Marketing More | หลักจิตวิทยา Framing Effect นำเสนออย่างไรให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ

หลายคนมีสินค้าพร้อมขาย แต่ไม่รู้ว่าจะนำเสนอข้อมูลอย่างไรให้ลูกค้าสนใจ ในขณะที่บางธุรกิจ ผู้บริโภคอ่านข้อมูลของสินค้าแค่นิดเดียวก็ตัดสินใจซื้อแล้ว ทำไมเป็นเช่นนี้ ลองมาดูหลักจิตวิทยา “Framing Effect” กัน

Marketing More

Amos Tversky และ Daniel Kahneman เป็นผู้คิดค้นหลักจิตวิทยา Framing Effect. โดยมีแนวคิดว่า “วิธีการนำเสนอข้อมูลนั้น มีผลต่อการตัดสินใจของเรา”

เช่น ถ้าสินค้าเราเป็นนมหรือโยเกิร์ต การเขียนบนแพ็คเกจจิ้งว่า “95% Fat-Free” (ปราศจากไขมัน 95%) ย่อมน่าดึงดูดกว่าการเขียนว่า “5% Fat” หรือมีไขมัน 5% หรือ ถ้าเป็นการขายกระดาษทิชชู่เปียกสำหรับทำความสะอาด ถ้าเขียนว่า “ฆ่าเชื้อโรคได้ 98%” ย่อมดีกว่าการเขียนว่า “มีเชื้อโรคหลงเหลือ 2%”

ยาสีฟันราคา 60 บาท 2 อันสรรพคุณเหมือนกันทุกอย่าง อันแรกเขียนว่า “แนะนำโดย 4 ใน 5 ของทันตแพทย์” อีกอันเขียนว่า “1 ใน 5 ทันตแพทย์ไม่แนะนำ” อันแรกก็ย่อมน่าซื้อกว่า ทั้งที่จริงๆ มันก็ความหมายเดียวกัน

สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะคนเรามักให้คุณค่ากับข้อมูลในเชิงบวกมากกว่าเชิงลบ และมักจะหลีกเลี่ยงอะไรที่ดูเหมือนจะมีผลเสียกับตัวเอง

ดังนั้น หลักการของ Framing Effect ก็คือการนำเสนอข้อมูลชุดเดียวกันให้น่าสนใจมากขึ้นนั่นเอง แต่ถ้าหากคุณลืมหลักการ Framing Effect คืออะไร ก็ลองนำแก้วไปกดน้ำครึ่งใบมาตั้งไว้

ถามตัวเองว่าเรามองมุมไหน เรามองว่าแก้วยังขาดน้ำอีกครึ่ง หรือ มีน้ำอยู่ในแก้วแล้วครึ่งหนึ่ง แล้วแต่ว่าจะคิดในเชิงบวกหรือเชิงลบนั่นเอง แนะนำให้ฝึกบ่อยๆ จนเกิดภาพจำของความคิดในเชิงบวก จะช่วยสร้าง Keyword หรือ คำโฆษณา ที่พร้อมจะป้ายยาให้ลูกค้าซื้อได้ทันที หลังจากอ่านข้อมูลของสินค้าจบ

 

ขอบคุณข้อมูล https://bit.ly/3xWH6yi

อ้างอิงจาก Facebook : Marketing More

กองบรรณาธิการเว็บไซต์

ยินดีสนับสนุน SMEs ไทยทุกแบรนด์ ที่ต้องการสร้างความเข้มแข็ง อยากเรียนรู้ พัฒนาธุรกิจ ส่งเสริมความเข้าใจในการตลาด มีความคิดสร้างสรรค์ แบ่งปันเพื่อสังคม ต่อยอดธุรกิจ ให้ประสบความสำเร็จในอนาคต