ขายถูกกว่าก็รวยได้ 3 เทคนิคค้าปลีกจาก Tiger Store ประเทศเดนมาร์ก

ในขณะที่ ตลาดค้าปลีก กำลังดูเหมือนจะมีปัญหาไปทั่วโลก เด่นชัดที่สุดคือในอเมริกาที่ธุรกิจค้าปลีกกำลังพ่ายแพ้ให้กับธุรกิจขายของออนไลน์ถึงขนาดที่ห้างสรรพสินค้าจำนวนไม่น้อยและร้านค้าปลีกอีกจำนวนมากกำลังทยอยปิดสาขาและร้านค้าปลีกจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่ต้องหันมาเล่นในเกมธุรกิจออนไลน์

เพื่อหวังสร้างยอดขายให้ได้มากขึ้น แม้ในประเทศไทยจะไม่เจอปัญหานี้อย่างเด่นชัดแต่ในมุมกลับกันเรามีแนวคิดการค้าปลีกดีๆจากประเทศเดนร์มาร์กที่ไม่ใช่แค่อยู่รอดแต่กลับมีรายได้ที่ดีสวนกระแสโลกออนไลน์

โดย www.ThaiSMEsCenter.com มองว่านี่คือแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจที่ดีที่ไม่จำเป็นต้องมองว่าต้นทุนดีหรือมีการลงทุนสูงแต่ขอเพียงใช้แนวคิดมาบริหารจัดการร้านเชื่อได้ว่าหากทำตามแนวทางของ Tiger Store จากประเทศเดนร์มาร์กธุรกิจค้าปลีกยังมีหนทางสดใสให้ทำกำไรได้อีกมากทีเดียว

รู้จักตลาดค้าปลีกแถบสแกนดิเนเวีย

ตลาดค้าปลีก

เมื่อพูดถึงสินค้าที่มีดีไซน์ ชื่อของประเทศในแถบยุโรปอย่างสแกนดิเนเวียนั้นติดอันดับต้นๆ ในด้านการเป็นผู้นำตลาดดีไซน์โปรดักต์ โดยเฉพาะอุปกรณ์เครื่องใช้และของตกแต่งบ้าน แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นแบรนด์ไฮเอ็นด์ หรือระดับพรีเมียมที่ผู้บริโภคบางส่วนไม่อาจเอื้อมถึงได้

หากแต่แบรนด์สัญชาติเดนมาร์กอย่าง Tiger Store กลับปฏิวัติแนวคิดนั้น ด้วยการเป็นร้านค้าปลีกระดับโลกที่ขายสินค้าประเภท Homeware หลากหลายในราคาย่อมเยา โดยผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในร้าน Tiger Store เป็นสินค้าประเภทที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

เช่น เครื่องใช้ในครัว เครื่องใช้สำนักงาน ของเล่น อุปกรณ์งานอดิเรกและงานฝีมือ เครื่องเขียนไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์กีฬา แกดเจ็ต และเครื่องประดับแฟชั่น ส่วนใหญ่เป็นสินค้าต้นฉบับแบบ Original และได้รับการออกแบบภายใต้ชื่อแบรนด์ของตัวเอง

จุดเริ่มต้นสำคัญของการเป็นร้านค้าปลีก Tiger Store

e12

Tiger Store ก่อตั้งขึ้นโดย Lennart Lajboschitz และ Suz โดยทั้งคู่เริ่มต้นจากการขายร่มและเข็มขัดตามแผงลอยในตลาดนัด ก่อนที่จะเปิดกิจการร้านขายสินค้าลดราคาแบบล้างสต๊อก หรือ Clearance Shopในกรุงโคเปนเฮเกนเมื่อปี 2538 โดยตั้งชื่อร้านค้าแห่งแรกว่า Zebra จนกระทั่งวันหนึ่ง Lennart และภรรยาไปพักร้อน

จึงได้ฝากร้านไว้กับแฟนสาวของพี่ชายให้ช่วยดูแลแทน ปรากฏว่าเธอกลับไม่สามารถหาราคาสินค้าแต่ละอย่างในร้านได้ เมื่ออีกฝ่ายโทรศัพท์หา Lennart เขาจึงได้บอกให้คิดราคา 10 โครน สำหรับสินค้าทุกรายการแทน และนั่นคือ จุดกำเนิดของแบรนด์ค้าปลีก Tiger ซึ่งมาจากการเล่นคำว่า “Tier” ซึ่งเป็นคำสแลงในภาษาเดนมาร์ก หมายถึงเงิน 10 โครน (ประมาณ 1.1 ปอนด์) ซึ่งเป็นมูลค่าเฉลี่ยของสินค้าที่จำหน่ายภายในร้าน

แนวทางการทำตลาดของ Tiger Store

e13

1.ดูต้นแบบร้านค้าปลีกต้นทุนต่ำจากทั่วโลกมาเป็นเอกลักษณ์ให้ตัวเอง

ด้วยวิสัยทัศน์ที่เป็นผู้นำของ Lennart ผู้ซึ่งนำไอเดียจากร้านค้าปลีกต้นทุนต่ำทั่วทุกมุมโลกมาสร้างนวัตกรรม และภาพลักษณ์ใหม่ให้กับธุรกิจนี้ ทำให้มีบริษัทและพันธมิตรต่างชาติเข้ามาร่วมลงทุนจนกิจการของ Tiger เติบโตอย่างรวดเร็ว

e16

2.เริ่มการขยายสาขาไปต่างประเทศอย่างเป็นระบบ

ในปี 2547 Tiger ได้เปิดร้านสาขาแรกในต่างประเทศที่เมืองเบซิงสโตค (Basingstoke) ทางใต้ของประเทศอังกฤษหลังจากนั้น Tiger ได้ขยายสาขาไปทั่วยุโรปและต่างประเทศรวม 25 ประเทศด้วยกัน ทั้งนี้ การทำตลาดของ Tiger ในสวีเดนและนอร์เวย์จะทำธุรกิจภายใต้ชื่อแบรนด์ T • G• R

ส่วนในญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เบลเยียม และเนเธอร์แลนด์ จะดำเนินการภายใต้ชื่อ Flying Tiger Copenhagen การแตกแบรนด์ของ Tiger Store นับเป็นการขยายธุรกิจให้ครอบคลุมตลาดในต่างประเทศ

ปัจจุบันนี้มีร้านค้าในเครือTiger กว่า 474 สาขา และมีลูกค้าทั่วโลกถึงประมาณ 39 ล้านคนในปี 2557 โดยมีตลาดที่ใหญ่ที่สุดคือเดนมาร์ก อังกฤษ สเปน และอิตาลี

e14

3.สินค้าราคาไม่แพงแต่เน้นที่ดีไซน์ครองใจผู้บริโภค

จากความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าเก๋ๆ สไตล์สแกนดิเนเวียที่ราคาไม่แพง ได้ช่วยให้ร้านค้าปลีกสัญชาติเดนมาร์กแห่งนี้สยายกรงเล็บธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง

แม้ในตลาดที่ท้าทายอย่างมากเช่นในประเทศญี่ปุ่น Tiger ก็ยังสามารถเอาชนะร้านค้าปลีกท้องถิ่นอย่างร้าน 100 เยน ขึ้นมาเทียบรัศมีได้ด้วยการขยายกิจการมากถึง 20 สาขา ความตื่นเต้นของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นที่มีต่องานดีไซน์ของเดนมาร์ก

นับเป็นการเปิดโอกาสความเป็นไปได้ในการส่งออกใหม่ ซึ่งบริษัทก็ได้วางแผนที่จะขยายธุรกิจเพื่อป้อนตลาดใหม่อื่นๆ อีกหลายแห่งเช่นกัน

สรุป 3 กุญแจสำคัญพา Tiger Store ประสบความสำเร็จระดับโลก

e18

1.Stylish and Affordable

จุดเด่นของสินค้าที่จำหน่ายใน Tiger Store คือทุกอย่างได้รับการดีไซน์มาอย่างมีเอกลักษณ์ ด้วยสีสันที่สดใส และลวดลายแปลกตา ที่สำคัญคือ มีราคาถูก ซึ่งดึงดูดใจให้ลูกค้าซื้อได้ง่ายขึ้นมากเมื่อเทียบรูปลักษณ์ของสินค้ากับราคา

นอกจากนี้ ยังสร้างบรรยากาศในการซื้อสินค้าที่สนุกสนานร่าเริงด้วยเสียงดนตรีที่กระตุ้นความคึกคักภายในร้านอยู่ตลอดเวลา ช่วยดึงดูดกลุ่มลูกค้าได้ตั้งแต่วัยรุ่นหนุ่มสาวที่มีรายได้ไม่สูงมาก ไปจนถึงคนวัยทำงานที่ชอบความประหยัดคุ้มค่าในราคาที่เอื้อมถึงได้

e15

2.Focus Only Offline Channel

เนื่องจากสินค้าภายในร้านของ Tiger มีราคาเฉลี่ยอยู่ระหว่างที่ 1-3 ปอนด์เท่านั้น ในขณะที่การทำธุรกรรมออนไลน์กลับมีค่าธรรมเนียมสูงกว่ามูลค่าของสินค้า นอกจากนี้ ยังมีต้นทุนในด้านค่าขนส่งที่ยุ่งยากและราคาแพง ช่องทางการจำหน่ายที่เหมาะกับสินค้าของ Tiger Store ที่สุดจึงเป็นการจัดจำหน่ายหน้าร้านแบบ Offline Store เท่านั้น

โดยTiger จะเลือกโลเกชั่นในการทำธุรกิจบนถนนสายหลักที่มีร้านค้าสองข้างทาง รวมทั้งย่านธุรกิจการค้าที่มีทั้งอาคารสำนักงาน และอยู่ไม่ไกลจากย่านที่อยู่อาศัย ทำให้ Tiger มีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาเลือกซื้อสินค้าตลอดทั้งวัน

ทั้งนี้แบรนด์ Tiger เชื่อมั่นว่า การเลือกซื้อสินค้าที่ร้านค้าจริงๆ นั้น จะเป็นประสบการณ์ที่น่ารื่นรมย์ และให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากการซื้อสินค้าออนไลน์ให้กับลูกค้า และเมื่อสร้างบรรยากาศที่ดีในการซื้อสินค้าแล้ว สุดท้ายลูกค้าก็มักจะซื้อสินค้ากลับไปมากกว่าที่ตั้งใจจะซื้อทางออนไลน์

e19

3.Highly Designed and High Quality

การเป็นร้านขายสินค้าราคาถูก ไม่ได้หมายความว่า จำเป็นต้องด้อยคุณภาพ Tiger Store ไม่ได้วางตำแหน่งตัวเองเป็นร้านขายสินค้าราคา 1 ปอนด์ หรือ 1 ดอลลาร์ฯ แต่วางตัวเองให้อยู่ในระดับเดียวกับสินค้าแบรนด์ High Street ถึงแม้ว่าร้านค้าของ Tiger Store จะมีรูปแบบคล้ายกับร้าน Pound Shop อย่าง “Poundland” ในประเทศอังกฤษ

ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกที่ขายสินค้าทุกอย่างราคา 1 ปอนด์เท่านั้น แตกต่างตรงที่ Tiger Store จะเน้นขายสินค้าที่มีสไตล์ภายใต้แบรนด์ของตัวเองในราคาที่ต่ำอย่างน่าอัศจรรย์ จนได้รับสมญานามว่า “Posh Poundland” หรืออาณาจักรสินค้าราคา 1 ปอนด์สุดหรู เมื่อเข้ามาเปิดสาขาแรกในสหราชอาณาจักร นั่นคือจุดที่ทำให้ Tiger แตกต่างจากแบรนด์ค้าปลีกสินค้าต้นทุนต่ำอื่นๆ

และนับตั้งแต่ก่อตั้งธุรกิจเมื่อ 20 ปีก่อน Tiger ได้เติบโตจากแบรนด์ค้าปลีกเล็กๆ ขึ้นมาเป็นเชนธุรกิจค้าปลีกระดับโลก และประสบความสำเร็จทั้งในเชิงธุรกิจและการบริหารกิจการ นอกจากนี้ ยังเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า

e22

ไม่สำคัญว่าเราจะทำธุรกิจที่มีต้นทุนมากหรือน้อยก็ตาม หากรู้จักสร้างความแตกต่าง และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และบริการจากกิจการเล็กๆ ก็สามารถกลายเป็นแบรนด์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกได้เช่นกัน

สำหรับท่านใดที่ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจเรามีรวบรวมบทความมากมายไว้ให้ทุกท่านพิจารณากันตามความเหมาะสม ดูรายละเอียด goo.gl/Io5k2S

ขอบคุณภาพจาก goo.gl/O9W6rO

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด