7 ข้อควรรู้กับ “Shopback” ธุรกิจช็อปแนวใหม่ ยิ่งจ่ายยิ่งได้คืน

ตลาด e-Commerce เมืองไทยกำลังเติบโตตามต่างประเทศ ปัจจุบันสินค้าหลากหลายแบรนด์เริ่มเจาะตลาดออนไลน์มากขึ้นแม้กระทั่งผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ก็ให้ความสำคัญกับตลาดออนไลน์ ทำให้ทุกวันนี้มีเทคนิคการตลาดมากมายที่เกี่ยวข้องในตลาดออนไลน์จากผู้ประกอบการที่ใช้เป็นกลยุทธ์สำคัญในการแข่งขัน

เมื่อตลาดออนไลน์มีความสำคัญมากก็เชื่อได้ว่าธุรกิจที่เกิดและเติบโตในแวดวงนี้จะไม่ได้จำกัดอยู่แค่รูปแบบเดียวแต่ต้องมีการพลิกแพลงรูปแบบธุรกิจให้แตกต่างเพื่อสร้างความน่าสนใจ

www.ThaiSMEsCenter.com มีอีกหนึ่งธุรกิจน่าสนใจในสายงานตลาดออนไลน์นั้นคือธุรกิจที่เรียกว่า Shopback เว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น คืนเงิน จากการซื้อสินค้าและบริการต่างๆ

ธุรกิจช็อปแนวใหม่

ภาพจาก www.facebook.com/ShopBackThailand

ธุรกิจแบบ Shopback

ธุรกิจนี้เรียกว่าเป็นบริการเว็บและแอพคืนเงินสดมีการเปิดตัวมาแล้วใน 5 ประเทศคือสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไต้หวัน ซึ่งแนวคิดแบบ Shopback ก็คือลักษณะที่คล้ายกับ Cashback ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสหรัฐอเมริกา

โดยธุรกิจนี้เป็นการเชื่อมโยงระหว่างร้านค้าชั้นนำทั้งจากในและต่างประเทศสู่นักช็อปทั้งหลายที่ถือว่าเป็นมิติใหม่แห่งการช็อปปิ้งออนไลน์ที่ไม่ใช่มีแต่จะเสียเงินเท่านั้นหากช็อปมากก็ยังมีสิทธิ์ได้เงินคืนกลับมาเรียกว่าได้ทั้งเงินได้ทั้งของกันเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ลองมาดู 7 ข้อที่เราอาจจะไม่เคยรู้จะได้รู้จักกับธุรกิจ Shopback นี้ดีขึ้น

gg11

ภาพจาก www.shopback.my

1.เปิดตัวครั้งแรกในสิงคโปร์

Shopback เปิดตัวครั้งแรกในปี 2557 ที่สิงคโปร์ ก่อนจะขยายไปอีก 5 ประเทศ รวมถึงไทยเป็นประเทศล่าสุด ซึ่งทาง Shopback ก็ตั้งเป้าจะขยายบริการให้ครอบคลุมประเทศอื่นๆ ในเอเชียต่อไปด้วย

2.ยิ่งจ่ายยิ่งได้คืน

รูปแบบการใช้งานของ Shopback คือการเข้าสู่ระบบเพื่อไปช้อปปิ้งออนไลน์ สั่งอาหาร จองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก หรือใช้บริการจากพาทเนอร์ทางธุรกิจของเว็บคืนเงินดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันมีร้านค้ากว่า 1,300 ร้านให้คุณเลือก

โดยมีร้านค้าของคนไทยประมาณ 100 ร้าน และ Shopback ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 500 ร้านได้ภายในช่วงสิ้นปีนี้โดยที่เราสามารถเข้าใช้บริการ Shopback ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น Shopback และเข้าไปที่ร้านค้าที่ต้องการช้อปปิ้ง จากนั้นก็รับคืนเงินโดยอัตโนมัติเข้าสู่กระเป๋าเงินออนไลน์ (E-Wallet) และสะสมจนกว่าจะถึงยอดเงินที่สามารถแลกคืนเป็นเงินสดได้

3.เงินคืนขั้นต่ำเริ่มที่ 250 บาท

จำนวนเงินขั้นต่ำที่ลูกค้าสามารถใช้บริการขอคืนเงินผ่านบัญชีธนาคารได้นั้น อยู่ที่ 250 บาท ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน ในการรับเงินเข้าบัญชีธนาคารตามที่ลงทะเบียนเอาไว้ในระบบกระเป๋าเงินออนไลน์ส่วนระยะเวลาในการยืนยันการซื้อสินค้า เพื่อให้ระบบโอนเงินเข้ากระเป๋าเงินออนไลน์นั้น ต้องใช้เวลาประมาณ 1-45 วัน

4.ตลาดนี้กำลังเติบโต

อัตราการเงินคืนที่ลูกค้าจะได้จากการซื้อสินค้าและบริการผ่านแพลทฟอร์มอยู่ที่ 0.5-30% การซื้อในแต่ละครั้งจะมีอัตราเงินคืนแตกต่างกันไป และจากกระแส e-Commerce ในประเทศไทยที่กำลังตื่นตัวจะทำให้มีผู้บริโภคสนใจใช้บริการ Shopback มากขึ้น

gg12

ภาพจาก www.shopback.my

5.มีกลุ่มลูกค้าและพาร์ทเนอร์ชัดเจน

ผู้ใช้บริการกลุ่มเป้าหมายของ Shopback คือ นักกิน นักช้อป หรือแม้แต่นักท่องเที่ยว ที่นิยมซื้อสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์ ส่วนพาทเนอร์ทางธุรกิจของ Shopback ขณะนี้ ได้แก่ Expedia , Booking.com , Sephora , Lazada , Grab , Uber ฯลฯ

6.มีสินค้า 3 หมวดหมู่ที่คนนิยมและมียอดการใช้งานสูงกว่า 3 ล้านคน

สำหรับ 3 หมวดที่ผู้ใช้บริการ Shopback ทั่วโลกนิยมใช้งาน ได้แก่ ไลฟ์สไตล์ เช่น จองที่พัก ตั๋วเครื่องบิน , ช้อปปิ้งออนไลน์ การซื้อสินค้าและบริการต่างๆ , แฟชั่น โดยปัจุบัน Shopback มีผู้ใช้บริการกว่า 3 ล้านคน มีจำนวนการสั่งสินค้ากว่า 1,000 รายการต่อชั่วโมง

7.อินโดนีเซียคือประเทศที่ได้รับการคืนเงินมากที่สุด

ธุรกิจนี้ในอินโดนีเซียนั้นคึกคักมากและอินโดนีเซียก็เป็นประเทศที่มีการคืนเงินให้ลูกค้ามากที่สุด ถึงประมาณ 350 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่ มีประชากรจำนวนมาก

แม้ว่าบริการรูปแบบนี้ในประเทศไทยหลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจและมองไม่เห็นภาพ แต่ในอนาคตก็เชื่อมั่นได้ว่าจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เติบโตมากขึ้นพร้อมกับการมีคู่แข่งมากขึ้นถึงตอนนั้นก็คงเป็นการการันตีการเติบโตของตลาดที่แม้จะมีคู่แข่งแต่ก็เชื่อมั่นในศักยภาพของการเริ่มต้นก่อนที่จะครองใจลูกค้าได้มากกว่าและน่าจะเป็นต้นแบบให้คนสนใจได้เข้ามาร่วมลงทุนมากขึ้นในอนาคตด้วย

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด