Step by Step ข้อควรรู้ก่อน เปิดร้านกาแฟสด

ด้วยรสชาติที่กลมกล่อมบวกกับกลิ่นหอมละมุนเฉพาะตัว จึงทำให้ “กาแฟ” เป็นเครื่องดื่มที่ผู้คนทั่วโลกโปรดปรานกันไม่น้อย และหลายๆ คนไม่เพียงแต่หลงใหลในรสชาติและมนต์เสน่ห์ของกาแฟเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เปิดร้านกาแฟสด

แต่ยังมีความฝันที่อยากจะมีร้านกาแฟเป็นของตัวเองเพื่อส่งมอบความสุขในการดื่มด่ำรสชาติที่ลงตัวนี้ไปยังผู้อื่นอีกด้วย

วันนี้ ทาง ThaiSMEsCenter.com จึงไม่รอช้าที่จะนำเสนอข้อควรรู้ของการเปิดร้านกาแฟ เปิดร้านกาแฟสด ในขั้นพื้นฐาน ให้แก่ผู้ที่สนใจหรือผู้ทีกำลังวางแผนในการทำธุรกิจร้านกาแฟได้ศึกษาเป็นแนวทางในเบื้องต้นกันค่ะ

ร้านกาแฟมีรูปแบบใดบ้าง

รูปแบบของร้านกาแฟสดที่สามารถเห็นได้ทั่วๆ ไปนั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบ

รูปแบบ1 จะเป็นในลักษณะของคีออส หรือ เคาน์เตอร์ (Coffee Kiosk, Coffee Counter) 

เป็นธุรกิจขายกาแฟขนาดเล็กที่พบเห็นได้ตามทางทั่วไป โดยส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาใช้บริการจะซื้อไปแล้วถือดื่ม หรือ ซื้อกลับไปดื่มที่บ้าน บางร้านอาจะมีเก้าอี้บางส่วนให้ลูกค้าได้นั่งรอสั่งกาแฟ รูปแบบของร้านลักษณะนี้มีข้อดีคือ การเปิด-ปิดร้านหรือเคลื่อนย้ายไปยังตำแหน่งอื่นๆ จะทำได้ง่ายและสะดวก เนื่องจากร้านมีขนาดเล็ก

 

“อยากเปิดร้านกาแฟสด scale ไหน
ถามใจตัวเองก่อน
เพราะมีผลต่อการกำหนด
กลุ่มเป้าหมาย”

 

รูปแบบ2จะเป็นในลักษณะของคอนเนอร์ (Coffee Corner) 

เป็นเหมือนมุมกาแฟที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า หรือใต้อาคาร เป็นรูปแบบร้านที่เป็นกิจจะลักษณะและมีการตกแต่งร้านได้มากกว่ารูปแบบร้านแบบแรก และนอกจากจะขายกาแฟแล้ว บางร้านอาจจะมีการนำของทานเล่นเล็กๆ น้อยๆ มาวางขายด้วยเช่นกัน

รูปแบบ3 จะเป็นในลักษณะของช็อป (Coffee Shop)

เป็นร้านแบบสแตนอโลนที่ถูกสร้างหรือบิวท์อินขึ้นมาในพื้นที่ที่มีอยู่แล้ว ลักษณะของร้านจะใหญ่กว่าสองแบบแรก เป็นร้านที่ดึงดูดลูกค้าด้วยการตกแต่งร้านที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ ใส่ใจในรายละเอียดของภาชนะที่ใช้ รวมไปถึงมีชุดโต๊ะเก้าอี้ที่เพียงพอต่อจำนวนลูกค้า และนอกไปจากการขายกาแฟแล้ว ก็ยังมีเบเกอรี่ขายเพื่อให้ลูกค้าได้เลือกทานคู่กับกาแฟอีกด้วย

 

“ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า
ปริมาณการดื่มกาแฟของคนไทย
มีอัตราการบริโภคคนละ 130-150 ถ้วย/ปี
น้อยกว่าญี่ปุ่น (คนละ 500 แก้ว/ปี) หรือ
สหรัฐอเมริกา (คนละ 700 แก้ว/ปี)”

เปิดร้านกาแฟสด ต้องใช้เงินลงทุนมากน้อยแค่ไหน?

ขั้นต่ำของเงินลงทุนสำหรับธุรกิจร้านกาแฟสดก็จะอยู่ที่ประมาณเกือบหลักแสน เพราะต้องมีค่าลงทุนในส่วนของชุดอุปกรณ์ วัตถุดิบ และเงินทุนสำหรับหมุนเวียนในร้าน

ซึ่งเจ้าของธุรกิจร้านกาแฟมืออาชีพแนะนำว่า งบประมาณนั้นขึ้นอยู่กับว่าผู้ประกอบการจะเตรียมงบในการลงทุนไว้ที่จำนวนเท่าไหร่ และต้องคำนึงด้วยว่างบประมาณที่จะลงทุนนั้นเหมาะกับร้านรูปแบบไหน

หากเป็นรูปแบบร้านในลักษณะคอนเนอร์กับช็อป ตัวเงินลงทุนจะต่างกันที่ค่าตกแต่งพื้นที่เป็นส่วนใหญ่ และค่าอุปกรณ์จะไม่แตกต่างกันมากนัก

การเลือกทำเลในการ เปิดร้านกาแฟสด

ทำเลสำหรับเปิดร้านกาแฟนั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ประกอบการอีกเช่นกัน ว่ามีความต้องการที่จะขายให้กับกลุ่มเป้าหมายแบบใด ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ใกล้กับออฟฟิศ ที่เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนทำงาน ทำเลในสถานศึกษา ที่เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มคนวัยเรียน ทำเลตามปั๊มน้ำมันหรือศูนย์ล้างรถต่างๆ ที่เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้มาใช้บริการเติมน้ำมันหรือล้างรถ หรือทำเลตามสถานที่ท่องเที่ยว ที่เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักเดินทาง

แต่ไม่ว่าจะเลือกทำเลแบบไหน ก่อนจะลงทุนก็ต้องพิจารณาว่าทำเลนั้นๆ สามารถทำกำไรหรือสามารถสร้างยอดขายได้เท่าไหร่ โดยก่อนลงทุนในทำเลนั้นๆ ผู้ประกอบการหลายคนมีการคำนวณความเป็นไปได้ของจำนวนแก้วกาแฟที่ขายได้ต่อวันเลยทีเดียว และมากไปกว่านั้น หากทำเลตรงนั้นต้องเช่า ก็ต้องคำนวณว่าคุ้มกับค่าเช่าหรือไม่ หากหักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้วจะเพียงพอไหม

ว่าด้วยเรื่องเมล็ดกาแฟ

วัตถุดิบที่สำคัญในการทำกาแฟก็คงหนีไม่พ้นเมล็ดกาแฟ สายพันธุ์ของเมล็ดกาแฟที่นิยมปลูกในประเทศไทยได้แก่พันธุ์โรบัสต้า ที่ปลูกในแถบภาคใต้ และพันธุ์อาราบิก้าที่ปลูกในแถบภาคเหนือ ซึ่งผู้ประกอบการก็สามารถหาซื้อวัตถุดิบนี้ได้จากบริษัทกาแฟ หรือบริษัทที่ทำโรงคั่วเมล็ดกาแฟโดยเฉพาะ

ส่วนการเลือกเมล็ดกาแฟนั้น เจ้าของธุรกิจร้านกาแฟมืออาชีพแนะนำว่าควรเลือกให้เหมาะกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการขาย เช่น หากกลุ่มลูกค้าที่ขายเป็นนักเดินทาง ชื่นชอบกาแฟแบบเข้ม ก็ควรเลือกเมล็ดกาแฟที่ให้รสชาติได้แบบนั้น

นอกจากนี้ก็ควรเลือกเมล็ดกาแฟที่คั่วใหม่ ผลิตใหม่ๆ บรรจุอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ดี เป็นบรรจุภัณฑ์ที่กันแสงและอากาศ มากไปกว่านั้น เมื่อซื้อเมล็ดกาแฟมาแล้วก็ไม่ควรเก็บรักษาเกิน 2 เดือนนับตั้งแต่วันที่คั่ว เพราะจะทำให้คุณภาพของเมล็ดกาแฟลดลง

การกำหนดเมนูในร้านกาแฟ

เมนูยืนพื้นในร้านกาแฟควรมี 10-15 เมนู แบ่งเป็นร้อน เย็น ปั่น ประกอบไปด้วยเมนูเอสเปรสโซ อเมริกาโน คาปูชิโน ลาเต้ มอคค่า รวมไปถึงเมนูเครื่องดื่มอื่นๆ ที่จะเป็นทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้า อย่างชาเขียว ชาเย็น โกโก้ โอวันติน อิตาเลี่ยนโซดา หรือสมูทตี้ น้ำผลไม้ปั่น เป็นต้น

ส่วนราคาขายสำหรับกาแฟที่พบเห็นโดยทั่วไปนั้นก็จะมีตั้งแต่ 35 บาทไปจนถึงหลักร้อย การกำหนดราคาขายก็ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทำเล กลุ่มเป้าหมาย วัตถุดิบที่ใช้ รวมไปถึงรูปแบบของแต่ละร้าน ซึ่งอาจมีราคาขายที่แตกต่างกันไป

วิธีมัดใจลูกค้าของร้านกาแฟ

อันดับแรกที่จะทำให้ลูกค้าติดใจจนต้องกลับมาใช้บริการเป็นประจำนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของ “รสชาติ” ซึ่งที่มาของรสชาติที่ดีนั้นก็อยู่ที่การเลือกใช้วัตถุดิบที่ดี เมล็ดกาแฟที่ดี และการควบคุมมาตรฐานในการทำ ให้คุณภาพของกาแฟออกมาดีในทุกๆ แก้ว

อันดับต่อมาก็คือเรื่องของราคา ราคาควรมีความเหมาะสมกับคุณภาพของกาแฟ และการตั้งราคาที่ไม่แพจนเกินไปก็จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ไม่ยากเช่นกัน

นอกจากนี้ก็คือรูปลักษณ์ของร้าน การตกแต่งร้านที่ทำให้ลูกค้าเห็นแล้วอยากเข้ามาใช้บริการ เนื่องจากปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่ที่มาใช้บริการในร้านกาแฟนั้น ไม่เพียงแต่มาซื้อกาแฟเพื่อดื่มเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่พวกเขายังใช้ร้านกาแฟเป็นสถานที่สำหรับพบปะพูดคุย คิดงาน หรือนั่งอ่านหนังสือไปพร้อมๆ กัน

ร้านที่มีการตกแต่งที่ดีจึงจะสามารถดึงดูดลูกค้าได้ และมากไปกว่านั้น การบริการในลักษณะ Service Mind ก็เป็นสิ่งที่ผู้ให้บริการไม่ควรมองข้ามด้วยเช่นกัน

 

การเปิดร้านกาแฟให้ประสบความสำเร็จนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไปที่จะเรียนรู้ ศึกษาและลงมือทำ ThaiSMEsCenter.com หวังว่า สิ่งที่เราได้นำเสนอไปนั้นจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจในธุรกิจนี้ไม่มากก็น้อยนะคะ

นอกจากนี้ ยังสามารถศึกษาแบรนด์กาแฟสด ที่เปิดขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ ได้ที่นี่ รวมร้านแฟรนไชส์ กาแฟสด ทั่วไทย เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานก่อนเปิดร้าน ก็จะช่วยในเรื่องของข้อมูล และการตัดสินใจได้มากขึ้นนะคะ

ลิขสิทธิ์รูปภาพโดย ThaiSMEsCenter.com