมขายหากได้ต่ำกว่านี้ ถ้าการเจรจาไปถึงจุดที่ต่ำกว่าราคานั้น ก็จงกล้าที่จะเดินออกมาอย่างสุภาพ การกล่าวขอบคุณสำหรับเวลาและข้อเสนอ แล้วเดินออกจากร้านไป ไม่ใช่การพ่ายแพ้ แต่มันคือการแสดงจุดยืนที่ทรงพลังที่สุด บางครั้งคุณอาจจะได้รับโทรศัพท์ตามกลับมาพร้อมข้อเสนอที่ดีขึ้นในภายหลังก็เป็นได้

จำไว้ว่า การขายนาฬิกาไม่ใช่การกำจัดของที่ไม่ต้องการ แต่มันคือการส่งต่อสินทรัพย์ที่มีมูลค่าให้กับคนที่เห็นคุณค่าของมัน การเตรียมตัวที่ดีจะเปลี่ยนสถานะคุณจาก “หมูในอวย” ให้กลายเป็น “นักเจรจามือฉมัง”

กองบรรณาธิการเว็บไซต์

ยินดีสนับสนุน SMEs ไทยทุกแบรนด์ ที่ต้องการสร้างความเข้มแข็ง อยากเรียนรู้ พัฒนาธุรกิจ ส่งเสริมความเข้าใจในการตลาด มีความคิดสร้างสรรค์ แบ่งปันเพื่อสังคม ต่อยอดธุรกิจ ให้ประสบความสำเร็จในอนาคต