“กะปิโหว่ สูตรโบราณ” By สุเทพสีใส ยอดขายเกินเป้า! เตรียมขยายธุรกิจแบบแฟรนไชส์ เร็วๆนี้

เชื่อว่าหลายคนคงต้องรู้จักและติดตามผลงานของ พี่สุเทพ สีใส นักแสดงตลกชื่อดังที่ฝากผลงานและสร้างเสียงหัวเราะให้คนไทยทั้งประเทศมานานนับสิบปี ปัจจุบันนี้ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยมานาน แต่พี่สุเทพก็ยังคงสร้างรอยยิ้มให้ทุกคนได้เหมือนดั่งยุคแรกเริ่มเลยทีเดียว

กะปิโหว่

อีกทั้งตอนนี้เขายังหันมาทำธุรกิจด้วย นั่นคือ การเป็น “พ่อค้า” ขายมะม่วงเบาแช่อิ่ม และ กะปิโหว่สูตรโบราณแบรนด์ “มะม่วงเบา เนเวอร์ดาย บาย สีใส” ซึ่งก็ได้ศรีภรรยาคู่ใจอย่างพี่ป๊อบ มาร่วมด้วยช่วยกัน ผลักดันจนกลายเป็นสินค้ายอดฮิตที่ตอนนี้ยอดขายเดือนละหลายแสนบาท แม้ช่วงต้นปีจะมีสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID 19 ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะสามารถส่งขายแบบออนไลน์ รายได้ดีเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ตอนนี้ได้วางแผนเตรียมแตกไลน์สินค้าและตั้งใจจะพัฒนาสู่การขายในระบบแฟรนไชส์เร็วๆนี้ด้วย

31

www.ThaiSMEsCenter.com มองว่านี่คืออีกหนึ่งบุคคลคุณภาพที่ช่วงชีวิตหนึ่งได้ผ่านร้อนผ่านหนาว มีประสบการณ์ชีวิตมากมาย และกว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ทำให้มีมุมมองในการลงทุน การทำธุรกิจที่แตกต่างและเป็นแนวคิดน่าสนใจที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี สำหรับคนที่อยากหาต้นแบบในการดำเนินธุรกิจ ลองศึกษาแนวทางการลงทุนของพี่สุเทพเป็นตัวอย่าง โอกาสประสบความสำเร็จถือว่าสูงมาก

อะไรคือ “กะปิโหว่”

29

หลายคนอาจรู้จักแต่เชื่อว่าอีกหลายคนต้องบอกว่า “ไม่รู้จัก” และบางคนถึงกับย้อนถามว่า “กะปิโหว่” ใช่น้ำปลาหวานหรือเปล่า? คำตอบบอกตรงนี้เลยว่า “ไม่ใช่” เพราะกะปิโหว่เป็นสินค้าที่มีมาแต่โบราณ คิดค้นทำกันมานานกว่า กะปิน้ำปลาหวานที่เพิ่งโผล่มาในยุคหลัง คำว่า “โหว่” หมายถึงการเป็นช่องกลวงลงไป ทะลุเข้าไป คำว่ากะปิโหว่ จึงเป็นการเรียกตามลักษณะสินค้าที่มีการยุบและเป็นช่องกลวง ส่วนผสมของกะปิโหว่แต่โบราณจะโขลกพริกสดและหอมเล็กลงไป การทำกะปิโหว่ให้อร่อย สำคัญอยู่ที่ “กะปิ” และ “น้ำตาลมะพร้าว”

หลายคนที่บอกว่าทำไมแต่ละที่รสชาติของกะปิโหวไม่เหมือนกันก็ด้วยเหตุที่วัตถุดิบนั้นแตกต่าง พ่อค้าแม่ค้าบางคนอยากลดต้นทุนให้ถูกลงก็ใช้น้ำตาลทรายเป็นส่วนผสม หรือเลือกใช้กะปิที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้รสชาติไม่อร่อยจัดจ้าน แตกต่างจาก “กะปิโหว่” ของพี่สุเทพที่ เลือกใช้น้ำตาลมะพร้าวเป็นหลักจากสวนโดยตรง และใช้กะปิที่ผ่านการหมักนานกว่า 1 ปีครึ่งขึ้นไป เป็นสูตรเด็ดเคล็ดลับความอร่อยที่ใครได้ลองสักครั้งจะต้องติดใจและอยากซื้อกินในโอกาสต่อๆไปด้วย

สร้างแบรนด์สินค้า “จากจุดยืนของตัวเอง” มั่นใจว่าของอร่อยต้องขายได้

27

เราได้พูดคุยกับพี่ป๊อบ ภรรยาของพี่สุเทพ เกี่ยวกับแบรนด์สินค้า สิ่งที่เราสงสัยคือทำไมมาจับสินค้าตัวนี้ ซึ่งพี่ป๊อบเล่าให้ฟังว่า “พี่เอาจุดยืนตัวเองเป็นหลัก เมื่อก่อนพี่ไม่ได้ทำงาน พี่สุเทพบอกให้เราเลี้ยงลูกอย่างเดียว ทีนี้พอลูกเริ่มโต เริ่มเข้ามหาวิทยาลัย เราก็อยากลงทุนทำอะไรบ้าง เริ่มจากทำกราโนล่า ขายส่งให้กับร้านค้าต่างๆ แต่พี่มองว่าตลาดมันแคบ ก็เริ่มมามองว่าตัวเองชอบอะไร พี่สุเทพชอบอะไร ก็มาโฟกัสที่ “มะม่วงเบา” ที่พี่สุเทพชอบกินมาก และตัวพี่เองก็เคยทำกะปิโหว่ไปฝากพี่ๆน้องๆในกองถ่าย หลายคนก็ชมว่าอร่อยนะ ทำไมไม่ทำขาย เราก็คิดถึงจุดนี้ คิดได้ก็เริ่มทำเลย”

26

ตอนแรกก็มีเสียงคัดค้านจากคนในครอบครัวเหมือนกันว่าสินค้าแบบนี้จะขายได้เหรอ แต่พี่มองว่ามันขายได้นะ มันขึ้นอยู่กับคุณภาพและความอร่อย เราตั้งราคาขายชุดละ 100 บาท นึกอยู่อย่างเดียวว่า “ของอร่อยต้องมีคนอยากกิน” “ของอร่อยต้องมีคนอยากซื้อเหมือนเรา” จากความเชื่อมั่นตรงนั้นเราก็เริ่มทำให้เป็นรูปเป็นร่าง ซึ่งพี่สุเทพเองเขาก็ร่วมด้วยช่วยกันอย่างเต็มที่

เริ่มจากเอาสินค้าออกไปขายตามงานอีเว้นท์ต่างๆ หรือไปออกรายการไหน ก็จะเอาสินค้านี้ไปพูดถึงด้วย สินค้าเราก็เริ่มเป็นที่รู้จัก ยอดขายเราก็มากขึ้น ทุกวันนี้ กะปิโหว่และมะม่วงเบา เนเวอร์ดาย บาย สีใส กลายเป็นสินค้าขายดี ยอดขายแต่ละเดือนก็หลักแสน บางครั้งไปออกงานอีเว้นท์ มีพี่สุเทพไปยืนเป็นพรีเซนเตอร์ คนก็ยิ่งซื้อยิ่งขายดี กำไรบางงานกว่า 4-5 แสนบาท เพราะสินค้าของเราไม่ได้จ้างใครผลิต เราทำกันแบบโฮมเมด ทำเอง ลุยเอง เราควบคุมคุณภาพสินค้าได้ ลูกค้าก็ติดใจ ยอดขายเราก็เลยทะลุเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้

สูตรเด็ดเคล็ดลับ “กะปิโหว่ สูตรโบราณ” By สุเทพสีใส

23

สูตรเด็ดความอร่อยของกะปิโหว่ สูตรโบราณ” By สุเทพสีใส เริ่มจากวัตถุดิบที่ใช้ต้องเป็นน้ำตาลมะพร้าวเท่านั้น ถึงจะเหนียวได้ที่ ส่วนกะปิต้องใช้ที่หมักนานเกินกว่า 1ปีครึ่ง และต้องเป็นกะปิจากแหล่งที่เราคัดสรร กะปิบางแห่งไม่เหมาะเอามาทำกะปิโหว่ แต่เหมาะสำหรับเอาไว้ทำอาหารมากกว่า เมื่อได้ส่วนผสมหลักๆ ก็นำมารวมกับเกลือ และพริกแดงจินดา เอามาปั่นให้เข้ากัน แล้วทิ้งให้เซตตัว 2-3 วัน จะได้รสชาติอร่อยกลมกล่อม ไม่หวานแหลม ไม่คาว

และหากมีคิวออกงานอีเว้นท์จะต้องมีการเตรียมวัตถุดิบสำหรับขายให้เพียงพอต่อหนึ่งงาน ไม่มีการทำค้างส่วนใหญ่ทำแบบพอขายเพื่อให้ได้รสชาติที่อร่อย โดยแต่ละงานเบื้องต้นใช้กะปิ 100 กิโลกรัม น้ำตาล 300 กิโลกรัม เกลือแกง 100 ช้อนชา และพริกแดงจินดา 100 ถ้วยตวง สำหรับทำกะปิโหว่กระปุกเล็กน้ำหนัก 125 กรัม จำนวน 3,500 กระปุก หรือถ้าเป็นกระปุกใหญ่จะกระปุกละครึ่งกิโลกรัม ขณะเดียวกันก็ต้องสั่งมะม่วงเบาเตรียมไว้ครั้งละ 100-200 กิโลกรัม

28

และแน่นอนว่าทุกครั้งที่ออกงาน พี่สุเทพจะต้องไปเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าของตัวเอง ตรงนี้พี่ป๊อบบอกว่า “พี่สุเทพเขาก็เต็มใจ พี่เค้าเป็นคนที่ทำอะไรเต็มที่ อะไรที่เห็นว่าดีเห็นว่าทำแล้วได้เงิน เขาลุยเต็มที่ พี่สุเทพบอกว่าการขายมะม่วงก็ถือเป็นงานหนึ่งเช่นกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใดลูกค้าที่มาซื้อจะติดใจในรสชาติมากกว่า บางคนถึงขนาดที่ขอจะมารับไปขาย ซึ่งเราก็เปิดกว้างและคิดว่าน่าจะเป็นอีกช่องทางเพื่อสร้างรายได้ให้กับแบรนด์ได้มากขึ้น”

เตรียมต่อยอดสินค้า “ยำกะปิโหว่By สีใส” ตั้งเป้าขยายธุรกิจให้โตขึ้น

24

ถึงตอนนี้กะปิโหว่และมะม่วงเบาเป็นสินค้ายอดฮิตที่ขายดีมาก มีตัวแทนจำหน่ายมารับซื้อแล้วเอาไปขายต่อในพื้นที่ตัวเอง ราคาขายก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่าจะมีการผสมผสานเทคนิคการขายอย่างไร บางคนเอามะม่วงเบาไปรวมกันผลไม้อื่นๆ เพิ่มราคาขายได้มากขึ้น หรือบางคนอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวก็สามารถตั้งราคาขายได้มากกว่าเดิม

อย่างไรก็ดีจุดเปลี่ยนที่น่าสนใจที่พี่ป๊อบและพี่สุเทพมองไว้ว่าจะเริ่มทำให้เป็นรูปเป็นร่างคือ “ยำกะปิโหว่ By สีใส” ที่มีแรงบันดาลใจจากครั้งหนึ่งในงานอีเว้นท์ที่มีการนำกะปิโหว่มาผสมกับสตรอว์เบอร์รี่ มะม่วงเบา ส้มโอไปยำ ใส่ปลากรอบ มะม่วงหิมพานต์ ถั่วเม็ดใหญ่ เพิ่มพริกผงลงไป ปรากฏว่าเป็นสินค้ายอดฮิตที่ขายดีในงานนั้นมากๆ เลยเป็นตัวจุดประกายว่าในอนาคตจะทำ “คีออส” เปิดขาย “ยำกะปิโหว่By สีใส” ทีแรกก็ตั้งใจว่าจะเปิดตัวในปีนี้แต่มาติดสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID 19 ทำให้โปรเจคนี้ต้องเลื่อนออกไป

โดยรูปแบบที่คิดไว้คร่าวๆ คือคนลงทุนใช้งบ 10,000 บาท จะได้คีออสและกะปิโหว่ที่เป็นวัตถุดิบหลัก จากนั้นผู้ลงทุนก็จะไปหาวัตถุดิบในการยำอื่นๆ ซึ่งจะมีการสอนเทคนิคการยำ และมีการส่งเสริมการตลาดแนะนำร้านของผู้ลงทุนว่าอยู่ที่ไหนอย่างไร เพื่อช่วยให้ขายดีมากขึ้น แต่ทั่งนี้พี่ป๊อบกับพี่สุเทพมองว่า ยังไม่อยากเรียกการลงทุนแบบนี้ว่าเป็นแฟรนไชส์แต่อยากให้เป็นรูปแบบของสาขามากกว่า”

5 ข้อคิดลงทุนทำธุรกิจสไตล์ “สุเทพ สีใส”

21

จากแบรนด์ มะม่วงเบา เนเวอร์ดาย บาย สีใสและกะปิโหว่ที่ประสบความสำเร็จสร้างยอดขายได้เป็นอย่างดี เหตุผลที่ผลักดันให้พี่สุเทพก้าวมาถึงวันนี้ไม่ใช่เพียงเพราะการเป็นคนของประชาชน มีคนรู้จักมากแต่แนวคิดของพี่สุเทพในการทำธุรกิจน่าสนใจหลายอย่างได้แก่

1.ถ้าคิดว่าเสี่ยงอย่าทำ

พี่สุเทพจะเป็นคนที่คิดอย่างรอบคอบก่อนลงทุนอะไรที่คิดว่าเสี่ยงได้ไม่คุ้มเสียจะไม่ทำเป็นอันขาด เพราะการผิดพลาดสักครั้งอาจไม่ใช่แค่ตัวเราคนเดียวที่จะได้รับผลกระทบ

2.ถ้าคิดว่าดีเดินหน้าทำเต็มที่

หากธุรกิจไหนมีแนวโน้มที่จะเติบโตที่จะประสบความสำเร็จพี่สุเทพพร้อมใส่เกียร์5 เดินหน้าเต็มกำลังและทุ่มเทให้กับธุรกิจนั้นๆอย่างเต็มที่

22

3.คำว่า “คุณภาพ” สำคัญที่สุด

พี่สุเทพใส่ใจกับคำว่า “คุณภาพ” มาเป็นอันดับแรก การเป็นดาราก็เพียงทำให้คนรู้จัก แต่หากสินค้าไม่ดีไม่มีคุณภาพอาจกลายเป็นดาบสองคมที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองได้

4.ต้องมีความกล้าที่จะเริ่มต้น

หลายคนที่ไม่มีธุรกิจตัวเองเป็นเพราะ “ไม่กล้า” ถ้าคิดว่าสิ่งที่เราจะทำคือเรื่องที่ดี คือสิ่งที่จะสร้างรายได้แน่ๆ อย่ารอช้า ให้เดินหน้าทำทันทีไม่ต้องรีรออะไรทั้งนั้น

5.อย่าไปกลัวคู่แข่ง

หลายคนไม่กล้าลงทุนอะไรเพราะมองว่านั่นก็มีคู่แข่ง นี่ก็มีคนขายเยอะ แบบนี้เราจะไปสู้เขาได้ยังไง ทุกอย่างเป็นสิ่งที่เราคิดเอง ถ้าสินค้าเราดี ลูกค้าจะมาหาเรา อย่าเอาความคิดเราไปตัดสินแทนลูกค้าเด็ดขาด

20

ปัจจุบันพี่สุเทพ สีใส อายุกว่า 61 ปี เป็นดาราที่มีคุณภาพ เป็นตลกที่มากประสบการณ์ เหนือสิ่งอื่นใดพี่สุเทพมีมุมมองในการใช้ชีวิตที่น่ายกย่อง เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับดารารุ่นหลัง ตลกรุ่นน้อง และอีกหลายคนที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง สิ่งสำคัญคืออย่ากลัวที่จะก้าวไปข้างหน้า ถ้ามัวแต่คิดเราจะไม่มีคำว่า “สำเร็จ” เราทุกคนล้วนมีความ “อยาก” อยากรวย! อยากมีเงิน! อยากมีชีวิตที่สุขสบาย! แต่ลำพังแค่ความ “อยาก” ไม่สามารถสร้างฝันให้เป็นจริงได้ ต้องลงมือทำจริง ตั้งใจจริง แล้วชีวิตจะประสบความสำเร็จแน่นอน

รายละเอียดเพิ่มเติม
Facebook : www.facebook.com/mangoneverdie.bysrisai/

 

อ้างอิงจาก https://bit.ly/36SXsMs

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)

เรียนจบจากคณะนิเทศศาสตร์ ทำงานในด้านวารสารมากว่า10ปี สะสมความรู้หลากหลายแนวทั้งด้านการเกษตร สังคม สู่การประยุกต์เป็นอาชีพทั้ง SMEs และแฟรนไชส์รวมถึงแนวทางด้านกลยุทธ์การตลาดต่างๆ การเขียนคืองานที่เราตั้งใจและใจรักมากที่สุด